จะบาปมากไหม ถ้าขู่แม่ตัวเองเรื่องสุขภาพ ควรพูดอย่างไรดี

เรื่องของเรื่องคือ

คุณแม่ของจขกท เป็นผู้หญิงร่างท้วม อายุประมาณห้าสิบต้นๆ
มีนิสัยชอบทานขนมหวานเป็นชีวิตจิตใจ (ก็ผู้หญิงอ่ะเนอะ)
นอกจากจะชอบทานแล้ว ยังชอบซื้อขนมมาครั้งละเยอะๆ (แบบเกินความจำเป็นมากๆ) ซื้อทุกวัน
โดยอ้างว่าแม่ค้าชอบเรียกให้ซื้อเลยช่วยเค้าซื้อ แต่จริงๆคงจะมีความสุขเวลาได้เลือกซื้อเลือกดูขนมมากกว่า
ด้วยความที่อยากกินไปหมดทุกอย่างแต่ตระหนักดีถึงน้ำหนักและไขมันส่วนเกินของตัวเอง
จึงเลือกที่จะกินเป็นบางอย่าง รวมๆแล้วก็หลายอย่างอยู่เพราะกินทีละนิดแต่กินทั้งวันถึงดึกๆ
ส่วนที่เหลือก็แจกจ่ายให้คนอื่น ยามบ้าง ลูกน้องบ้าง คอเรสเตอรอลพุ่งกระฉูดกันถ้วนหน้าไม่เว้นแม้แต่หมาหน้าปากซอย

ประเด็นคือคุณแม่ไม่ออกกำลังกายเลย ไม่เล่นกีฬา ไม่ค่อยใส่ใจเรื่องสุขภาพ
และที่สำคัญคือไม่ชอบการหาหมอ ทานยา ฉีดยา
น่าแปลกที่พฤติกรรมแบบนี้แต่แกไม่ค่อยป่วยแฮะ
เรียกได้ว่าแทบไม่เคยไปหาหมอเลย (ยกเว้นตอนคลอดลูก)

ล่าสุด (= หลายเดือนที่แล้ว) ไปตรวจน้ำตาลในเลือดและวัดความดัน
ปรากฎว่างานเข้าค่ะ ระดับน้ำตาลสูงจนอีกนิดนึงใกล้จะเป็นเบาหวานแล้ว
ส่วนความดันก็พุ่งทะลุเพดาน ปาไป 150 กว่าๆ
เราก็งงๆว่าทำไมหมอถึงไม่ให้ยามาทาน
(ตอนนี้จขกท อยู่ตปท ค่ะ เลยไม่ได้ไปด้วย)
แต่ก็บอกแม่ไปว่าควรจะเริ่มออกกำลังกายบ้างและทานขนมให้น้อยลง
พร้อมกันนี้ก็ได้ซื้อเครื่องวัดความดันอันเล็กๆส่งไปที่บ้าน จะได้เช็คดูบ่อยๆ

ผลคือแกก็วัดความดันเองบ้างนะ แต่ถามทีไรก็ยัง 150 กว่าๆ อยู่ดี
เพราะจากที่ฟังดูก็แทบไม่ได้เปลี่ยนพฤติกรรมอะไรเลย
ขนมก็ซื้อเหมือนเดิม แต่มีทานน้อยลงบ้างนิดนึง
จริงๆแล้วก็คงทานเท่าเดิมแหละ แต่เสริมคำว่านิดนึงเพื่อให้รู้สึกผิดน้อยลง
ออกกำลังกายของแม่คือ ยืนแกว่งแขนประมาณ 10-20 ที ขยับตัวนิดๆหน่อยๆ เรียกออกกำลังกายแล้ว
ได้ยินแล้วเพลียมากอ่ะบ่องตง

คุยกันเรื่องนี้หลายรอบอยู่ แรกๆก็ใจเย็น
หลังๆเริ่มนอยด์ เลยถามแม่ไปประมาณว่า ไม่คิดจะทำอะไรบ้างเลยหรอ
แกก็ถามกลับมาว่าแล้วจะให้ทำยังไงล่ะ ไปหาหมอหรอ ไม่อยากกินยา
เราเลยสวนกลับไปว่า ถ้าไม่กินยาตอนนี้แล้วปล่อยทิ้งไว้ สุดท้ายก็ต้องกินยาอยู่ดีแถมเยอะกว่าเดิมอีกแน่นอน
บทสนทนาก็จะจบลงเหมือนเดิมทุกครั้ง คือแม่จะพูดตัดบทว่า อือๆเดี๋ยวค่อยไปหาหมอ แล้วเปลี่ยนเรื่องไปเลย
จริงๆพูดเสร็จเราก็แอบรู้สึกผิด เพราะเราก็รู้ว่าแม่คงเครียดเรื่องงานทุกวันเลยหาความสุขจากการกิน
ก็เลยไม่รู้ว่าพูดไปแบบนั้นจะยิ่งกดดันทำให้แกเครียดกว่าเดิมอีกรึเปล่า คงจะบาปน่าดู

คนที่ไม่เคยออกกำลังกายหรือเล่นกีฬามาตลอดชีวิต อยู่ๆจะให้เปลี่ยนพฤติกรรมก็คงจะไม่ง่าย
แต่ถ้าไม่ทำอะไรเลย ปล่อยไว้เรื่อยๆคงมีแต่ผลเสียแน่ๆ
เราก็อยากให้แม่อยู่กับเราไปนานๆ แต่คุยแล้วก็เซ็งเพราะสุขภาพตัวเองแท้ๆยังไม่คิดจะดูแล
เหมือนแกก็รู้แหละว่าควรทำอะไร แต่ทำไม่ได้ เจอแบบนี้เราก็เงิบเหมือนกัน

เราควรจะพูดกับคุณแม่อย่างไรดีคะ?

ขอบคุณที่รับฟังค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่