มีเรื่องปรึกษานิดนึงครับ โดยเรื่องเกิดเมื่อประมาณต้นปี
ผมทำงานในตำแหน่งเซลประจำสาขาในบริษัทใหญ่แห่งหนึ่งครับ(เอ่ยชื่อได้มั้ยเนี่ย?) เผอิญว่าผมได้ขายสินค้าให้กับลูกค้าท่านหนึ่ง โดยเป็นแพ็คเก็จVIPมูลค่า 200,000 บาท ซึ่งลูกค้าท่านนี้ก็แสดงออกว่ามีความชอบพอผมอยู่มาก(อยากเป็นแฟนผมว่างั้นเหอะ อิอิ) โดยพยายามมาตื้อผมอยู่เป็นเดือน แต่ผมก็แบ่งรับแบ่งสู้ ปฏิเสธแบบสุภาพแต่ชัดเจนว่ามันคงไม่มีทางเป็นไปได้ และที่สาขาผมก็รับรู้เรื่องทั้งหมดมาโดยตลอด(เพราะผมต้องอยู่หอพักที่ทางบริษัทจัดไว้ให้และมีพนักงานทั้งสาขาอยู่ด้วยกัน และปรึกษากับทั้งผู้จัดการและคนในสาขาตลอด เพราะผมกลัวว่าจะมีปัญหาภายหลัง ซึ่งก็มีจริงๆ) ซึ่งผมก็ได้ออกไปทานอาหารกับลูกค้าครั้งสองครั้ง(ทุคนรับรู้ และได้ชวนน้องอีกคนนึงไปด้วย แต่น้องมาไม่ทัน ผมง่วงเลยกลับก่อน)และไปตจว.หนึ่งครั้ง(แม่ไปด้วยครับ มีรูปยืนยัน และผมนอนกับแม่)แต่ก็ไม่ได้มีอะไรเกินเลย แค่ไปเอ็นเตอร์เทนต์ กินข้าวประมาณนั้น
จนมาวันหนึ่งเกิดการเข้าใจกันผิดเรื่องนัด ทำให้ลูกค้าไม่พอใจและต้องการคุยเรื่องการคืนเงิน(จริงๆแล้วผมว่าลูกค้าน่าจะมีปัญหาทางจิตนิดหน่อย จึงเกิดอาการวิตกจริต) ทางผมก็พยายามเจรจาเพื่อให้ลูกค้าเปลี่ยนใจ แต่ผู้จัดการสาขาให้ลูกค้าไปคุยข้างนอก ทำให้เค้ายิ่งไม่พอใจ โวยวายจะขอคืนเงินให้ได้ ทางสาขาก็พยายามดึงเรื่องไว้ก่อนเพราะว่ายังไม่ได้ข้อสรุปจากออฟฟิตใหญ่ ระหว่างนั้นลูกค้าก็มาโวยวายในสาขา ทางสาขาเลยคืนเงินให้เป็นเงิน ประมาณ 128,000 บาท และผมขอย้ายสาขาเพื่อแสดงความรับผิดชอบ.
.........ผมก็นึกว่าเรื่องจบแล้ว แต่หลังจากนั้นทางออฟฟิตใหญ่เรียกผมเข้าไปคุยครับ ผมก็งงๆว่าเรื่องอะไร เค้าบอกว่าเรื่องคืนเงินให้ลูกค้า ผมก็สอบถามว่ามีอะไรเหรอครับ ทางออฟฟิตใหญ่แจ้งมาว่าทางผู้บริหารพิจารณาว่าที่ลูกค้าขอคืนเงินนั้นเป็นเพราะเรื่องชู้สาวระหว่างผมกับลูกค้า เป็นความผิดของผม ดังนั้นทางออฟฟิตใหญ่จะรับผิดชอบแค่ 1แสนเท่านั้น ส่วนที่เหลืออีกสองหมื่นแปด ผมต้องรับผิดชอบเองโดยHeadจะช่วยออกครึ่งหนึ่ง??!!
