สวัสดีค่ะ ปกติเมื่อมีปัญหาหรืออยากรู้ข้อมูลอะไรก็จะมาหาเอาจากพัทิปทั้งที่ไม่เป็นสมาชิก(ต้องขออภัยด้วย) แต่เมื่อมาหาข้อมูลมากๆ และตัวเองได้ไปสอบจริงก็ทำให้รู้ว่า อยากจะเติมเต็มในบางส่วนที่คนน่าจะรู้ ยิ่งคนที่สอบ TOEFL ครั้งแรกจะตื่นเต้นจนอาจบางอย่างไปได้ เลยนำมาแชร์ร่วมกันค่ะ
เราเพิ่งไปสอบ TOEFL มาหมาดๆ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 กรกฎาคม 2556 ที่ผ่านมานี้เอง ขอเริ่มเลยนะคะ
1. เรื่องสถานที่สอบ
เริ่มจากตอนก่อนที่จะไปสอบก็ไปหาอ่าน Review เกี่ยวกับการสอบ และพบว่าการเลือกสถานที่สอบเป็นเรื่องสำคัญมาก เนื่องจากอุปกรณ์และบรรยากาสในการสอบก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งในการทำข้อสอบ เราเลยเลือก ที่มหาลัยเกษมบัณฑิต วิทยาเขตร่มเกล้า ซึ่งมีคนแนะนำว่าบรรยากาศและอุปกรณ์ดีมากแต่ข้อเสียคือ ไกล และเจ้าหน้าที่ดูไม่เป็นมิตร ซึ่งเราก็คิดว่าน่าจะมีผลกระทบน้อยสุดจึงเลือกที่นี่
หลังจากไปสอบมาก็ขอบอกได้ว่าเขาได้รีวิวไว้ถูกต้องแล้วคือ
- อุปกรณ์ดีมาก ดีจริงๆ น่าใช้ ใหม่ คอมเร็ว คีย์บอร์ดดี เวลาพิมพ์ก็ลื่นไม่เหมือนบางที่ที่ใช้คอมพิวเตอร์เก่า
- บรรยากาศการสอบ สงบ แอร์เย็นกำลังดี มีพาร์ติชั่นกั้นไม่เห็นกัน แม้จะได้ยินเสียงบางคนบ้าง แต่ถ้าเราใส่หูฟังตลอดเวลา ซึ่งหูฟังเป็นแบบครอบหูหมด และใหม่ เราว่าก็โอเค
- มีล๊อคเกอร์ให้ยืม ใส่ของไม่เสียค่าใช้จ่าย แค่มีบัตรประชาชนหรือใบขับขี่ก็โอเค ย้ำว่าต้องมีบัตรค่ะ
-สถานที่ค่อนข้างไกล จะบอกว่าเราก็อุตส่าห์ไปขับรถ survey มาแล้ว 3 อาทิตย์ก่อนถึงวันสอบ และได้ save map โดย Pin เก็บไว้ในโทรศัพท์ ซึ่งคงเป็นความผิดพลาดของเราเองไม่ดูให้เรียบร้อย พอถึงวันไปจริงเปิด map จะไป มันดันหาไม่เจอ เราเลยต้องค้นหาใหม่จากโปรแกรมแผนที่ในไอโฟน เราเองก็รีบและสะเพร่า ทำให้ไปผิดวิทยาเขต ไปวิทยาเขตพัฒนาการ ดีที่เราก็คาดไว้ว่าอาจจะมีเหตุเกิดขึ้นจึงเลือกสอบวันอาทิตย์ที่รถจะติดน้อยกว่าวันเสาร์ และเผื่อเวลาไว้ เลยเหยียบไป 25 นาที ถึงวิทยาเขตร่มเกล้าทันเวลา (กรุณาอย่าลอกเลียนแบบความโง่นี้เด็ดจาด T T)
-ข้อเสียอีกข้อคือ เจ้าหน้าที่ เห็นรีวิวกันว่าดุ ก็ไม่คิดว่าจะดุจริงๆ ซึ่งเดี๋ยวจะรีวิวในหัวข้อถัดไป
