นักรบจันทรา ตอนที่ 2

กระทู้สนทนา
ตอนที่ 2

    มันจะใหญ่ไปถึงไหนกันนะ

    ผู้กล้าแสงตะวัน ไบรอัน แบล๊คสโตนกำลังยืนอยู่หน้ามหาปราสาท โครงร่างหอคอยนับร้อยสูงตระหง่านค้ำหัวเหมือนภูเขาขนาดใหญ่ สุดสายตาทั้งซ้ายและขวาคือปีกสองข้างที่ยาวไกลเป็นร้อยหลาสร้างด้วยหินสีเทาหม่นยิ่งใหญ่ราวกับไม่ใช่ผลงานของมนุษย์ ลวดลายต่างๆตามกำแพงเกิดมาจากความคิดของฝ่ายพระราชวัง คนไร้บ้านและตกงานนับพันล้วนถูกจ้างมาเพื่อเป็นลูกมือสร้างลวดลายประดับผนังส่วนต่างๆ บางคนทำจนกลายเป็นช่างไปเลยก็มี

    หลังจากปล่อยองครักษ์ที่เพิ่งจ้างมาไปเที่ยวในเขตนครหลวงเขาก็ใช้มนตร์เคลื่อนย้ายมาที่หน้ามหาปราสาททันที เหตุเพราะที่นี่ปลอดภัยพอจึงไม่ต้องการการคุ้มกัน และเพราะเป็นสถานที่เฉพาะจึงเป็นมารยาทที่จะไม่เคลื่อนย้ายเข้าออกเองโดยพลการ

    หวังว่ายายนั่นคงไม่รู้ว่าเขามาแล้วนะ

    ผู้กล้าแสงตะวันสั่นกระดิ่งข้างทางเข้าซึ่งเป็นกรอบเหล็กดำใหญ่ ข้างๆมีโรงไม้ขนาดปานกลางมีรถลากเปล่าๆจอดเรียงกันเป็นระเบียบ  ไม่ทันหายเหนื่อยก็มีเด็กรับใช้วิ่งออกมาจากด้านในประตู เสื้อกำมะหยี่หนาสีเขียวขลิบขอบฟ้าเลอะไข่กับกาแฟ บางทีคงกำลังทานอาหารเช้าอยู่

    “จะไปทำธุระที่จุดใดหรือขอรับ” เด็กรับใช้จัดเสื้อให้เข้าที่แล้วโบกมือ ลมหนาวเย็นเยือกพักกระหน่ำอยู่จุดหนึ่งแล้วหายไป ปรากฏร่างมังกรเขียวขึ้นมาผ่านการเรียกทางแหวนบนนิ้ว

    “เข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิข้าทำเรื่องเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ฝ่าบาทอยู่ที่ท้องพระโรง แล้วก็รู้ด้วยว่ามีเวทมนตร์ตรวจสอบการจำแลงร่างหรือมายา ไม่ต้องเสียเวลาอธิบายหรอก”

    รถลากเทียมมังกรวิ่งไปบนแผ่นพื้นหินสีเทาหม่นด้วยความเร็วสูง ผู้กล้าแสงตะวันแทบกระเด็นตกรถลากทุกครั้งที่ไปสะดุดกับแผ่นที่ยืดออกมาหรือเศษหิน เนื่องจากมหาปราสาทใหญ่จนแทบบรรจุปราสาทธรรมดาสิบหลังเอาไว้ได้ ทางปราสาทจึงจัดจ้างพนักงานที่มีมังกรประจำตัวมาเพื่อรับส่งผู้คนจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่งและสร้างทางลาดระดับขึ้นชั้นบนให้มังกรโดยเฉพาะ ผู้คนในนครหลวงที่มีความเชื่อมโยงกับสายเลือดเก่าแก่จะสามารถขอมังกรประจำตัวและเรียกผ่านแหวนได้ จึงมีคนพร้อมทำงานนี้มากมาย

