คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
- แก้ไขเพิ่มเติมความคิดเห็น -
ส่วนคำว่า "น้ำส้มสายชู" ซึ่งเป็นคำไทยนั้น น่าจะมาจากหลักฐานที่ว่า [2] เมื่อหลายพันปี ที่ผ่านมา ประเทศจีนเข้าใจเทคนิคของการหมักน้ำส้มสายชูจากธัญพืช ในหนังสือโจว หลี่ ประพันธ์โดยโจวกง เมื่อปี ค.ศ.1058 นั้นได้บันทึกถึงการหมักน้ำส้มสายชู และสมัยชุนชิวจ้านกว๋อ ปรากฏว่ามีโรงกลั่นน้ำส้มสายชูแล้ว หนังสือบันทึกวิชาการสำคัญ ฉีหมินเย่าซู ได้กล่าวไว้ว่า “ชู่ 醋” คือน้ำส้มสายชูจีนในปัจจุบัน ในสมัยโบราณเขียนคำว่าชื่อ “ชู่” 醋 ได้อีกว่า “ 酢” หรือ “醯” และได้บันทึกขั้นตอนของการหมักน้ำส้มสายชูอย่างละเอียด นักประวัติศาสตร์นามว่าชื่อซู่โหว ได้สำรวจที่ไท้เอวี๋ยน และพบว่าก่อนค.ศ.479 เมื่อตั้งเมืองจิ้นหยางแล้วก็มีผู้คนทำน้ำส้มสายชูจีน คนถิ่นอื่นจึงเรียกคนซานซีว่า “เหล่าซีเอ๋อร์” คำว่า “ซี” ซึ่งเป็นเสียงพ้องของคำว่า “ชู่” อักษรในสมัยโบราณ
การนำอักษรชู่โบราณมาเรียกคนซานซีนั้น สะท้อนถึงเวลาที่เก่าแก่และคนจำนวนมากในการหมักน้ำส้มสายชูจีน ในประวัติศาสตร์ ด้วยเหตุนี้จึงกล่าวได้ว่า ซานซีเป็นแหล่งกำเนิดของการหมักน้ำส้มสายชูของจีน และประวัติของการหมักน้ำส้มสายชูอย่างน้อยก็มีอายุมากกว่า 2,480 ปี
จึงเป็นที่น่าเข้าใจได้ว่า คำว่า "น้ำส้ม" มาจากรสชาดที่เปรี้ยว และคำว่า "สายชู" น่าจะมาจากแหล่งกำเนิดคือ "ซานซี" หรือ "ซานชู่"
จนมาเป็นคำว่า "น้ำส้มซานชู่" หรือ "น้ำส้มสายชู" นั่นเอง
ที่มา มาจาก บล็อกแก๊ง แต่ว่าใน wikipedia ก็มีคนเอาข้อความนี้ไปใส่ไว้ พยายามหาข้อมูลจากแหล่งอื่นก็ไม่เจอ
แต่ก็เป็นไปได้ว่าของบางอย่างที่เราคิดว่าเป็นของไทยแท้ๆ กลับมาจากต่างชาติ คำที่เราคิดว่าไทยแท้ๆ ก็ยังมาจากต่างชาติ
อย่างพวกฝอยทอง ทองหยิบ ทองหยอด ก็มาจาก ดอนญ่า มารี กีมาร์ เดอปิน่า (ท้าวทองกีบม้า, พ.ศ. 2202-2265) ลูกครึ่งโปรตุเกส-ญี่ปุ่น ภริยาของเจ้าพระยาวิชาเยนทร์ (คอนสแตนติน ฟอลคอน) ท้าวทองกีบม้ามีหน้าที่เป็นหัวหน้าห้องเครื่องต้น เป็นผู้ทำอาหารเลี้ยงต้อนรับคณะราชทูตจากฝรั่งเศสที่มาเยือนกรุงศรีอยุธยาในสมัยกรุงศรีอยุธยา ในรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราช (ที่มา wikipedia)
คำว่า กะละมัง ก็มาจากคำเรียกชาวเยอรมันในภาษาฝรั่งเศส (allemande) เพราะรู้สึกว่าจะเป็นชาติแรกที่นำกะละมังเข้ามาขายในไทย
ไม่แน่ปลาdag หม่ำ อุเพี้ย อาจมาจากจีนก็ได้ ใครจะรู้
