ความงามในทางศิลปะ ความงามในด้านมนุษยวิทยา ความงามในค่านิยมที่ถูกกล่อมโดยสื่อ
ผมมีำคำถามมากมายเกิดขึ้นในหัวสมอง หลังจากได้ไปเห็นสาวชาวบ้านคนหนึ่งในชานเมืองของจังหวัดหนึ่งในภาคอีสาน
ตาม sterotype เดิม เราจะนึกภาพคนอีสานในลักษณะที่ค่อนข้างอัปลักษณ์ ดั้งหัก กรามใหญ่ ผิวดำ ตา ปาก อาจไม่มีจุดเด่น โครงหน้าไม่เรียว หรือออกไปทางเหลี่ยม กรามใหญ่
แน่นอนว่าสิ่งที่ผมได้เห็นจากสาวคนนั้น ก็อาจไม่ใช่ข้อด้อยทั้งหมดที่ว่ามา มีบางส่วน แต่เมื่อพิจารณาภาพรวมแล้ว ก็ประมวลผลได้่ว่ายังห่างไกลกับความสวย
ความสวยหรือความงามนั้น โดยส่วนตัวผมมองว่ามันโยงกับแรงกระตุ้นทางเพศ การเลือกคู่ หรืออาจลามไปถึงสถานะทางสังคม ภาพลักษณ์ของคนทั่วไปต่อสัมพันธภาพว่าคนที่เราเกี่ยวพันด้วย หน้าตาดีหรือเปล่า ผมพบว่าส่วนหนึ่งของคน เลือกที่จะอยู่รวมกับคนที่หน้าตาดี หรือไม่น่าเกลียดจนเกินไป รวมถึงการทำหน้าตาตัวเองไม่ให้ดรอปลงจากระดับเดิมที่ตนเองตั้งไว้
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงในทัศนคติของผมเริ่มเปลี่ยนจากตรงนั้น หลังจากได้มองหน้าสาวชาวบ้านคนนั้น ก็เกิดคำถามขึ้นว่า แล้วอะไรคือความงาม ความงามของใบหน้าที่สมบูรณ์นั้นมีจริงไหม หรือเป็นเพียงการถูกกล่อมจากสื่อ จนไปถึงคุณค่าในตัวมนุษย์คนนึงที่ถูกตีค่าจากหนังหน้าหรือการจัดระเบียบของอวัยวะบนหน้้า สิ่งที่ถ่ายทอดมาจากบรรพบุรุษ ลามไปถึงเรื่องการศัลยกรรม โดยเฉพาะในเพศหญิงที่ความงามถือเป็นคุณสมบัตินึงที่ส่งผลต่อการดำรงชีวิต
ถ้าจะให้พูด(พิมพ์)ทั้งหมดมันคงยาวมาก ในตอนนี้ผมขอพูดเรื่องแค่ชาติพันธุ์กับสถานะทางสังคมคร่าวๆก่อน
คือโดยพื้นฐานของน้องคนนั้น เป็นคนอีสาน หน้าตาไม่ได้สวยอะไร นี่คือความเข้าใจเดิม ซึ่งผมขอคิดต่อยอดไปว่า ในวัยแบบเธอชีวิตในวัยเรียนก็คงเป็นคนไม่ได้ป๊อบปูลาร์หรือจะเป็นที่พูดถึงอะไรในกลุ่มคนวัยเดียวกันในสังคมโรงเรียน การที่เป็นคนดำ(ซึ่งดำในที่นี้ไม่ได้หมายถึงอัฟริกัน)ในสังคมปัจจุบันนี้ ความดำจะกลายเป็นปมด้อย? แต่ความดำนั้นคือชาติพันธุ์เดิมของคนไทยที่อยู่อาศัยในเขตร้อน รวมถึงใบหน้าที่สะท้อนความเป็นชาติพันธุ์อีสาน ซึ่งห่างไกลกับความงามที่ถูกนิยามกันในโทรทัศน์ นิตยสาร สื่อต่างๆ
และถ้าใครในที่นี้เคยผ่านชีวิตวัยเรียนมา ก็จะพบว่าคนที่สถานะทางสังคมที่เป็นที่สนใจ ส่วนใหญ่ก็คงนึกภาพออกว่าขาวหรือสวยน่ารักยังไง นั่นจึงเป็นที่มาของคำถามที่ว่า แล้วถ้าเป็นน้องคนอีสานคนนี้ ไม่ถูํกจัดประเภทในความงามนั้นเพราะอะไร แน่นอนว่าย่อมไม่ใช่เรื่องเดียวกับว่า อย่าไปตัดสินกันที่หน้าตาให้ดูที่จิตใจ ในที่นี้เรากำลังพูดถึงสิ่งที่เป็นมาตรวัด ว่าอะไรเป็นบรรทัดฐานที่มาตัดสิน ว่าโครงสร้างหน้าตา สีผิว เมลานินกี่เซลล์ถึีงจัดได้ว่าเป็นความงาม ซึ่งเป็นเรื่องหน้าตาล้วนๆ ไม่ได้เกี่ยวกับจิตใจเลยแม้แต่น้อย