2. สิ่งที่ต้องเตรียมไปในวันสอบ
-พาสปอร์ตตัวจริงหรือบัตรประชาชนสำหรับเข้าห้องสอบ
-บัตรที่จะเอาไปแลกล๊อคเกอร์ฝากของเป็นบัตรติดรูป
-ใบยืนยันการเข้าสอบ จะพิมพ์จากอีเมบ หรือว่าจากระบบก็ได้ เอาที่เห็นว่ามีชื่อเรา สถานที่ วันสอบ รายละเอียดการสอบ อย่าลืมนะคะ มีคนลืมเอามาโดนว่าด้วย
งั้นก็ขอเล่าเรื่องเจ้าหน้าที่ ณ จุดนี้เลยแล้วกันค่ะ
-วันที่สอบมีคนต่างชาติเอา Copy passport มา เลยเจอเจ้าหน้าที่ซัดเข้าไป จริงๆ สิ่งที่เจ้าหน้าที่พูดถูกต้องแต่น้ำเสียงแอบแรง เป็นเราร้องไห้ชัวร์ คือ เขาไม่มีบอกไว้ในกฎเงื่อนไงว่าให้เอา copy ได้ ดังนั้นไม่ได้ สุดท้ายน่าสงสาร เขาไม่ได้สอบ แต่เจ้าหน้าที่พูดแรง เขาเลยถามชื่อ แต่ถามเงียบๆนะ ไม่ได้ตะคอก เจ้าหน้าที่ก็พูดกลับไปเป็นภาษาอังกฤษติดอารมณ์ว่า ทำไม ต้องเอาชื่อไป เราเป็นตัวแทนของ ETS we are the best and we don't care what you are ประมาณเนี้ยะ
-มีต่างชาติอีกคนเป็นเด็กน้อย พอเขาถามว่าขอใบ confirm น้องก็งงว่าอะไร ก็เลยโดนเลยว่า ไม่เอามาไม่ได้ ทำไมไม่อ่าน กฎก็มีเขียนไว้ น้องก็เริ่มคุ้ยของแล้วหยิบปึ้กกระดาษออกมา สรุปว่ามีแต่น้องไม่รู้ว่านี่คือใบ confirm ก็เลยโดนดุ ว่าคราวหลังจะทำอะไร อ่านกฎและรายละเอียดทุกอย่างให้เรียบร้อย จำเอาไว้
คือที่มาบอกตรงนี้ไม่ได้มาว่านะคะ เจ้าหน้าที่ทำถูกต้องแล้ว เพียงแต่น้ำเสียงแอบแรง นี่เป็นเหตุผลหนึ่งเลยที่เรามีรีวิว ไม่อยากให้คนโดน เพราะแค่สอบก็เครียดจะตายอยู่แล้ว มาโดนว่าก่อนเข้าเดี๋ยวจะสมาธิแตก เราว่าเราเตรียมตัวดีแล้ว ยังลืมบัตรปรชาชนไว้ในรถ วิ่งไปเอาตับแหลบเลย
3. อุปกรณ์ที่สามารถเข้าห้องสอบได้
สิ่งที่อนุญาตให้เข้าห้องสอบได้มี 2 อย่างเท่าน้้นคือ
-พาสปอร์ต ตัวจริง หรือบัตรประชาชน ย้ำตัวจริงเท่านั้น
-กุญแจล๊อคเกอร์ที่เขาให้เอาบัตรประชาชนทิ้งเอาไว้
-หากคุณไม่มีคนไปด้วย กรุณาเตรียมบัตรประชาชนและบัตรอื่นที่มีรูป เช่นใบขับขี่ อีกหนึ่งใบเพราะคุณต้องฝากของ ของเราเอาพาสปอร์ตกับบัตรประชาชนไปค่ะ
-ไม่ต้องกังวลเรื่องกระดาษดินสอไว้ take note นะคะ ในห้องสอบจะมีวางเอาไว้ให้ และกระดาษสามารถขอเพิ่มได้หากไม่ขอค่ะ แค่ยกมือพร้อมกระดาษเขาก็จะเอามาให้แล้ว
-กุญแจรถก็เข้าไม่ได้นะคะ
4. ก่อนเข้าห้องสอบ