ส่วนคำว่า "น้ำส้มสายชู" ซึ่งเป็นคำไทยนั้น น่าจะมาจากหลักฐานที่ว่า [2] เมื่อหลายพันปี ที่ผ่านมา ประเทศจีนเข้าใจเทคนิคของการหมักน้ำส้มสายชูจากธัญพืช ในหนังสือโจว หลี่ ประพันธ์โดยโจวกง เมื่อปี ค.ศ.1058 นั้นได้บันทึกถึงการหมักน้ำส้มสายชู และสมัยชุนชิวจ้านกว๋อ ปรากฏว่ามีโรงกลั่นน้ำส้มสายชูแล้ว หนังสือบันทึกวิชาการสำคัญ ฉีหมินเย่าซู ได้กล่าวไว้ว่า “ชู่ 醋” คือน้ำส้มสายชูจีนในปัจจุบัน ในสมัยโบราณเขียนคำว่าชื่อ “ชู่” 醋 ได้อีกว่า “ 酢” หรือ “醯” และได้บันทึกขั้นตอนของการหมักน้ำส้มสายชูอย่างละเอียด นักประวัติศาสตร์นามว่าชื่อซู่โหว ได้สำรวจที่ไท้เอวี๋ยน และพบว่าก่อนค.ศ.479 เมื่อตั้งเมืองจิ้นหยางแล้วก็มีผู้คนทำน้ำส้มสายชูจีน คนถิ่นอื่นจึงเรียกคนซานซีว่า “เหล่าซีเอ๋อร์” คำว่า “ซี” ซึ่งเป็นเสียงพ้องของคำว่า “ชู่” อักษรในสมัยโบราณ
การนำอักษรชู่โบราณมาเรียกคนซานซีนั้น สะท้อนถึงเวลาที่เก่าแก่และคนจำนวนมากในการหมักน้ำส้มสายชูจีน ในประวัติศาสตร์ ด้วยเหตุนี้จึงกล่าวได้ว่า ซานซีเป็นแหล่งกำเนิดของการหมักน้ำส้มสายชูของจีน และประวัติของการหมักน้ำส้มสายชูอย่างน้อยก็มีอายุมากกว่า 2,480 ปี
จึงเป็นที่น่าเข้าใจได้ว่า คำว่า "น้ำส้ม" มาจากรสชาดที่เปรี้ยว และคำว่า "สายชู" น่าจะมาจากแหล่งกำเนิดคือ "ซานซี" หรือ "ซานชู่"
จนมาเป็นคำว่า "น้ำส้มซานชู่" หรือ "น้ำส้มสายชู" นั่นเอง
ที่มา มาจาก บล็อกแก๊ง แต่ว่าใน wikipedia ก็มีคนเอาข้อความนี้ไปใส่ไว้ พยายามหาข้อมูลจากแหล่งอื่นก็ไม่เจอ
แต่ก็เป็นไปได้ว่าของบางอย่างที่เราคิดว่าเป็นของไทยแท้ๆ กลับมาจากต่างชาติ คำที่เราคิดว่าไทยแท้ๆ ก็ยังมาจากต่างชาติ
อย่างพวกฝอยทอง ทองหยิบ ทองหยอด ก็มาจาก ดอนญ่า มารี กีมาร์ เดอปิน่า (ท้าวทองกีบม้า, พ.ศ. 2202-2265) ลูกครึ่งโปรตุเกส-ญี่ปุ่น ภริยาของเจ้าพระยาวิชาเยนทร์ (คอนสแตนติน ฟอลคอน) ท้าวทองกีบม้ามีหน้าที่เป็นหัวหน้าห้องเครื่องต้น เป็นผู้ทำอาหารเลี้ยงต้อนรับคณะราชทูตจากฝรั่งเศสที่มาเยือนกรุงศรีอยุธยาในสมัยกรุงศรีอยุธยา ในรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราช (ที่มา wikipedia)
คำว่า กะละมัง ก็มาจากคำเรียกชาวเยอรมันในภาษาฝรั่งเศส (allemande) เพราะรู้สึกว่าจะเป็นชาติแรกที่นำกะละมังเข้ามาขายในไทย
ไม่แน่ปลาdag หม่ำ อุเพี้ย อาจมาจากจีนก็ได้ ใครจะรู้
แสดงความคิดเห็น
คำว่า "น้ำส้มสายชู"
น้ำ ก็เห็นชัดๆว่าเป็นน้ำเป็นของเหลว
ส้ม แปลว่า เปรี้ยว
แค่นี้ก็ได้ น้ำเปรี้ยว แล้ว
แล้ว สายชู ละครับ??
ขอบคุณครับ