นักรบจันทรา ตอนที่ 20

กระทู้สนทนา
เมเทอาร์ไม่ใช่เมืองสำคัญทางเศรษฐกิจหรือการเมือง เพราะเป็นอ่าวตอนใต้สุดของทวีปใหญ่แต่น้ำตื้นจอดเรือไม่ได้อีกทั้งยังหาปลาได้น้อย โชคยังดีที่มีสถานศึกษาเกี่ยวกับเวทมนตร์และลานประลองกลางทะเลอยู่ ทำให้มีคนอาศัยอยู่มากมายอีกทั้งนักท่องเที่ยวก็มีมาไม่ขาดสายเช่นกัน

    ดาริอุสจำกลิ่นทะเลได้ทันทีที่มนตร์เคลื่อนย้ายดับแสง แม้ทางเหนือจะอากาศหนาวเย็นเพราะเข้าฤดูหนาวแล้วแต่ที่นี่อยู่แถบเส้นศูนย์สูตรอากาศจึงไม่เย็นนัก ประกอบกับลมทะเลทำให้อากาศดีทั้งปี คณะเดินทางของผู้กล้าแสงตะวันแทบไม่มีอาการตื่นเต้นที่ได้ย่างเท้ามาสัมผัสเมืองนี้ เขาและไบรอันเคยมาแล้ว เนอร์วาน่าก็เคยมาในร่างของผู้กล้าแสงตะวัน ส่วนลาควีล่านั้นตาลุกวาวด้วยความตื่นเต้นที่ได้เห็นทะเลเป็นครั้งแรก

    “จะพาไปหาพาลาดิโน่เพื่อนข้าเอง เขาเป็นครูสอนในวิทยาลัยเวทมนตร์ที่นี่ เป็นคนกว้างขวางพอสมควรเลยละ” ไบรอันกระชับสายรัดสัมภาระบนไหล่ ดาริอุสยังยืนทื่อพร้อมของฝากเป็นกระบุงที่จะเอาไปให้คนรู้จักที่นี่

    ส่วนเนอร์วาน่าที่แต่งกายด้วยผ้าไหมบางเบาเลิกคิ้วเข้าหาผู้กล้าแสงตะวันแล้วชี้นิ้วไปด้านหลังอย่างตั้งคำถามว่าจะทำอย่างไร

    “ไบรอัน!” สำเนียงรัวเร็วของคนทางใต้เรียกทุกคนให้หันไปมอง หญิงผิวสีแทนผมดำสลวย ผ้าชุดสีสดใสเข้ากับท้องฟ้าแสดงว่าเป็นคนท้องถิ่น นางเอามือป้องปากที่อ้ากว้างอย่างตื่นเต้นดีใจ

    ส่วนไบรอันเอามือปิดหน้าสบถในความโชคร้ายของตนเบาๆ

    “ไม่เจอกันนานนะคูเซีย” ไบรอันทักเสียงอ่อย แล้วแนะนำหญิงสาวให้ทุกคนรู้จัก “นี่คูเซีย เคอร์ริโต้ ส่วนพวกนี้คือคณะเดินทางของข้าเอง”

    “จำข้าได้ไหม ข้าไง” ดาริอุสผู้มีอัธยาศัยดีเข้าไปทักทายทันที

    “ดาริอุส ดรากานใช่ไหม! ที่เคยมาทำงานกับข้าตอนนั้น” สำเนียงรัวเร็วของนางยิ่งทำให้ดาริอุสรู้สึกดีที่ได้ยิน มันทำให้นึกถึงไซเรน่า

    ดาริอุสยิ้มกว้างอย่างร่าเริง แล้ววิ่งไปค้นเอาเข็มกลัดรูปดอกไม้ที่ทำจากเกล็ดมังกรมาให้

    “เจ้าอยู่กับไบรอันได้อย่างไร แล้วได้ข่าวว่าท่านเป็นผู้กล้าแล้วนี่นาไบรอัน” คูเซียดูจะชื่นชมของขวัญน้อยกว่าตัวไบรอันที่ยืนทื่อเหมือนต้นไม้

    ไบรอันพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม

    “ใช่แล้ว และคนพวกนี้คือเพื่อนร่วมตายของข้า” แล้วไบรอันก็โดนดาริอุสฉวยโอกาสพูดต่อในทันที