ตอนนั้นงงมากๆว่าทำไมเค้าตัดสินออกมาแบบนี้ เพราะตอนที่ผมคุยกับลูกค้าๆก็บอกกับทางสาขาว่าเค้าไม่พอใจผู้จัดการสาขา ไม่เกี่ยวกับผมแล้วทำไมออฟฟิตมาตัดสินแบบนี้ แล้วก็บอกเค้าไปตามที่ลูกค้าบอก เถียงกันอยู่นานเลย แต่ผมก็ยืนยันไปในความบริสุทธิ์ของผม เค้าก็เลยบอกว่าเดี๋ยวจะไปคุยกับผู้บริหารอีกทีแล้วจะมาแจ้งอีกครั้ง
จนผ่านไปสองสามวัน(ผมก็พยายามโทรหาผู้บริหาร แต่ก็ติดต่อไม่ได้) ผมเลยโทรไปคุยกับพี่ที่เป็นผู้ช่วยของผู้บริการที่ตัดสินเรื่องนี้ เค้าก็ยังยืนยันว่าผมผิด แต่ๆๆๆๆ คราวนี้เค้ามาบอกว่าผมผิดเรื่องการขอคืนเงินผมต้องรับผิดชอบ........-*-
ผมก็เลยถามเค้าไป"พี่ครับ ผมผิดยังไง"
"น้องไปบอกยอดเค้าได้ยังไงว่าต้องคืนเท่าไหร่"
อ้าวเวร ข้อหาเปลี่ยน)
"อ้าวพี่ ถ้าไม่บอกเค้าจะเซ็นยอมรับเหรอ(ลูกค้าไม่ได้โง่นะพี่!!)"
"นั่นแหละ เอาเงินไปคืนลูกค้าก่อนได้ยังไง"
"อ้าว แล้วพี่จะปล่อยให้เค้าโวยวายไปเรื่อยๆเหรอ เค้าไม่ได้มาแค่วันเดียวนะพี่ มาเกือบทุกวัน แล้วโวยวายทีเป็นชม. ลูกค้าคนอื่นเค้าจะมองว่าไง แล้วอีกอย่างผมจะไปมีเงินคืนให้เค้าได้ไงถ้าพวกพี่ไม่ได้อนุมัติมาผมจะเอาเงินที่ไหนไปคืนถ้าพวกพี่ไม่ได้อนุมัติมา"
"Headมาเบิกไปจ่ายก่อน ยังไม่ได้ผ่านผู้บริหาร"
"อ้าว แล้วมาเกี่ยวไรกะผมล่ะ พี่ก็ต้องไปถามพี่headสิ เกี่ยวไรกะผม"
"นั่นแหละ น้องไปให้เค้าเซ็นแปลว่าเราต้องคืนยอดนั้น แล้วน้องรู้ได้ไงว่ามันถูก"
ปรี๊ดเลยครับ ผมเลยสวนไปว่า "ผมไม่ได้เป็นคนคำนวณยอดที่ต้องคืนนะพี่ เป็นน้องอีกคนนึงกับผู้จัดการ แล้วผมไปเกี่ยวอะไรด้วย ผมแค่มีหน้าที่ไกล่เกลี่ย แล้วอีกอย่างถ้ายอดมันไม่ถูก เรื่องมันเข้าไปที่ออฟฟิตใหญ่ ทำไมพวกพี่ถึง approve ออกมาล่ะ เพราะในเอกสารมีลายเซ็นตั้งไม่รู้กี่แผนก หลักฐานก็มี ถ้าพี่จะหักเงินก็ไปหักกับเจ้าของลายเซ็นสิ"
ทางพี่ผู้ช่วยเค้าก็พยายามบ่ายเบี่ยงและให้ผมรับผิดชอบให้ได้ แล้วก็วางสายกันไปโดยที่ยังไม่มีข้อสรุป
.
.
.
.
.
.
.
ให้พักสายตา
.
.
.
.
.
.
.