เวลาสอบ 9.00 แต่เขานัดมา 8.30 เพราะว่าต้องมา register ก่อน โดย
- เมื่อไปถึงชั้น 6 ที่เป็นสถานที่สอบ จะมีห้องที่มีเจ้าหน้าที่รอลงทะเบียนอยู่ เราไป 8.35 ก็มีคนยืนรอแถวประมาณสิบคน แต่ละคนจะใช้เวลาค่อนข้างนาน เพราะ เจ้าหน้าที่ มี 2 คน หนึ่งคนดูและการลงทะเบียน 2 คน เป็น ลงได้ครั้งละ 4 คน ดังนั้นเผื่อเวลาด้วยนะคะ จะได้ไม่รอนาน แต่เจ้าหน้าที่จะรอจนลงทะเบียนกันเสร็จหมด ถ้าคุณมาเก้าโมงแล้วยังมีแถวลงทะเบียนอยู่ ก็โอเคค่ะ เพราะเขาจะรอจนกว่าจะลงครบ ถึงจะเริ่มขั้นต่อไป แต่ถ้าคุณมาแล้วไม่มีแถว เตรียมตัวโดนดุเลยนะคะ
-ในการลงทะเบียน เราจะต้องยื่นพาสปอร์ตหรือบัตรประชาชนแสดงตัว และใบ confirm
-ระหว่างเจ้าหน้าที่ดูเอกสาร เราจะต้องลอกใบยอมรับการสอบ จะเขียนภาษาอังกฤษประมาณหนึ่งย่อหน้า ตรงนี้ที่ทำให้ใช่เวลาค่อยข้างนาน เพราะบางคนก็อ่านรายละเอียดด้วยและกว่าจะลอกตามอีก บางคนใช้เกือบห้านาที
-ห้องสอบจะมี 2ห้อง A และ B ถ้าเลือกได้เราว่าเลือกห้อง B ดีกว่า เพราะห้อง B จะได้เข้าก่อน และเริ่มสอบก่อนจะได้มีสมาธิ
-ตอนก่อนเข้าห้องเขาจะเรียกว่าใครสอบห้อง B คนไปถึงก่อนจะได้เดินเข้าไปก่อน เขาจะต้องมีการถ่ายรูปเราอีกครั้ง และส่งไปยังหน้าคอมพิวเตอร์ที่เราจะสอบเพื่อยืนยันอีกที
-พอเราถึงที่นั่ง จะมีเจ้าหน้าที่มาเข้ารหัสให้ เราก็สอบได้เลย ที่ให้เริ่มก่อนเพราะว่าถ้าบางคนที่ไปสอบพูดเสียงดังจะเสียสมาธิเราได้ ตอน speaking เราเลยคิดว่าเข้าก่อนดีกว่า
5.ข้อสอบ
มาถึงตอนสอบกันบ้างค่ะ ข้อสอบแบ่งออกเป็น 4 ส่วนอย่างที่ทราบกันคือ Reading, Listening, 10 mins. break, speaking and writing ตามลำดับ
ในข้อสอบส่วนของเรานั้น จะมีข้อสอบดังนี้นะคะ
-Reading มี 3 passages ตอบคำถาม 47 ข้อ ภายในเวลา 60 นาที เนื่องจากสอบครั้งแรกเราไม่รู้นึกว่าอ่านแล้ว Passage จะหายไป เลยใช้เวลาอ่านค่อนข้างนาน พอคลิก Next เพื่อตอบคำถาม คำถามจะอยู่ทางด้านซ้ายมือ และจะมี Passage ให้อยู่ที่ขวามือ ทั้งนี้ ถ้าในตอนแรกเราไม่เลื่อน scroll bar ลงมาถึงล่างสุดระบบจะไม่ให้ไปต่อค่ะ ทั้งนี้ เทคนิคการทำข้อสอบของใครของมัน ฟรีสไตล์นะคะ แค่จะบอกว่าไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีข้อความให้อ่าน และคำตอบที่ตอบไปแล้ว สามารถย้อนกลับมาทำได้ค่ะ ส่วนใหญ่ข้อสุดท้ายจะเป็นช่องว่าง 3 ช่อง และมีข้อความ 6 ข้อความ ให้เลือกว่าอันไหนถูกต้อง 3 ข้อ แล้วคลิกไปวางในช่องว่า ซึ่ง ส่วนนี้จะได้คะแนนคำตอบละ 2 คะแนน เยอะกว่าข้ออื่นค่ะ