และสิ่งเหล่านี้ก็ถูกสะท้อนมาในภาพโฆษณาอาหารเสริมที่เห็นตามเฟซบุค รูป before กับ after รูปก่อนเราจะเห็นเป็นหน้าดำๆ ดูไทย ดูบ้านนอก แล้วพอกินแล้วก็จะขาวใส มีออร่า ดูเหมือนดารา หรือเหมือนเกาหลี ด้านหนึ่งมันเหมือนชี้นำให้คนเห็นแล้วล่ะ ว่าก่อนนั้นคือผิด หลังคือถูก จงขาว จงหน้าเรียว จงผอม และนั่นคือความงามที่มนุษย์คนนึงสมควรจะมี
และนั่นทำให้ผมฉุกคิดว่า ในชีวิตของมนุษย์คนเราชีวิตหนึ่งจะไม่สามารถภาคภูมิใจกับตัวเองได้อีกแล้วเหรอ ภูมิใจกับใบหน้าตัวเองที่มีมา ภูมิใจกับความดำตามชาติพันธุ์เดิม โครงหน้าตามภูมิภาค ทำให้คนเห็นเราแล้วรู้ว่าที่มาของเราเป็นอย่างไร แล้วมีความสุขกับมัน หรือภูมิใจกับวิถีการดำรงชีวิตที่ตนเองเลือก เลือกที่จะไปตากแดด วิ่งเล่น จนผิวดำดูหมองคล้ำ แล้วรู้สึกดีกับสิ่งที่เกิดว่าฉันได้ใช้ชีวิตในสิ่งที่อยากทำ มากกว่ามาใส่ใจว่าฉันจะขาว หรือหน้าตาฉันจะอยู่ในเทรนด์ที่เขามองว่ามันคือความงามหรือเปล่า
ถ้ามองแบบสุดโต่งไปเลย คือเรากลายเป็นทาสของความงาม(ที่สังคมหรือสื่อนิยาม) เราไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างที่อยากใช้เพราะพะวงกับเรื่องความงาม ถ้าหากเราเป็นมนุษย์ถ้ำก็คงไม่มาสนใจเรื่องความงาม แต่ในโลกปัจจุบันเรากลายเป็นสัตว์สังคมที่ถูกตรึงอยู่กับภาพลักษณ์ต่อการมองเห็นมากเหลือเกิน เราไม่ได้มีความภาคภูมิใจอีกแล้วต่อชาติพันธุ์ของตนเอง เราอยู่อย่างหวาดกลัว กลัวความเสื่อมของเซลล์ กลัวแสงแดด กลัวไม่มีที่ยืนในสังคม กลัวไม่ได้รับการยอมรับ
แต่ ณ จุดนี้ ผมก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการนั้นโดยสมบูรณ์แล้วเหมือนกัน ผมก็เคยเหลียวมองผู้หญิงสวยแต่แบบที่สังคมนิยาม และมองข้ามผู้หญิงทั่วไปหรือผู้หญิงอัปลักษณ์ให้ผ่านไปแบบอากาศธาตุ ผมไม่ได้ย้ำเตือนตัวเองตลอดว่าอย่ายึดติดกับความงามที่ถูกกำหนดมา ไม่อีกแล้ สัญชาติญาณผมเชื่อตามสิ่งที่ถูกกล่อมมา เป็นอัตโนม้ติโดยสิ้นเชิง
แต่อีกด้านหนึ่งผมพยายามเปลี่ยนนะ เปลี่ยนที่ตัวเอง เปลี่ยนโดยการถามเสมอว่า ที่เห็นมันคือความงามเพราะอะไร ขาว สวย หมวย นั้นคืองามได้อย่างไร และดำ ดั้งหัก กรามใหญ่ ถูกจัดไปสู่สมองว่าไม่สวยเพราะอะไร ยิ่งถามเราก็ยิ่งรู้ว่ามันไม่มีจริง ถ้าสมมติเรานิยามใบไม้สองใบให้สวยงามจากเส้นลายที่เรียงตัวสวย กับเส้นลายที่เรียงตัวไม่เป็นระเบียบ แต่ใบไม้ก็คงความงามใบไม้คนละแบบอยู่วันยังค่ำไม่ใช่เหรอ ถ้าจมูกจะเชิดขึ้นสองเซ็นกับไม่เชิดขึ้น ฉันใดฉันนั้น มันก็ย่อมไม่ต่างกันเหมือนกัน ใช่หรือไม่ ???