อีกประมาณเดือนนึง ทางบุคคลก็โทรมาอีก บอกว่าเค้าจะหักเงินผมหมื่นสี่โดยแบ่งเป็นสามเดือน ผมก็เห้ยยยยยยย ทำไมจะมาหักผม เกี่ยวไรกะผม เค้าก็บอกผู้บริหารสั่งมาแบบนี้ ก็เลยบอกเดี๋ยวๆๆพี่อย่าเพิ่งหักขอผมคุยกับHeadก่อนว่าทำไมมาหักผม
ผมเลยโทรไปหาhead ถามว่าทำไมมาหักกับผมแบบนี้ เค้าก็บอกว่า"เค้าตัดสินว่าเป็นเรื่องชู้สาว เราต้องรับผิดชอบ" อ้าว......กรรมของเวร ข้อหาเปลี่ยนอีกแล้ว -*-
"พี่งั้นผมขอเข้าไปชี้แจงกับผู้บริหารที่ตัดสินเอง" ผมว่างั้นไป ก็เลยนัดวันเวลากัน
พอถึงวันนัด ผมก็เข้าไปออฟฟิต แต่คนที่เข้ามาคุยกับผมเป็นพี่headแทน
"พี่ว่าคุยกับพี่ก่อนแล้วเดี๋ยวพี่ไปบอกผู้บริหารให้ดีกว่า" headบอก
"ก็ได้พี่ คือทำไมมาปรับผมเรื่องว่าผมกับลูกค้ามีปัญหาเรื่องชู้สาวอีกล่ะ ผมก็ชี้แจงไปแล้วหนิพี่ว่ามันไม่ใช่ พี่จะคุยกับลูกค้าก็ได้นะ จะได้จบๆไป"
headก็บอกว่า"พี่ก็บอกไปแล้ว แต่น้องต้องเข้าใจนะว่าลูกค้าเค้าอยู่ต่อหน้าน้องก็พูดอีกอย่าง พอโทรไปคุยกับผู้บริหารก็พูดอีกอย่าง แล้วทางผู้บริการก็ตัดสินมาว่าน้องผิด"
"แล้วผมผิดยังไงพี่ ผมไม่ได้ไปทำอะไรเกินเลยๆนะพี่ ทุกๆคนในสาขาก็รู้ พี่จะถามน้องๆในสาขาก็ได้ ผมก็อยู่แต่ในสาขาไม่ได้ออกไปไหน เลิกงานก็ตรงกลับหอ แทบไม่เคยไปไหนคนเดียวด้วยซ้ำ แล้วผมจะเอาเวาลาที่ไหนไปทำเรื่องอย่างนั้น แล้วตอนแรกก็มากล่าวหาผมเรื่องการคืนเงินอีก"
"พี่ก็จนปัญญาเหมือนกัน ไม่รู้จะทำยังไง"
"พี่ลองคุยอีกทีไม่ได้เหรอ ผมไม่ได้ผิดนะ มันไม่ใช่เรื่องที่ผมต้องเสียเงินเลย ให้ผมขึ้นไปคุยกับผู้บริหารก็ได้นะพี่ หรือให้ลูกค้ามาพูดต่อหน้าก็ได้"
พี่headเค้าก็เรียกหลายๆฝ่าย(ที่มีลายเซ็นในนั้น)มาถามว่าผมผิดมั้ย(แน่ะ ยังจะถามอีก) แต่ทั้งบัญชี บุคคลก็บอกว่าผมไม่ผิด
"งั้นเดี๋ยวพี่ลองโทรคุยใก่อนอีกครั้งแล้วกัน" พี่เค้าก็โทรคุยตรงนั้นเลย สรุปผลเหมือนเดิม..