    ไม่ทันให้ซึมซาบความหนาวเย็นจากอากาศโดยรอบ รถลากก็มาจอดหน้าประตูห้องท้องพระโรง ประตูไม้บานคู่ใหญ่เหมือนกำแพงสูงตระหง่าน แก้วหลากสีถูกฝังบนบานประตูอย่างวิจิตรบรรจง บานหนึ่งเป็นรูปบุรุษกับวิหคอีกบานเป็นรูปสตรีกับมังกร ประตูห้องท้องพระโรงของเพียรซ์ก็เป็นแบบเดียวกัน ไม่ว่าจะทำลายอย่างไรมันก็กลับคืนสภาพเดิมได้เสมอ อาจมีเพียงนางผู้หยั่งรู้ที่สืบสายเลือดตรงมาจากบรรพกาลเท่านั้นที่รู้ว่ามันหมายความว่าอย่างไร

    หลังจากผ่านการตรวจสอบทางเวทมนตร์ประตูก็อ้าออกให้เห็นภายในที่กำลังว่าความเมืองอยู่ ผู้กล้าแสงตะวันก้าวเข้าไปในห้องพร้อมรายงานความคืบหน้า...


    ทางด้านดาริอุสก็กำลังเริงร่าด้วยเงินที่ผู้กล้าแสงตะวันให้ยืมมา นครหลวงของซีเนียยิ่งใหญ่เสียจริงไม่ว่ามองทางไหนก็ตื่นตาไปหมด เขาไปดูตามในหนังสือแนะนำในรัศมีที่จะไปได้ มีทั้งโรงละครใหญ่ที่ขึ้นชื่อว่านักแสดงที่มีชื่อเสียงทุกคนเคยมาทำการแสดง หอนาฬิกาเวทมนตร์ขนาดใหญ่ฝังอัญมณีเอาไว้ เมื่อเวลาเปลี่ยนอัญมณีภายในก็เปลี่ยนสีตามแทนที่จะเป็นกระจกแก้วตามปกติ โบสถ์แก้วที่ถูกสร้างด้วยคริสตัลใสแวววาวทั้งหลัง เนื่องจากมีปัญหาเรื่องความเป็นส่วนตัวของคนดูแลและแสงสว่างในฤดูร้อน ผนังทั้งสี่จึงถูกบุด้วยไม้เป็นช่วงๆไม่ให้แสงส่องผ่านได้ถนัดนัก

    นอกจากนี้เขายังไปดูหนึ่งในรูปปั้นสัตว์ในตำนานสิบสองตัวที่เรียงรายตามจุดต่างๆในนครหลวง ตัวนี้เป็นกวางทำท่าประหลาดที่ในความจริงไม่สามารถทำได้ ความจริงเป้าหมายหลักที่เขาอยากเห็นนั้นอยู่ไกลออกไปสุดสายตา เป็นเงาลางๆทะมึนดุจยักษ์โบราณ นั่นคือสถานที่ที่ผู้กล้านายจ้างของเขาปลีกตัวไปเสียแต่แรก มหาปราสาทของซีเนีย

    ไม่นานเขาก็หารถม้าขนส่งในตัวเมืองพบ รอบล่าสุดเพิ่งออกไปไม่ถึงนาทีเขาจึงเตร่รออยู่ในบริเวณที่รอรถม้า ด้วยความเบื่อจึงหันไปอ่านกระดานประกาศขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยแผ่นกระดาษติดกาวไว้เป็นแถบ บางแผ่นเป็นประกาศรับสมัครคนงาน บางแผ่นประกาศตามจับคนร้าย บางแผ่นถูกใครบางคนฉีกไปจนเหลือเพียงครึ่งเดียว แผ่นที่ดึงความสนใจของเขานั้นใหม่เอี่ยมเขียนด้วยตัวอักษรขนาดใหญ่สีดำสนิทดูหรูหราแทบพุ่งออกมาจากกระดาน

    “ตามหาเจ้าชายมาเวอร์ริค มาเฮราสงั้นหรือ รางวัลตั้งพันเหรียญทองเอสโมแน่ะ”

