สาวกลัทธิส่าย กับ กลไกปกป้อง(ตนเอง)ทางจิต

ที่จริงแล้ว ลัทธิส่าย เขาก็มิใช่พวก "กระบือ" ไปเสียทั้งหมดหรอกนะครับ หรือถ้าจะกล่าวให้ครอบคลุมที่สุด
ก็ต้องกล่าวว่า ในทิฐิ ๖๒ นั้น ประกอบไปด้วยทิฐิของผู้คนหลากหลายจำพวก บ้างก็เป็นนักปรัชญาชั้นสูง
บ้างก็เป็นโยคาวจรผู้ทรงฌาน แต่ก็มีบางส่วนที่เป็นบุคคลจำพวก "โง่อวดฉลาด" เหมือนกับ แก๊งส์เม็ดมะขาม นี่แหละ !



ดังนั้น ถ้าหากจะต้องนำ นายคันโตนาซี มาเปรียบเทียบให้เข้ากับ ลัทธิส่าย
มันก็น่าจะอยู่ในหมู่คนจำพวก "โง่เขลา" ที่พูดจาซัดส่าย ไม่ตายตัว เหมือนปลาไหล
ที่ไม่สามารถยืนยันอะไรได้สักอย่าง จนแม้แต่ "คำพูด" ของตัวมันเอง !



ล่าสุด ไอ้หมอนี่ เขาอ้างว่าเขา "งง" ว่า "จ้าวนครเมฆขาว" ตั้งกระทู้มาโต้แย้งเขาในเรื่องอะไร
พร้อมทั้งพูดในทำนองว่า สิ่งที่เขาพูดออกมาทั้งหมด มีความ "ถูกต้อง" ดีอยู่แล้ว(แต่ในความเป็นจริงกลับไม่ใช่)

ขอให้ท่านทั้งหลาย จงพิจารณาข้อความของ นายคนนั้น ดังนี้ว่า

(๑) เบื้องต้น เขาก็อ้างโดยทำเหมือนจะรู้ว่า พระพุทธเจ้าไม่ตรัสพยากรณ์ อัพยากฤตปัญหา
(๒) แต่ในตอนท้าย ไอ้หมอนี่ กลับพูดในทำนองว่า แท้ที่จริง พระพุทธเจ้าตรัสเรื่อง การเวียนว่ายตายเกิดไว้มากมาย

สรุปแล้ว ความหมายที่ไอ้หมอนี่ ต้องการจะ "สื่อ" ถึง คืออะไร ?

ข้อแรก

ถ้ามันต้องการสื่อว่า เรื่องเวียนว่ายตายเกิด กับ อัพยากฤตปัญหา เป็นเรื่องเดียวกัน
นั่นก็หมายความว่า ไอ้หมอนี่ กำลังกล่าวว่า พระพุทธเจ้าตรัสขัดแย้งกันเอง
กล่าวคือ ในที่หนึ่งก็ตรัสว่า ไม่ทรงพยากรณ์ อัพยากฤตปัญหา
แต่อีกที่หนึ่ง กลับตรัสเรื่องเวียนว่ายตายเกิด ซึ่งไอ้พวกนี้เข้าใจ(ผิด)ไปเองว่าเป็นเรื่องเดียวกัน

ถามจริงๆ เถิดครับ แกรู้ตัวไหมครับว่า กำลังกล่าววาจาดูหมิ่น พระพุทธเจ้า แบบซึ่งหน้า ?

ข้อสอง

แต่หากจะ "แก้ตัว" เพื่อให้พ้นข้อหา "ดูหมิ่น" พระพุทธเจ้า มันก็ต้องแถกแถว่า ที่มันกล่าวมาทั้งหมด
มิได้มีเจตนาให้มีความหมายอย่างความข้อแรก ซึ่งหากแถกแถอย่างนี้ ก็จะต้องหมายความว่า
มันได้ยอมรับตามความจริงแล้วว่า อัพยากฤตปัญหา เป็นคนละเรื่องกันกับ เรื่องการเวียนว่ายตายเกิด !

แต่ถึงแม้จะแถกแถแก้ตัวอย่างนี้ มันก็คง "ฟังไม่ขึ้น" อยู่ดี เพราะใจความจาก "หลักฐาน" ซึ่งเป็นข้อความของมันเอง
ปรากฏชัดเจนอยู่ว่า ไอ้หมอนี่ มีความเข้าใจผิดอย่างโง่ๆ ว่า อัพยากฤตปัญหา เป็นเรื่องเดียวกันกับ การเวียนว่ายตายเกิด

ช่างน่าขัน ที่ไอ้หมอนี่ ไม่รู้ตัวเอาเลยด้วยซ้ำว่า แม้จนป่านนี้แล้ว มันก็ยังไม่มีความเข้าใจในเรื่อง อัพยากฤตปัญหา อยู่นั่นเอง
ซึ่งคนโง่ๆ แบบนี้นี่แหละ ที่มันทำท่าจองหองพองขน กล่าวอย่างอวดโอ้ว่า มัน "ด่าพระ" จนเบื่อแล้ว !