ปรี๊ดมากครับอารมณ์นั้น ทั้งโกรธทั้งเสียใจทั้งน้อยใจและผิดหวังว่าทำไมบริษัทถึงปัดสวะให้พ้นตัวแบบนี้ ทำไมผมต้องมาเป็นแพะรับบาปด้วย
ผมบอกพี่headด้วยอารมณ์โมโหว่า"ผมไม่เข้าใจพี่ มันไม่แฟร์กับผมเลย ผมไม่ได้ทำอะไรเสียหายหรือผิดเลย เรื่องชู้สาวก็ไม่มี ผมแค่ทำงานของผม หรือทางบริษัทต้องการให้ผมไปนอนกับลูกค้าใช่มั้ย บริษัทถึงพอใจ"
พี่headก็ไม่รู้จะทำไง ผมก็ออกตัวแรงล้อฟรีขนาดนั้น เค้าเลยแก้เก้อ บอกว่าจะโทรอีกครั้ง
รู้มั้ยครับว่าผลออกมาเป็นยังไง
เค้าบอกว่าผมต้องจ่ายเงินเหมือนเดิม แต่เป็นยอดหมื่นแปด(ลดยอดของheadมาเพิ่มให้ผมจากเดิมอีก 4000) จ่ายสามเดือนๆละ 6000
หมดแรงเลยครับหมดแรง กลับบ้านคอตกบ่อน้ำตาแทบแตก ถึงตอนนั้นหมดหวังยอมรับชะตากรรมแล้วครับ
ผมเลยปล่อยให้เค้าหัก 3 เดือน พอครบเดือนถัดไปผมก็ลาออกเลย เข็ดแล้วกับบริษัทอย่างนี้
เล่ามาซะยาว ขอบคุณมากนะครับที่อ่านจนจบ อัดอั้นมาก
คือยากจะถามว่า
1. ผมจะเรียกร้อง หรือฟ้องร้องอะไรได้บ้างมั้ยครับ? เพราะมันก็หักไปเรียบร้อยแล้วและผมลาออกๆมาแล้วด้วย
2. เรื่องที่เกิดขึ้นนี่ผมผิดเหรอครับ ผมอยากรู้ตามจริงเลยเพราะผมคิดว่าผมไม่ผิด
3. ถ้ามีอะไรสงสัยอีกจะมาถามต่อครับ
สุดท้าย ขอฝากเรื่องนี้เอาไว้เป็นอุทาหรณ์นะครับ อย่าได้มีใครเจอแบบผมเลย
โดนอย่างนี้ถือว่าบริษัทเอาเปรียบมั้ยและเรียกร้องอะไรได้มั้ยครับ
ผมทำงานในตำแหน่งเซลประจำสาขาในบริษัทใหญ่แห่งหนึ่งครับ(เอ่ยชื่อได้มั้ยเนี่ย?) เผอิญว่าผมได้ขายสินค้าให้กับลูกค้าท่านหนึ่ง โดยเป็นแพ็คเก็จVIPมูลค่า 200,000 บาท ซึ่งลูกค้าท่านนี้ก็แสดงออกว่ามีความชอบพอผมอยู่มาก(อยากเป็นแฟนผมว่างั้นเหอะ อิอิ) โดยพยายามมาตื้อผมอยู่เป็นเดือน แต่ผมก็แบ่งรับแบ่งสู้ ปฏิเสธแบบสุภาพแต่ชัดเจนว่ามันคงไม่มีทางเป็นไปได้ และที่สาขาผมก็รับรู้เรื่องทั้งหมดมาโดยตลอด(เพราะผมต้องอยู่หอพักที่ทางบริษัทจัดไว้ให้และมีพนักงานทั้งสาขาอยู่ด้วยกัน และปรึกษากับทั้งผู้จัดการและคนในสาขาตลอด เพราะผมกลัวว่าจะมีปัญหาภายหลัง ซึ่งก็มีจริงๆ) ซึ่งผมก็ได้ออกไปทานอาหารกับลูกค้าครั้งสองครั้ง(ทุคนรับรู้ และได้ชวนน้องอีกคนนึงไปด้วย แต่น้องมาไม่ทัน ผมง่วงเลยกลับก่อน)และไปตจว.หนึ่งครั้ง(แม่ไปด้วยครับ มีรูปยืนยัน และผมนอนกับแม่)แต่ก็ไม่ได้มีอะไรเกินเลย แค่ไปเอ็นเตอร์เทนต์ กินข้าวประมาณนั้น
จนมาวันหนึ่งเกิดการเข้าใจกันผิดเรื่องนัด ทำให้ลูกค้าไม่พอใจและต้องการคุยเรื่องการคืนเงิน(จริงๆแล้วผมว่าลูกค้าน่าจะมีปัญหาทางจิตนิดหน่อย จึงเกิดอาการวิตกจริต) ทางผมก็พยายามเจรจาเพื่อให้ลูกค้าเปลี่ยนใจ แต่ผู้จัดการสาขาให้ลูกค้าไปคุยข้างนอก ทำให้เค้ายิ่งไม่พอใจ โวยวายจะขอคืนเงินให้ได้ ทางสาขาก็พยายามดึงเรื่องไว้ก่อนเพราะว่ายังไม่ได้ข้อสรุปจากออฟฟิตใหญ่ ระหว่างนั้นลูกค้าก็มาโวยวายในสาขา ทางสาขาเลยคืนเงินให้เป็นเงิน ประมาณ 128,000 บาท และผมขอย้ายสาขาเพื่อแสดงความรับผิดชอบ.