    “คนที่ท่านเล่าให้ฟังว่าเคยช่วยเอาไว้ตอนนั้น คงไม่ใช่หมอนี่ใช่ไหม” ดาริอุสไม่ปกปิดสีหน้าประหลาดใจ “ที่ว่าช่วยซื้อท่านให้หลุดจากการเป็นทาส แล้วก็หางานให้”

    “เรื่องนั้นปล่อยให้เป็นอดีตดีกว่า เรากำลังจะไปหาพาลาดิโน่พอดี จะไปทักทายก่อนหาโรงแรมพัก” ไบรอันตัดบทให้เร็วที่สุด พร้อมเสริมด้วยข้ออ้างที่แข็งแกร่ง “ข้ามาทำงานไม่ได้มาเที่ยว”

    หญิงสาวกับประสานมือด้วยความดีใจแล้วบอกว่าตนทำธุรกิจบ้านพักชายหาดร่วมกับเพื่อนอยู่พอดี จึงยอมให้พวกไบรอันพักโดยไม่คิดค่าเช่า

    “ตอนข้ามาทำงานเสริมตอนนั้นก็ทำความสะอาดบ้านพักนี่ล่ะ” ดาริอุสเอียงคอเมื่อเห็นสีหน้าของนายจ้างที่ทำเหมือนกำลังจะคายของเก่าเสียให้ได้

    “ก็ได้ ข้ายอมแพ้ นำทางไปเลยแล้วเราค่อยคุยกันระหว่างทาง”

    ดาริอุสรู้สึกสนุกที่เห็นท่านนายจ้างลำบากใจขนาดนี้ เรื่องในอดีตคงไม่ใช่แค่ที่เคยได้ยินจากคำเล่าแน่นอน

    “เล่าให้ข้าฟังได้นะไบรอัน รับรองว่าจะเหยียบจมดินเลยละ” ดาริอุสกระซิบกับเจ้าตัวที่พยายามอธิบายความเกี่ยวเนื่องระหว่างตนกับเนอร์วาน่าอยู่

    ไบรอันขู่ฟ่อดาริอุสจึงเลิกทู่ซี้ถาม

    ที่ทำการบ้านพักเป็นอาคารชั้นเดียวโปร่งโล่ง ข้างๆป้ายมีชายคนหนึ่งอายุไล่เลี่ยกับพวกเขายืนถือช่อดอกไม้อยู่ ดูจากดวงตาและผมเปียสีดำแล้วไม่น่าใช่นักท่องเที่ยว น่าจะนัดใครเอาไว้มากกว่าเพราะถือช่อดอกไม้อยู่ด้วย ไบรอันยิ้มแล้วโบกมือให้ทันที

    “ไม่เจอกันนานพาลาดิโน่!” ไบรอันแยกตัวจากกลุ่มไปสัมผัสมือกับเพื่อนรักเก่าแก่ “สบายดีสินะ ขอธิดาแห่งทะเลจงอวยชัย!”

    “ขอธิดาแห่งทะเลอวยชัยเจ้าเช่นกันไบรอัน ได้ข่าวว่ามีชื่อเสียงใหญ่โตเป็นถึงผู้กล้า นึกว่าลืมข้าเสียแล้ว”

    คราวนี้ดาริอุสเข้าไปขัดไม่ได้เพราะไม่รู้จักเพื่อนของไบรอันคนนี้

    “แล้วตอนนี้งานสอนเป็นอย่างไรบ้าง...” ด้วยความคิดถึงทำให้ไบรอันลืมพวกเขาที่ยืนรอเสียสนิท ระหว่างนั้นดาริอุสจึงถามเนอร์วาน่าด้วยความอยากรู้

    “ข้าสงสัยมานานแล้วเนอร์วาน่า ทำไมผู้ใช้เวทมนตร์ส่วนมากไว้ผมยาว ทั้งไบรอันและเวเบอร์ และอีกหลายคนที่เคยเห็นก็ล้วนแต่ไว้ผมยาวเหมือนผู้หญิง”

    “เพราะผู้หญิงสามารถรับพลังเวทได้มากและง่ายกว่าผู้ชายอย่างไรล่ะ ผู้ชายจึงคิดหาทางเลียนแบบผู้หญิง ทำได้มากสุดแค่ไว้ผมยาว จะว่าไปข้า...ไบรอันก็เคยพบนะ นักเวทชายที่แต่งตัวเป็นผู้หญิงไปเลย ชอบผู้ชายด้วยกันเหมือนผู้หญิงจริงๆด้วย”