    ตามใบประกาศ ทางจักรวรรดิทั้งสองกำลังตามหาเจ้าชายที่สาบสูญอย่างเอาเป็นเอาตาย ชื่อของผู้สูญหายคือมาเวอร์ริคเป็นลูกชายของท่านหญิงคาริสซาแห่งเพียรซ์ อายุประมาณยี่สิบปี ผมสีเหลืองทองดวงตาสีน้ำผึ้ง เขาไม่เคยเห็นคนที่มีดวงตาสีน้ำผึ้งมาก่อนจึงไม่มีความเห็นเรื่องนี้ เป็นเจ้าชายคงหน้าตาดีและมองคนอื่นด้วยสายตาเหยียดหยาม อย่างน้อยคงก็มีเงินให้เที่ยวล่ะนะ

    “จะไปไหมเจ้าหนู” คนขับรถม้าขนส่งร้องเรียกเมื่อจอดส่งคนลง ดาริอุสละสายตาจากประกาศแล้วกระโดดขึ้นรถม้าทันที...


    “คำสั่งใหม่คือตามหาเจ้าชายมาเวอร์ริค จะใช้เวลานานแค่ไหนกันนะ”

    ผู้กล้าแสงตะวันรำพึงกับตัวเอง เผลอสบถเล็กน้อยเมื่อรถเทียมมังกรสะดุดหรือหักเลี้ยวจนล้อลอยเหนือพื้น หากเขาได้รับอนุญาตให้ใช้มนตร์เคลื่อนย้ายได้คงสะดวกกว่านี้ไม่น้อย แล้วรถลากก็วิ่งผ่านหญิงคนหนึ่งที่เดินอยู่ริมระเบียง เขาจำผมดำหางม้าของนางได้ตอนวิ่งผ่านไปด้วยความเร็วสูง

    ในไม่ช้าก็จะถึงเวลาปวดหัวของเขาแล้วไบรอันเร่งเจ้าของมังกรให้เพิ่มความเร็วขึ้นอีก หากเขาไปถึงทางออกก่อนก็จะหนีพ้น

    เจ้ามังกรลากรถไม่ทันทำตามคำสั่งนางก็ตามทัน มังกรเขียวสามเขาอีกตัวพุ่งแซงด้วยความเร็วสูงพร้อมหญิงสาวบนหลัง เมื่อสบจังหวะนางก็กระโจนมาหาเขาอย่างอาจหาญเยี่ยงชายชาตรี ผู้กล้าแสงตะวันไม่แปลกใจที่นางกล้ากระโจนจากหลังมังกรด้วยความเร็วขนาดนี้    

    “ไม่ต้องเร่งแล้ว ขอบคุณมาก” ไบรอันอดเก็บความรู้สึกประชดไว้ไม่ได้ เขาทำเป็นไม่เห็นหญิงสาวดวงตาสีอำพันที่นั่งอยู่ด้านข้าง มังกรสามเขากลายเป็นเกล็ดน้ำแข็งกลับสู่แหวนของนาง

    “จะไม่ทักกันบ้างหรือ ไม่ได้เจอกันเกือบปีกระมัง” เสียงสูงต่ำเป็นทำนองตามภาษาพูดของคนแถบตะวันออกแทรกขึ้น

    “หากเจ้าไม่ชอบจับข้าไปทำอะไรแผลงๆก็อยากทักอยู่หรอก” ผู้กล้าแสงตะวันกลอกตามองผลึกแสงบนเพดานที่รวบรวมพลังงานแสงอาทิตย์มาเพื่อขยายให้ความสว่างตลอดเวลา พยายามไม่สนใจคนข้างๆ

    “อะไรกัน ยังโกรธอยู่อีกหรือ” หญิงสาวร้องเสียงสูงจนเกินพอดี “ข้าเห็นท่านผิวซีดเหมือนซากศพจึงอยากให้ออกไปรับแดดบ้างเท่านั้น”

    ด้วยการจับผูกกับหลังมังกรแล้วพาบินผาดโผนสิบห้าตลบนี่นะ

    “เจ้าจะทำตัวเป็นเด็กมากเกินไปแล้วนะไซเรน่า เมื่อไรจะโตเสียที”

    “จริงสิ ข้าได้ยินข่าวว่าท่านได้รับเลือกเป็นผู้กล้านี่นา ท่านเป็นผู้วิเศษ นักวิจัย ตอนนี้เป็นผู้กล้า แล้วในอนาคตจะเป็นอะไรล่ะ ราชบุตรเขยดีไหม”