.........ผมก็นึกว่าเรื่องจบแล้ว แต่หลังจากนั้นทางออฟฟิตใหญ่เรียกผมเข้าไปคุยครับ ผมก็งงๆว่าเรื่องอะไร เค้าบอกว่าเรื่องคืนเงินให้ลูกค้า ผมก็สอบถามว่ามีอะไรเหรอครับ ทางออฟฟิตใหญ่แจ้งมาว่าทางผู้บริหารพิจารณาว่าที่ลูกค้าขอคืนเงินนั้นเป็นเพราะเรื่องชู้สาวระหว่างผมกับลูกค้า เป็นความผิดของผม ดังนั้นทางออฟฟิตใหญ่จะรับผิดชอบแค่ 1แสนเท่านั้น ส่วนที่เหลืออีกสองหมื่นแปด ผมต้องรับผิดชอบเองโดยHeadจะช่วยออกครึ่งหนึ่ง??!!
ตอนนั้นงงมากๆว่าทำไมเค้าตัดสินออกมาแบบนี้ เพราะตอนที่ผมคุยกับลูกค้าๆก็บอกกับทางสาขาว่าเค้าไม่พอใจผู้จัดการสาขา ไม่เกี่ยวกับผมแล้วทำไมออฟฟิตมาตัดสินแบบนี้ แล้วก็บอกเค้าไปตามที่ลูกค้าบอก เถียงกันอยู่นานเลย แต่ผมก็ยืนยันไปในความบริสุทธิ์ของผม เค้าก็เลยบอกว่าเดี๋ยวจะไปคุยกับผู้บริหารอีกทีแล้วจะมาแจ้งอีกครั้ง
จนผ่านไปสองสามวัน(ผมก็พยายามโทรหาผู้บริหาร แต่ก็ติดต่อไม่ได้) ผมเลยโทรไปคุยกับพี่ที่เป็นผู้ช่วยของผู้บริการที่ตัดสินเรื่องนี้ เค้าก็ยังยืนยันว่าผมผิด แต่ๆๆๆๆ คราวนี้เค้ามาบอกว่าผมผิดเรื่องการขอคืนเงินผมต้องรับผิดชอบ........-*-
ผมก็เลยถามเค้าไป"พี่ครับ ผมผิดยังไง"
"น้องไปบอกยอดเค้าได้ยังไงว่าต้องคืนเท่าไหร่"
"อ้าวพี่ ถ้าไม่บอกเค้าจะเซ็นยอมรับเหรอ(ลูกค้าไม่ได้โง่นะพี่!!)"