    เรมิสต์นี่ช่างกว้างใหญ่จริงๆ ดาริอุสคิด

    “จริงสิคูเซีย นี่ดอกไม้สำหรับวันนี้ ความจริงข้าจะชวนไปทานอาหารเที่ยงแต่เจ้าออกไปแล้ว จึงไปซื้อดอกไม้มายืนรอตรงนี้” พาลาดิโน่เพื่อนของไบรอันพูดด้วยสำเนียงรัวเร็วจนแทบฟังไม่ทัน ดอกไม้สีชมพูอ่อนสำหรับคนที่ชอบถูกยื่นไปให้คูเซีย ทว่านางปัดมันออกด้วยสีหน้าไม่พอใจนัก

    “ขอโทษ บอกแล้วว่ารับไม่ได้” หญิงสาวผิวสีแทนส่ายหน้าไม่รับดอกไม้จากผู้ที่หลงรักนาง ทั้งคู่มองตากันด้วยความรู้สึกที่ต่างกันลิบลับ ไบรอันจึงตัดตอนเสียเดี๋ยวนั้นเพื่อกันการยืดเยื้อเสียเวลา

    “ข้ายังไม่ได้แนะนำให้รู้จักสินะ นี่ลาควีล่าคนรักข้า”

    ผู้กล้าแสงตะวันตั้งใจเก็บนางไว้แนะนำตัวหลังสุดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดว่าจะไม่สนหญิงอื่นอีกต่อไป แทนที่ผลลัพธ์จะออกมาดี คูเซียกลับน้ำตานองหน้าวิ่งหนีไปด้านในอาคาร เนอร์วาน่าเงื้อมือตบหน้าไบรอันฉาดใหญ่! แม้แต่ดาริอุสยังรู้สึกเจ็บแทน    

    “เจ้าคนไร้กึ๋น! รู้ว่าเขาชอบตัวเองแล้วยังเอาคนรักใหม่มาอวดอีก” นางผู้หยั่งรู้ร้องเสียงหลง “เดี๋ยวข้าตามไปที่บ้านพัก พวกเจ้าไปก่อนเถิด” แล้วเนอร์วาน่าก็เดินตามคูเซียไป คงไปคุยกันให้เข้าใจมากขึ้นกระมัง

    “ข้าทำเพื่อพาลาดิโน่ต่างหาก นางจะได้ตัดใจสักที” ไบรอันอุทธรณ์ มือคลำรอยตบไม่ยอมหยุด

    “อย่างนั้นข้าควรตามไปอีกคน ขอบคุณนะไบรอัน” เพื่อนของไบรอันหันมาขอบคุณด้วยสีหน้ารู้สึกผิด แล้วเดินตามเนอร์วาน่าไปอย่างรวดเร็ว

    “อย่างนั้นฝากเรื่องเช่าบ้านพักด้วยนะดาริอุส เราต้องอยู่ที่นี่อีกพักใหญ่ ส่วนข้าจะนั่งรอตรงนี้ล่ะ เจ็บชะมัด” ไบรอันบ่นอุบ

    ดาริอุสบอกทันทีว่าจะจ่ายด้วยราคาเต็มไม่รับเปล่าตามข้อเสนอของหญิงสาว เขามองผู้กล้าแสงตะวันทำท่าหงอยอ้อนคนรักแล้วก็หัวเราะกับตัวเอง อย่างน้อยก็ยังมีคนที่แย่กว่าเขา...

    ทุกอย่างเป็นไปตามแผนของไบรอัน แบล็คสโตนทั้งนั้น ยกเว้นเรื่องโดนตบ พวกเขาจะรายงานเกี่ยวกับการแฝงตัวของเวเบอร์เข้าสู่เมเทอาร์เพื่อดาบวิเศษ เมื่อถึงเวลาที่เวเบอร์ขึ้นไปบนเวทีเขาก็จะปรากฏตัวอย่างผู้กล้า ใช้การประลองเป็นเงื่อนไขขอเจรจาสงบศึกกับจอมอสูรพ่อของดาริอุส แล้วเขาก็จะชนะอย่างฉิวเฉียด

    แผนการประลองกับเวเบอร์ได้ตระเตรียมเอาไว้ก่อนแล้ว สิ่งที่คาดไม่ถึงคือโดนนางผู้หยั่งรู้ตบหน้า ไบรอันยังต้องประคบใบหน้าด้านที่โดนตบด้วยถุงน้ำแข็ง