เห็นระบบบอกว่าถ้าทำเสร็จหมดแล้วสามารถมารีวิวดูได้ว่าทำข้อไหนไปแล้ว ข้ามไปบ้างหรือไม่ แต่พอดีเราเวลาเป๊ะมากเลยหมดเวลาพอดีไม่ทันรีวิว
-Listening แบ่งออกเป็น 3 ตอน ตอนละ 10 นาที ในหนึ่งตอนจะต้องฟัง 3 เรื่องเป็น conversation 1 และ lecture 2 เรื่อง เวลาที่ฟังจะไม่ถูกนับ จะนับตอนทำ ถึงต้องแบ่งเวลาไว้ทำอันหลังดีๆ นะคะ โดยประมาณต่อ 3 เรื่อง จะต้องตอบคำถามประมาณ 17 คำถามค่ะ
พัก Break 10 นาที แต่ถ้าอยากทำต่อเลยก็แจ้งเจ้าหน้าที่ได้ค่ะ เห็นมีคนเริ่มเลย
-Speaking แบ่งออกเป็น 3 ส่วน 6 หัวข้อ
ข้อ 1 และ 2 จะถามใกล้ตัว ของเราจำได้ข้อหนึ่งถามว่า มี club หรือชมรมไหนบ้างที่อยากเข้าร่วม เพราะอะไร อึ้งเล็กน้อย นึกไม่ทัน แอบจบมานาน ลืมนึกไปว่าโกหกไปก็ได้ เขาไม่รู้หรอก T T
ข้อ 3 และ 4 จะให้หัวข้อมาประมาณ 1 ย่อหน้า และให้ฟัง conversation ที่พูดเกี่ยวกับข้อความนั้น แล้วก็จะให้เราอธิบาย
ข้อ 5 และ 6 จะเป็น ให้ฟังเหมือนเป็น Lecture แล้วจะมีคำถามมาถามเช่น อันหนึ่งของเราเจอเล่าเกี่ยวกับนก คำถาม ถามว่า นก สองประเภืนี้ หากินต่างกันยังไง ประมาณนีั้นะคะ
- writing มี 2 หัวข้อค่ะ
หัวข้อแรก จะมีบทความความประมาณ 4 ย่อหน้า ให้อ่าน กำหนดเวลานะคะประมาณ3-5 นาที และให้ฟังคนพูดเกี่ยวกับบทความนั้น จากนั้นจะมีคำถาม ของเราให้เวลา 20 นาที เขียนอย่างค่ำ 170 คำ
หัวข้อที่สอง จะมีเป็น statement สั้นๆมาให้แล้วถามเราว่าเห็นด้วยหรือไม่ เพราะอะไร ให้ยกตัวอย่าง ของเราเจอ ประมาณว่า "เป็นไปไม่ได้ที่เราจะซื่อสัตย์ต่อเพื่อนตลอดเวลา" เห็นด้วยหรือไม่ อย่างไร ยกตัวอย่าง ให้เวลา 30 ยาที คืออ่านปุ๊บนับเวลาเลย เขียนขั้นต่ำ300 คำ
หลังจากเสร็จแล้วจะมีคำถามว่า เรายังยืนยันจะให้ส่งผลคะแนนไปให้ที่ที่เราระบุไว้ไหม คืออย่างเราให้ส่งไปมหาลัยเลย ยืนยันการส่งไหม
ถ้าแน่ใจว่าทำได้โอเคก็ยืนยันไปค่ะ
จะมีคำถาม survey ประมาณสองข้อ ก็เป็นอันจบการสอบค่ะ ไปแลกกุญแจกลับบ้านได้เลย