"นั่นแหละ เอาเงินไปคืนลูกค้าก่อนได้ยังไง"
"อ้าว แล้วพี่จะปล่อยให้เค้าโวยวายไปเรื่อยๆเหรอ เค้าไม่ได้มาแค่วันเดียวนะพี่ มาเกือบทุกวัน แล้วโวยวายทีเป็นชม. ลูกค้าคนอื่นเค้าจะมองว่าไง แล้วอีกอย่างผมจะไปมีเงินคืนให้เค้าได้ไงถ้าพวกพี่ไม่ได้อนุมัติมาผมจะเอาเงินที่ไหนไปคืนถ้าพวกพี่ไม่ได้อนุมัติมา"
"Headมาเบิกไปจ่ายก่อน ยังไม่ได้ผ่านผู้บริหาร"
"อ้าว แล้วมาเกี่ยวไรกะผมล่ะ พี่ก็ต้องไปถามพี่headสิ เกี่ยวไรกะผม"
"นั่นแหละ น้องไปให้เค้าเซ็นแปลว่าเราต้องคืนยอดนั้น แล้วน้องรู้ได้ไงว่ามันถูก"
ปรี๊ดเลยครับ ผมเลยสวนไปว่า "ผมไม่ได้เป็นคนคำนวณยอดที่ต้องคืนนะพี่ เป็นน้องอีกคนนึงกับผู้จัดการ แล้วผมไปเกี่ยวอะไรด้วย ผมแค่มีหน้าที่ไกล่เกลี่ย แล้วอีกอย่างถ้ายอดมันไม่ถูก เรื่องมันเข้าไปที่ออฟฟิตใหญ่ ทำไมพวกพี่ถึง approve ออกมาล่ะ เพราะในเอกสารมีลายเซ็นตั้งไม่รู้กี่แผนก หลักฐานก็มี ถ้าพี่จะหักเงินก็ไปหักกับเจ้าของลายเซ็นสิ"
ทางพี่ผู้ช่วยเค้าก็พยายามบ่ายเบี่ยงและให้ผมรับผิดชอบให้ได้ แล้วก็วางสายกันไปโดยที่ยังไม่มีข้อสรุป
.
.
.
.
.
.
.
ให้พักสายตา
.
.
.
.
.
.
.
อีกประมาณเดือนนึง ทางบุคคลก็โทรมาอีก บอกว่าเค้าจะหักเงินผมหมื่นสี่โดยแบ่งเป็นสามเดือน ผมก็เห้ยยยยยยย ทำไมจะมาหักผม เกี่ยวไรกะผม เค้าก็บอกผู้บริหารสั่งมาแบบนี้ ก็เลยบอกเดี๋ยวๆๆพี่อย่าเพิ่งหักขอผมคุยกับHeadก่อนว่าทำไมมาหักผม
ผมเลยโทรไปหาhead ถามว่าทำไมมาหักกับผมแบบนี้ เค้าก็บอกว่า"เค้าตัดสินว่าเป็นเรื่องชู้สาว เราต้องรับผิดชอบ" อ้าว......กรรมของเวร ข้อหาเปลี่ยนอีกแล้ว -*-
"พี่งั้นผมขอเข้าไปชี้แจงกับผู้บริหารที่ตัดสินเอง" ผมว่างั้นไป ก็เลยนัดวันเวลากัน
พอถึงวันนัด ผมก็เข้าไปออฟฟิต แต่คนที่เข้ามาคุยกับผมเป็นพี่headแทน
"พี่ว่าคุยกับพี่ก่อนแล้วเดี๋ยวพี่ไปบอกผู้บริหารให้ดีกว่า" headบอก
"ก็ได้พี่ คือทำไมมาปรับผมเรื่องว่าผมกับลูกค้ามีปัญหาเรื่องชู้สาวอีกล่ะ ผมก็ชี้แจงไปแล้วหนิพี่ว่ามันไม่ใช่ พี่จะคุยกับลูกค้าก็ได้นะ จะได้จบๆไป"
headก็บอกว่า"พี่ก็บอกไปแล้ว แต่น้องต้องเข้าใจนะว่าลูกค้าเค้าอยู่ต่อหน้าน้องก็พูดอีกอย่าง พอโทรไปคุยกับผู้บริหารก็พูดอีกอย่าง แล้วทางผู้บริการก็ตัดสินมาว่าน้องผิด"