    พวกเขาได้บ้านเช่าสองชั้นที่สามารถมองเห็นทะเลได้ เสียแค่มีสามห้องนอนในขณะที่พวกเขามีกันสี่คน ดาริอุสยอมเสี่ยงชีวิตนอนห้องเดียวกับไบรอันทั้งที่เคยเจอฤทธิ์ละเมอของนายจ้างมาแล้ว ทั้งหมัด ทั้งเข่า ทั้งถีบเขาตกเตียง แถมละเมอใช้เวทมนตร์อีกต่างหาก ทำให้เขาเข็ดขยาดการนอนห้องเดียวกับผู้กล้าแสงตะวันในที่สุด

    “เดี๋ยวลาควีล่านอนกับข้าเอง” เนอร์วาน่ายื่นข้อเสนอที่ช่วยชีวิตดาริอุสไว้หวุดหวิด “จะสอนอะไรให้หลายอย่างเกี่ยวกับการต่อสู้และใช้ชีวิตประจำวัน ส่วนที่ความจำยังไม่ตื่นน่ะ”

    เป็นอันตกลงว่าสองสาวจะนอนห้องเดียวกัน ตัวไบรอันก็รู้นิสัยการนอนตัวเองดีไม่ค่อยอยากให้ใครนอนข้างๆด้วยถ้าไม่จำเป็น

    เหลืออีกครึ่งวันกว่าพระอาทิตย์จะตกดิน ดาริอุสขอตัวเข้าเมืองไปหาคนรู้จักตามที่ต่างๆเพื่อเอาของไปฝาก ลาควีล่าอยู่ในห้องกำลังตั้งอกตั้งใจท่องโคลงมนตราเรียกอสูรที่เนอร์วาน่าจดไว้ให้ เนอร์วาน่านั้นเข้าไปเมืองไปหาซื้ออาหารท้องถิ่นมาทำกิน แล้วเวเบอร์ก็เดินส่ายอาดๆเข้ามาหาไบรอันที่นั่งตากลมเล่นอยู่หน้าบ้านพัก ท่าทางอารมณ์ไม่ค่อยดีเสียด้วย

    “เป็นอย่างที่ข้ากลัวเสียได้” เวเบอร์พูดสั้นๆแต่สัมผัสได้ถึงโทสะเปี่ยมล้น ไบรอันตกใจจนทำหน้าไม่ถูกเมื่อเพื่อนกลายเป็นศัตรูกันด้วยเรื่องผู้หญิงคนเดียว “แต่อย่าให้ความเป็นเพื่อนของเราพังทลายไปมากกว่านี้อีกเลย ข้ายอมให้”

    เวเบอร์ฝืนยิ้มอย่างเป็นมิตรแล้วลงมานั่งข้างๆไบรอันที่เตรียมตัวต่อสู้เต็มที่

    “ถือว่าโชคดีที่คราวนี้เจ้ายอมรับความรู้สึกของนางแล้วแล้วถนอมมันไว้ อย่าให้นางร้องไห้ล่ะ”

    “แล้วคราวนี้ไม่ต้องสู้ก่อนหรือ” ไบรอันตั้งสติได้ถามขึ้น

    “ก็ข้ามาหาเจ้า ไม่ได้มาหานาง” เวเบอร์ตอบตามตรง “มาทบทวนเรื่องแผนอีกครั้งกันพลาด อีกอย่าง ข้ารู้สึกถึงสิ่งผิดปกติที่นี่ได้ ที่เมืองนี้ไม่ได้มีแค่พวกเราสองฝ่ายเท่านั้น อย่างไรก็ห้ามลดการป้องกันลงเด็ดขาด ตราบใดที่ยังไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร”

    “เวเบอร์มาหรือ สวัสดียามบ่าย” ดาริอุสเดินกลับบ้านพักพร้อมอาหารต่างๆ คาดว่าคงได้รับเป็นการขอบคุณสำหรับของขวัญ

    แล้วสิ่งที่แอบซ่อนตัวอยู่ก็ออกมาจากที่ซ่อน เกิดลมงวงช้างพัดฝุ่นทรายกระจัดกระจายไปทุกทาง แล้วที่ศูนย์กลางก็ก่อร่างเป็นเทพบุตรรูปงามแผงปีกสีขาวบริสุทธิ์ หากไบรอันสัมผัสได้ถึงกลิ่นซากเน่าได้ชัดเจน เวเบอร์เองก็คงรู้สึกแบบเดียวกัน