เรา Review ส่วนข้อสอบสำหรับคนที่ไม่ได้ไปเรียนพิเศษค่ะ คนที่ไปเรียนอาจารย์น่าจะให้ลองทำและทราบอยู่แล้ว
ขอให้ทุกคนโชคดีในการสอบนะคะ
[CR] แชร์ประสบการณ์/รีวิวการสอบ TOEFL IBT 2013
เราเพิ่งไปสอบ TOEFL มาหมาดๆ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 กรกฎาคม 2556 ที่ผ่านมานี้เอง ขอเริ่มเลยนะคะ
1. เรื่องสถานที่สอบ
เริ่มจากตอนก่อนที่จะไปสอบก็ไปหาอ่าน Review เกี่ยวกับการสอบ และพบว่าการเลือกสถานที่สอบเป็นเรื่องสำคัญมาก เนื่องจากอุปกรณ์และบรรยากาสในการสอบก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งในการทำข้อสอบ เราเลยเลือก ที่มหาลัยเกษมบัณฑิต วิทยาเขตร่มเกล้า ซึ่งมีคนแนะนำว่าบรรยากาศและอุปกรณ์ดีมากแต่ข้อเสียคือ ไกล และเจ้าหน้าที่ดูไม่เป็นมิตร ซึ่งเราก็คิดว่าน่าจะมีผลกระทบน้อยสุดจึงเลือกที่นี่
หลังจากไปสอบมาก็ขอบอกได้ว่าเขาได้รีวิวไว้ถูกต้องแล้วคือ
- อุปกรณ์ดีมาก ดีจริงๆ น่าใช้ ใหม่ คอมเร็ว คีย์บอร์ดดี เวลาพิมพ์ก็ลื่นไม่เหมือนบางที่ที่ใช้คอมพิวเตอร์เก่า
- บรรยากาศการสอบ สงบ แอร์เย็นกำลังดี มีพาร์ติชั่นกั้นไม่เห็นกัน แม้จะได้ยินเสียงบางคนบ้าง แต่ถ้าเราใส่หูฟังตลอดเวลา ซึ่งหูฟังเป็นแบบครอบหูหมด และใหม่ เราว่าก็โอเค
- มีล๊อคเกอร์ให้ยืม ใส่ของไม่เสียค่าใช้จ่าย แค่มีบัตรประชาชนหรือใบขับขี่ก็โอเค ย้ำว่าต้องมีบัตรค่ะ
-สถานที่ค่อนข้างไกล จะบอกว่าเราก็อุตส่าห์ไปขับรถ survey มาแล้ว 3 อาทิตย์ก่อนถึงวันสอบ และได้ save map โดย Pin เก็บไว้ในโทรศัพท์ ซึ่งคงเป็นความผิดพลาดของเราเองไม่ดูให้เรียบร้อย พอถึงวันไปจริงเปิด map จะไป มันดันหาไม่เจอ เราเลยต้องค้นหาใหม่จากโปรแกรมแผนที่ในไอโฟน เราเองก็รีบและสะเพร่า ทำให้ไปผิดวิทยาเขต ไปวิทยาเขตพัฒนาการ ดีที่เราก็คาดไว้ว่าอาจจะมีเหตุเกิดขึ้นจึงเลือกสอบวันอาทิตย์ที่รถจะติดน้อยกว่าวันเสาร์ และเผื่อเวลาไว้ เลยเหยียบไป 25 นาที ถึงวิทยาเขตร่มเกล้าทันเวลา (กรุณาอย่าลอกเลียนแบบความโง่นี้เด็ดจาด T T)
-ข้อเสียอีกข้อคือ เจ้าหน้าที่ เห็นรีวิวกันว่าดุ ก็ไม่คิดว่าจะดุจริงๆ ซึ่งเดี๋ยวจะรีวิวในหัวข้อถัดไป
2. สิ่งที่ต้องเตรียมไปในวันสอบ
-พาสปอร์ตตัวจริงหรือบัตรประชาชนสำหรับเข้าห้องสอบ
-บัตรที่จะเอาไปแลกล๊อคเกอร์ฝากของเป็นบัตรติดรูป