    “ข้าก็อยากคุยกับเจ้าหรอกนะไซเรน่า ตอนนี้ข้ายุ่งหัวปั่นเลยไม่มีเวลามานั่งคุยด้วย”

    “รังเกียจข้าหรือ ใช่สิ! ข้าเป็นแค่เศษเดนของราชวงศ์นี่นา หากแม่ข้าไม่ได้ใช้ชื่อสกุลว่าฟราโกส์ คงถูกเนรเทศไปแล้ว”

    “เจ้าก็คิดมากเกินไป แม้จารีตของจักรวรรดิทั้งสองจะกล่าวเอาไว้ ว่าเจ้าชายและเจ้าหญิงในเมืองหลวงของจักรวรรดิจะต้องอภิเษกกับเจ้าชายหรือเจ้าหญิงที่มีฐานะเท่าเทียมหรือสูงกว่าเท่านั้น แต่ก็มีกรณีที่ผ่อนปรนเช่นกัน เจ้าเป็นกรณีผ่อนปรนนี่ละ”

    “แล้วทำไมไม่ให้ข้าควบคุมกองทัพของเขตนี้ล่ะ ให้ใครไม่รู้มาคุมจะดีหรือ”

    “ข้ามีวิธีเลือกของข้าน่า...ถึงทางออกแล้ว”

    ในที่สุดรถลากก็แล่นผ่านประตูออกไปยังลานกว้างด้านหน้า ไบรอันมอบสินน้ำใจให้พนักงานขนส่งเล็กน้อยแล้วหันไปลาเพื่อนหญิง ตอนนี้นางเดินเข้ามาเกาะแขนบอกว่าอยากคุยต่ออีกหน่อย พอดีกับมีกลุ่มนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมมหาปราสาท ดาริอุสเพื่อนร่วมทางของเขาก็อยู่ในกลุ่มด้วย

    “ดาริอุส นี่ไซเรน่าสหายข้า นางเป็นรองแม่ทัพมังกรของซีเนีย” ผู้กล้าแสงตะวันร้องเรียกแล้วแนะนำให้รู้จักกันเอาไว้ “ไซเรน่า นี่ดาริอุสเป็นองครักษ์ของข้า ในนี้ปลอดภัยพอข้าจึงอนุญาตให้เขาเดินเที่ยวได้น่ะ”

    “โหย อย่างท่านต้องมีองครักษ์ด้วยหรือ สามทหารเสืออย่างเราไม่ต้องมีองครักษ์หรอก”

    “เจ้าต้องการอะไรไซเรน่า”

    “จูบข้าสิ”

    “ถามจริงๆ ประเดี๋ยวข้าต้องไปตรวจสอบกองทัพของทั้งสองจักรวรรดิอีก ไม่มีเวลาเล่นกับเจ้าหรอก” ไบรอันโบกมือให้ดาริอุสไปเที่ยวต่อได้ตามสบาย “ไปพบข้าที่โรงพักนอนก่อนตะวันตกดินนะดาริอุส เราจะคุยเรื่องแผนการเดินทางแล้วไปต่อพรุ่งนี้”

    “ท่านจะไปไหนต่อหรือ”

    “อันเธีย ข้านัดกับสายสืบเอาไว้ที่นั่น” ด้วยแววตาใสแจ๋วของหญิงสาวทำให้ผู้กล้าแสงตะวันใจอ่อน เขามักยอมอ่อนข้อให้นางเสมอ “พอใจแล้วก็ปล่อยเสียที ข้ามั่นใจว่าเจ้าต้องมีงานค้างอยู่ อย่ามองแบบนั้น ข้าไม่พาเจ้าไปด้วยเด็ดขาด”

    “ก็ได้”

    คราวนี้ดูหญิงสาวจะเชื่อฟังง่ายไปนิด ผู้กล้าแสงตะวันมองนางด้วยความระแวงอีกครั้ง ก่อนก้าวไปข้างหน้าแล้วใช้มนตร์เคลื่อนย้ายกลับไปโรงแรม...

(มีต่อ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่