น่าสมเพช ไหมล่ะ ?

ไม่ต้องไปดูอื่นไกลหรอกครับ เอาแค่เรื่อง "ด่าพระจนเบื่อ" นี้ก็ได้ เนื่องจาก เขาอ้างของเขาอย่างนี้ว่า

"ปฏิจจสมุปบาท เป็นเรื่องของ การเวียนว่ายตายเกิดสืบต่อเพราะอวิชชายังไม่สิ้น ฯลฯ"

ลำพังถ้าพูดแค่นี้ กล่าวอย่างนี้ คงไม่มีใครออกมา "ขัดคอ" ให้ต้องเสียหน้า หรอกครับ
สำหรับผมเอง ก็ยังสามารถ "หลับหูหลับตา" ปล่อยให้ผ่านไปได้ ไม่คิดเล็กคิดน้อย หยุมๆ หยิมๆ หรอกครับ

แต่ปัญหามันเกิด ก็เพราะ คำว่า เวียนว่ายตายเกิด สำหรับคนพวกนี้ มันหมายถึงต้องมี สัตว์ บุคคล ฯลฯ
อยู่ในปฏิจจสมุปบาทนั้นด้วย ซึ่งความคิดความเชื่อแบบนี้ มันขัดกับ "พุทธพจน์" ที่ตรัสอย่างชัดเจนว่า
ไม่มี สัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา ในปฏิจจสมุปบาทของพระองค์ ใครคิดอย่างนี้ เท่ากับคิดผิด ใครถามอย่างนี้ เท่ากับถามผิด !



เมื่อกล่าวสำหรับ นายคันโตนาซี ปรากฏหลักฐานอย่างชัดเจนว่า ไอ้หมอนี่ ได้ตั้งคำถามโง่ๆ
ด้วยความเข้าใจแบบผิดๆ ว่าต้องมี สัตว์ ในฐานะผู้เวียนว่ายตายเกิด ในปฏิจจสมุปบาท
ซึ่งเป็นการตั้งคำถามชนิดที่มุ่งเน้นจะ "เอาผิด" หรือจะ "จับผิด" ท่านพุทธทาสให้ได้เสียด้วย

แต่เรื่องที่น่าสมเพช ก็เกิดขึ้น เพราะเมื่อมีการทวงถามว่า ข้อความ "อัปยศ" ดังกล่าวนี้
เป็นข้อความที่ถูกหรือว่าผิดกันแน่ เมื่อเปรียบเทียบกับพระบาลีพุทธพจน์ ที่ท่านพุทธทาสนำมาบอกสอน



แต่นายคนนี้กลับทำท่า "แอ๊บแบ๊ว" ด้วยความ "ใสซื่อ" อย่างที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แล้วย้อนถามกลับมาว่า

"เขาเคยบอกว่ามี สัตว์ บุคคล ในปฏิจจสมุปบาท เมื่อไหร่ ?"



เมื่อ นายคนนี้ เขาถามว่า "เมื่อไหร่"
ผมก็ตอบเขาไปตามความเป็นจริงว่า เมื่อวันที่  ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๖ ครับ
ในที่นี้ ยังมีใครคนใดอีกหรือไม่ ที่ไม่ทราบว่า นายคันโตนาซี ได้กล่าวถึง สัตว์ ในปฏิจจสมุปบาท ?

ผมเข้าใจว่า ทุกๆ ท่าน คงทราบกันหมดแล้ว นะครับ
ซึ่งถ้าหาก จะมีใครสักคนที่ไม่ทราบ ก็คงต้องเป็น นายคันโตนาซี แต่เพียงผู้เดียวแล้ว กระมัง ?

เรื่องยังไม่จบแต่เพียงแค่นั้น เพราะต่อมาปรากฏว่า มีประเด็นเรื่อง อัพยากฤตปัญหา ขึ้นมาอีก
และล่าสุด ไอ้หมอนี้ ก็พยายามจะพูดให้ดูเหมือนประหนึ่งว่า เขาทราบอยู่แล้วว่า
พระพุทธเจ้าย่อมไม่ตรัสพยากรณ์ อัพยากฤตปัญหา เช่น สัตว์ตายแล้วไปเกิด  เป็นต้น



แต่แล้ว ด้วยหลักฐานชิ้นเดิมนั้นเอง ที่แสดงข้อความให้เห็น อย่างชัดเจนว่า
นายคนนี้ กำลังตั้งคำถามที่เป็น อัพยากฤตปัญหา เรื่อง สัตว์ตายแล้วไปเกิด(ในนรกสวรรค์) !
ซึ่งนี่ก็คือ สิ่งที่ผู้คนเขาทวงถามมันอยู่ แต่ดูเหมือนว่า คันโตนาซี จะพยายาม ปิดหูปิดตา ตัวเอง
ทำเหมือนประหนึ่งว่า ไม่เคยมีหลักฐานข้อความดังกล่าว อยู่ในโลกนี้ มาก่อน หรือมิใช่ ?
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่