-ใบยืนยันการเข้าสอบ จะพิมพ์จากอีเมบ หรือว่าจากระบบก็ได้ เอาที่เห็นว่ามีชื่อเรา สถานที่ วันสอบ รายละเอียดการสอบ อย่าลืมนะคะ มีคนลืมเอามาโดนว่าด้วย
งั้นก็ขอเล่าเรื่องเจ้าหน้าที่ ณ จุดนี้เลยแล้วกันค่ะ
-วันที่สอบมีคนต่างชาติเอา Copy passport มา เลยเจอเจ้าหน้าที่ซัดเข้าไป จริงๆ สิ่งที่เจ้าหน้าที่พูดถูกต้องแต่น้ำเสียงแอบแรง เป็นเราร้องไห้ชัวร์ คือ เขาไม่มีบอกไว้ในกฎเงื่อนไงว่าให้เอา copy ได้ ดังนั้นไม่ได้ สุดท้ายน่าสงสาร เขาไม่ได้สอบ แต่เจ้าหน้าที่พูดแรง เขาเลยถามชื่อ แต่ถามเงียบๆนะ ไม่ได้ตะคอก เจ้าหน้าที่ก็พูดกลับไปเป็นภาษาอังกฤษติดอารมณ์ว่า ทำไม ต้องเอาชื่อไป เราเป็นตัวแทนของ ETS we are the best and we don't care what you are ประมาณเนี้ยะ
-มีต่างชาติอีกคนเป็นเด็กน้อย พอเขาถามว่าขอใบ confirm น้องก็งงว่าอะไร ก็เลยโดนเลยว่า ไม่เอามาไม่ได้ ทำไมไม่อ่าน กฎก็มีเขียนไว้ น้องก็เริ่มคุ้ยของแล้วหยิบปึ้กกระดาษออกมา สรุปว่ามีแต่น้องไม่รู้ว่านี่คือใบ confirm ก็เลยโดนดุ ว่าคราวหลังจะทำอะไร อ่านกฎและรายละเอียดทุกอย่างให้เรียบร้อย จำเอาไว้
คือที่มาบอกตรงนี้ไม่ได้มาว่านะคะ เจ้าหน้าที่ทำถูกต้องแล้ว เพียงแต่น้ำเสียงแอบแรง นี่เป็นเหตุผลหนึ่งเลยที่เรามีรีวิว ไม่อยากให้คนโดน เพราะแค่สอบก็เครียดจะตายอยู่แล้ว มาโดนว่าก่อนเข้าเดี๋ยวจะสมาธิแตก เราว่าเราเตรียมตัวดีแล้ว ยังลืมบัตรปรชาชนไว้ในรถ วิ่งไปเอาตับแหลบเลย
3. อุปกรณ์ที่สามารถเข้าห้องสอบได้
สิ่งที่อนุญาตให้เข้าห้องสอบได้มี 2 อย่างเท่าน้้นคือ
-พาสปอร์ต ตัวจริง หรือบัตรประชาชน ย้ำตัวจริงเท่านั้น
-กุญแจล๊อคเกอร์ที่เขาให้เอาบัตรประชาชนทิ้งเอาไว้
-หากคุณไม่มีคนไปด้วย กรุณาเตรียมบัตรประชาชนและบัตรอื่นที่มีรูป เช่นใบขับขี่ อีกหนึ่งใบเพราะคุณต้องฝากของ ของเราเอาพาสปอร์ตกับบัตรประชาชนไปค่ะ
-ไม่ต้องกังวลเรื่องกระดาษดินสอไว้ take note นะคะ ในห้องสอบจะมีวางเอาไว้ให้ และกระดาษสามารถขอเพิ่มได้หากไม่ขอค่ะ แค่ยกมือพร้อมกระดาษเขาก็จะเอามาให้แล้ว
-กุญแจรถก็เข้าไม่ได้นะคะ
4. ก่อนเข้าห้องสอบ
เวลาสอบ 9.00 แต่เขานัดมา 8.30 เพราะว่าต้องมา register ก่อน โดย