"แล้วผมผิดยังไงพี่ ผมไม่ได้ไปทำอะไรเกินเลยๆนะพี่ ทุกๆคนในสาขาก็รู้ พี่จะถามน้องๆในสาขาก็ได้ ผมก็อยู่แต่ในสาขาไม่ได้ออกไปไหน เลิกงานก็ตรงกลับหอ แทบไม่เคยไปไหนคนเดียวด้วยซ้ำ แล้วผมจะเอาเวาลาที่ไหนไปทำเรื่องอย่างนั้น แล้วตอนแรกก็มากล่าวหาผมเรื่องการคืนเงินอีก"
"พี่ก็จนปัญญาเหมือนกัน ไม่รู้จะทำยังไง"
"พี่ลองคุยอีกทีไม่ได้เหรอ ผมไม่ได้ผิดนะ มันไม่ใช่เรื่องที่ผมต้องเสียเงินเลย ให้ผมขึ้นไปคุยกับผู้บริหารก็ได้นะพี่ หรือให้ลูกค้ามาพูดต่อหน้าก็ได้"
พี่headเค้าก็เรียกหลายๆฝ่าย(ที่มีลายเซ็นในนั้น)มาถามว่าผมผิดมั้ย(แน่ะ ยังจะถามอีก) แต่ทั้งบัญชี บุคคลก็บอกว่าผมไม่ผิด
"งั้นเดี๋ยวพี่ลองโทรคุยใก่อนอีกครั้งแล้วกัน" พี่เค้าก็โทรคุยตรงนั้นเลย สรุปผลเหมือนเดิม..
ปรี๊ดมากครับอารมณ์นั้น ทั้งโกรธทั้งเสียใจทั้งน้อยใจและผิดหวังว่าทำไมบริษัทถึงปัดสวะให้พ้นตัวแบบนี้ ทำไมผมต้องมาเป็นแพะรับบาปด้วย
ผมบอกพี่headด้วยอารมณ์โมโหว่า"ผมไม่เข้าใจพี่ มันไม่แฟร์กับผมเลย ผมไม่ได้ทำอะไรเสียหายหรือผิดเลย เรื่องชู้สาวก็ไม่มี ผมแค่ทำงานของผม หรือทางบริษัทต้องการให้ผมไปนอนกับลูกค้าใช่มั้ย บริษัทถึงพอใจ"
พี่headก็ไม่รู้จะทำไง ผมก็ออกตัวแรงล้อฟรีขนาดนั้น เค้าเลยแก้เก้อ บอกว่าจะโทรอีกครั้ง
รู้มั้ยครับว่าผลออกมาเป็นยังไง
เค้าบอกว่าผมต้องจ่ายเงินเหมือนเดิม แต่เป็นยอดหมื่นแปด(ลดยอดของheadมาเพิ่มให้ผมจากเดิมอีก 4000) จ่ายสามเดือนๆละ 6000
หมดแรงเลยครับหมดแรง กลับบ้านคอตกบ่อน้ำตาแทบแตก ถึงตอนนั้นหมดหวังยอมรับชะตากรรมแล้วครับ
ผมเลยปล่อยให้เค้าหัก 3 เดือน พอครบเดือนถัดไปผมก็ลาออกเลย เข็ดแล้วกับบริษัทอย่างนี้
เล่ามาซะยาว ขอบคุณมากนะครับที่อ่านจนจบ อัดอั้นมาก
คือยากจะถามว่า
1. ผมจะเรียกร้อง หรือฟ้องร้องอะไรได้บ้างมั้ยครับ? เพราะมันก็หักไปเรียบร้อยแล้วและผมลาออกๆมาแล้วด้วย
2. เรื่องที่เกิดขึ้นนี่ผมผิดเหรอครับ ผมอยากรู้ตามจริงเลยเพราะผมคิดว่าผมไม่ผิด
3. ถ้ามีอะไรสงสัยอีกจะมาถามต่อครับ
สุดท้าย ขอฝากเรื่องนี้เอาไว้เป็นอุทาหรณ์นะครับ อย่าได้มีใครเจอแบบผมเลย