    “ข้าคือทูตจากมหาเทพเอซีร่า มาขอเจรจาต่อรองกับพวกท่าน ตัวแทนของมนุษย์และจอมอสูร” เทวทูตจอมปลอมกล่าว

    “เลิกเล่นละครดีกว่า พวกเรารู้เรื่องทั้งหมดแล้ว” ไบรอันไม่จำเป็นต้องเล่นละครอีกในเมื่อไม่มีใครอื่นอยู่ในที่แห่งนี้แล้ว สิ่งที่เวเบอร์กังวลน่าจะเป็นลูกน้องของจอมปิศาจ “กี่ครั้งแล้วที่นายเจ้าส่งลูกน้องมาหมายจัดการข้าคนนี้ ยังคิดจะคุยกันดีๆอีกหรือ”

    “เดี๋ยวก่อนไบรอัน เขาอยากคุยก็ปล่อยเขา ให้ข้าได้ออกหน้าบ้าง” ดาริอุสวางข้าวของไว้บนม้านั่งแล้วเดินเข้ามาใกล้ๆเทวทูตปลอมโดยไม่ชักกระบี่ออกมาเตรียมพร้อม

    “ท่านคงเป็นนักรบจันทรา ยินดีที่ได้พบ”

    “โดนกันท่ามาหลายหนสุดท้ายก็ได้เจอกัน บริวารของจอมปิศาจ” ดาริอุสยังไม่มีทีท่าว่าจะต่อสู้ด้วย “หลอกใช้พ่อข้าสนุกไหม”

    “ท่านหมายความว่าอย่างไร ข้าคือสาวกของมหาเทพ”

    “เลิกแสดงละครห่วยๆได้แล้ว ทุกคนที่นี่รู้ความจริงหมดแล้ว จอมปิศาจเข้ายึดร่างมหาเทพแห่งดินแดนนี้มาตลอดเวลา” ดาริอุสชักกระบี่ออกมาปักลงบนพื้นดินอย่างเด็ดขาด

    เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายรู้แกวแล้วทางด้านสมุนของจอมปิศาจจึงเริ่มพูดเรื่องที่อยากพูดทันที

    “พวกเราคือกลุ่มก้อนความมืดที่ถูกเทพบีบอัดสู่ใจกลางดาว เมื่อมีโอกาสจึงออกมาสัมผัสกับอิสรภาพอันหอมหวาน จึงเข้ายึดร่างของมหาเทพหนึ่งเดียวของเรมิสต์เพื่อเก็บเรื่องที่พวกเราหลุดออกมาเป็นความลับ เราต้องการอิสระเท่านั้น ไม่ต้องการต่อสู้กับพวกท่านเลยสักนิด”

    “สามครั้ง! สามครั้งแล้วที่ข้าได้ยินว่าพวกท่านลงมืออย่างไรเพื่อปิดปากพวกเราที่รู้ความจริงทั้งหมด ไม่รวมที่หลอกใช้พ่อข้าเป็นจอมอสูรอีกนะ ข้าคงโง่บัดซบหากคิดว่าท่านเป็นพวกถกด้วยเหตุผลได้” ดาริอุสส่ายหัว “เล่นเอาพ่อข้าเป็นเหยื่อล่อเป้า เป็นตัวสร้างหายนะบนเรมิสต์แทนจอมปิศาจเสียนี่”

    “แต่มนุษย์ก็หลงกลพวกเรา จึงแต่งตั้งผู้กล้าแสงตะวันขึ้นมา ทำให้เราดำเนินแผนตามล่านักรบจันทราได้อย่างไม่เปิดเผยได้”

    “แผนของเจ้าหรือแผนของใครกันแน่ เกรงว่านั่นจะเป็นแผนของข้านะ” ไบรอันไม่ยอมให้ดาริอุสได้บทเด่นคนเดียวในวันนี้ “มีผู้กล้าแสงตะวันเพื่อปราบจอมอสูร มีนักรบจันทราเพื่อปราบจอมปิศาจ แล้วทำไมผู้กล้าแสงตะวันอย่างข้ากับสมุนของจอมอสูรจะช่วยปกป้องนักรบจันทราไม่ได้ ในเมื่อข้าได้รับผลประโยชน์ด้วยแบบนี้ กี่ครั้งแล้วที่เราปะทะกับพวกเจ้าเพื่อปกป้องนักรบจันทรา เขาคือแสงสว่างในยามรัตติกาลที่เจ้าครอบครองอย่างไรล่ะ”

(มีต่อ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่