- เมื่อไปถึงชั้น 6 ที่เป็นสถานที่สอบ จะมีห้องที่มีเจ้าหน้าที่รอลงทะเบียนอยู่ เราไป 8.35 ก็มีคนยืนรอแถวประมาณสิบคน แต่ละคนจะใช้เวลาค่อนข้างนาน เพราะ เจ้าหน้าที่ มี 2 คน หนึ่งคนดูและการลงทะเบียน 2 คน เป็น ลงได้ครั้งละ 4 คน ดังนั้นเผื่อเวลาด้วยนะคะ จะได้ไม่รอนาน แต่เจ้าหน้าที่จะรอจนลงทะเบียนกันเสร็จหมด ถ้าคุณมาเก้าโมงแล้วยังมีแถวลงทะเบียนอยู่ ก็โอเคค่ะ เพราะเขาจะรอจนกว่าจะลงครบ ถึงจะเริ่มขั้นต่อไป แต่ถ้าคุณมาแล้วไม่มีแถว เตรียมตัวโดนดุเลยนะคะ
-ในการลงทะเบียน เราจะต้องยื่นพาสปอร์ตหรือบัตรประชาชนแสดงตัว และใบ confirm
-ระหว่างเจ้าหน้าที่ดูเอกสาร เราจะต้องลอกใบยอมรับการสอบ จะเขียนภาษาอังกฤษประมาณหนึ่งย่อหน้า ตรงนี้ที่ทำให้ใช่เวลาค่อยข้างนาน เพราะบางคนก็อ่านรายละเอียดด้วยและกว่าจะลอกตามอีก บางคนใช้เกือบห้านาที
-ห้องสอบจะมี 2ห้อง A และ B ถ้าเลือกได้เราว่าเลือกห้อง B ดีกว่า เพราะห้อง B จะได้เข้าก่อน และเริ่มสอบก่อนจะได้มีสมาธิ
-ตอนก่อนเข้าห้องเขาจะเรียกว่าใครสอบห้อง B คนไปถึงก่อนจะได้เดินเข้าไปก่อน เขาจะต้องมีการถ่ายรูปเราอีกครั้ง และส่งไปยังหน้าคอมพิวเตอร์ที่เราจะสอบเพื่อยืนยันอีกที
-พอเราถึงที่นั่ง จะมีเจ้าหน้าที่มาเข้ารหัสให้ เราก็สอบได้เลย ที่ให้เริ่มก่อนเพราะว่าถ้าบางคนที่ไปสอบพูดเสียงดังจะเสียสมาธิเราได้ ตอน speaking เราเลยคิดว่าเข้าก่อนดีกว่า
5.ข้อสอบ
มาถึงตอนสอบกันบ้างค่ะ ข้อสอบแบ่งออกเป็น 4 ส่วนอย่างที่ทราบกันคือ Reading, Listening, 10 mins. break, speaking and writing ตามลำดับ
ในข้อสอบส่วนของเรานั้น จะมีข้อสอบดังนี้นะคะ
-Reading มี 3 passages ตอบคำถาม 47 ข้อ ภายในเวลา 60 นาที เนื่องจากสอบครั้งแรกเราไม่รู้นึกว่าอ่านแล้ว Passage จะหายไป เลยใช้เวลาอ่านค่อนข้างนาน พอคลิก Next เพื่อตอบคำถาม คำถามจะอยู่ทางด้านซ้ายมือ และจะมี Passage ให้อยู่ที่ขวามือ ทั้งนี้ ถ้าในตอนแรกเราไม่เลื่อน scroll bar ลงมาถึงล่างสุดระบบจะไม่ให้ไปต่อค่ะ ทั้งนี้ เทคนิคการทำข้อสอบของใครของมัน ฟรีสไตล์นะคะ แค่จะบอกว่าไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีข้อความให้อ่าน และคำตอบที่ตอบไปแล้ว สามารถย้อนกลับมาทำได้ค่ะ ส่วนใหญ่ข้อสุดท้ายจะเป็นช่องว่าง 3 ช่อง และมีข้อความ 6 ข้อความ ให้เลือกว่าอันไหนถูกต้อง 3 ข้อ แล้วคลิกไปวางในช่องว่า ซึ่ง ส่วนนี้จะได้คะแนนคำตอบละ 2 คะแนน เยอะกว่าข้ออื่นค่ะ
เห็นระบบบอกว่าถ้าทำเสร็จหมดแล้วสามารถมารีวิวดูได้ว่าทำข้อไหนไปแล้ว ข้ามไปบ้างหรือไม่ แต่พอดีเราเวลาเป๊ะมากเลยหมดเวลาพอดีไม่ทันรีวิว
-Listening แบ่งออกเป็น 3 ตอน ตอนละ 10 นาที ในหนึ่งตอนจะต้องฟัง 3 เรื่องเป็น conversation 1 และ lecture 2 เรื่อง เวลาที่ฟังจะไม่ถูกนับ จะนับตอนทำ ถึงต้องแบ่งเวลาไว้ทำอันหลังดีๆ นะคะ โดยประมาณต่อ 3 เรื่อง จะต้องตอบคำถามประมาณ 17 คำถามค่ะ
พัก Break 10 นาที แต่ถ้าอยากทำต่อเลยก็แจ้งเจ้าหน้าที่ได้ค่ะ เห็นมีคนเริ่มเลย
-Speaking แบ่งออกเป็น 3 ส่วน 6 หัวข้อ
ข้อ 1 และ 2 จะถามใกล้ตัว ของเราจำได้ข้อหนึ่งถามว่า มี club หรือชมรมไหนบ้างที่อยากเข้าร่วม เพราะอะไร อึ้งเล็กน้อย นึกไม่ทัน แอบจบมานาน ลืมนึกไปว่าโกหกไปก็ได้ เขาไม่รู้หรอก T T
ข้อ 3 และ 4 จะให้หัวข้อมาประมาณ 1 ย่อหน้า และให้ฟัง conversation ที่พูดเกี่ยวกับข้อความนั้น แล้วก็จะให้เราอธิบาย
ข้อ 5 และ 6 จะเป็น ให้ฟังเหมือนเป็น Lecture แล้วจะมีคำถามมาถามเช่น อันหนึ่งของเราเจอเล่าเกี่ยวกับนก คำถาม ถามว่า นก สองประเภืนี้ หากินต่างกันยังไง ประมาณนีั้นะคะ
- writing มี 2 หัวข้อค่ะ
หัวข้อแรก จะมีบทความความประมาณ 4 ย่อหน้า ให้อ่าน กำหนดเวลานะคะประมาณ3-5 นาที และให้ฟังคนพูดเกี่ยวกับบทความนั้น จากนั้นจะมีคำถาม ของเราให้เวลา 20 นาที เขียนอย่างค่ำ 170 คำ
หัวข้อที่สอง จะมีเป็น statement สั้นๆมาให้แล้วถามเราว่าเห็นด้วยหรือไม่ เพราะอะไร ให้ยกตัวอย่าง ของเราเจอ ประมาณว่า "เป็นไปไม่ได้ที่เราจะซื่อสัตย์ต่อเพื่อนตลอดเวลา" เห็นด้วยหรือไม่ อย่างไร ยกตัวอย่าง ให้เวลา 30 ยาที คืออ่านปุ๊บนับเวลาเลย เขียนขั้นต่ำ300 คำ
หลังจากเสร็จแล้วจะมีคำถามว่า เรายังยืนยันจะให้ส่งผลคะแนนไปให้ที่ที่เราระบุไว้ไหม คืออย่างเราให้ส่งไปมหาลัยเลย ยืนยันการส่งไหม
ถ้าแน่ใจว่าทำได้โอเคก็ยืนยันไปค่ะ
จะมีคำถาม survey ประมาณสองข้อ ก็เป็นอันจบการสอบค่ะ ไปแลกกุญแจกลับบ้านได้เลย
เรา Review ส่วนข้อสอบสำหรับคนที่ไม่ได้ไปเรียนพิเศษค่ะ คนที่ไปเรียนอาจารย์น่าจะให้ลองทำและทราบอยู่แล้ว
ขอให้ทุกคนโชคดีในการสอบนะคะ