ความงามของใบหน้าผู้หญิง มีจริงหรือ
ผมมีำคำถามมากมายเกิดขึ้นในหัวสมอง หลังจากได้ไปเห็นสาวชาวบ้านคนหนึ่งในชานเมืองของจังหวัดหนึ่งในภาคอีสาน
ตาม sterotype เดิม เราจะนึกภาพคนอีสานในลักษณะที่ค่อนข้างอัปลักษณ์ ดั้งหัก กรามใหญ่ ผิวดำ ตา ปาก อาจไม่มีจุดเด่น โครงหน้าไม่เรียว หรือออกไปทางเหลี่ยม กรามใหญ่
แน่นอนว่าสิ่งที่ผมได้เห็นจากสาวคนนั้น ก็อาจไม่ใช่ข้อด้อยทั้งหมดที่ว่ามา มีบางส่วน แต่เมื่อพิจารณาภาพรวมแล้ว ก็ประมวลผลได้่ว่ายังห่างไกลกับความสวย
ความสวยหรือความงามนั้น โดยส่วนตัวผมมองว่ามันโยงกับแรงกระตุ้นทางเพศ การเลือกคู่ หรืออาจลามไปถึงสถานะทางสังคม ภาพลักษณ์ของคนทั่วไปต่อสัมพันธภาพว่าคนที่เราเกี่ยวพันด้วย หน้าตาดีหรือเปล่า ผมพบว่าส่วนหนึ่งของคน เลือกที่จะอยู่รวมกับคนที่หน้าตาดี หรือไม่น่าเกลียดจนเกินไป รวมถึงการทำหน้าตาตัวเองไม่ให้ดรอปลงจากระดับเดิมที่ตนเองตั้งไว้
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงในทัศนคติของผมเริ่มเปลี่ยนจากตรงนั้น หลังจากได้มองหน้าสาวชาวบ้านคนนั้น ก็เกิดคำถามขึ้นว่า แล้วอะไรคือความงาม ความงามของใบหน้าที่สมบูรณ์นั้นมีจริงไหม หรือเป็นเพียงการถูกกล่อมจากสื่อ จนไปถึงคุณค่าในตัวมนุษย์คนนึงที่ถูกตีค่าจากหนังหน้าหรือการจัดระเบียบของอวัยวะบนหน้้า สิ่งที่ถ่ายทอดมาจากบรรพบุรุษ ลามไปถึงเรื่องการศัลยกรรม โดยเฉพาะในเพศหญิงที่ความงามถือเป็นคุณสมบัตินึงที่ส่งผลต่อการดำรงชีวิต
ถ้าจะให้พูด(พิมพ์)ทั้งหมดมันคงยาวมาก ในตอนนี้ผมขอพูดเรื่องแค่ชาติพันธุ์กับสถานะทางสังคมคร่าวๆก่อน
คือโดยพื้นฐานของน้องคนนั้น เป็นคนอีสาน หน้าตาไม่ได้สวยอะไร นี่คือความเข้าใจเดิม ซึ่งผมขอคิดต่อยอดไปว่า ในวัยแบบเธอชีวิตในวัยเรียนก็คงเป็นคนไม่ได้ป๊อบปูลาร์หรือจะเป็นที่พูดถึงอะไรในกลุ่มคนวัยเดียวกันในสังคมโรงเรียน การที่เป็นคนดำ(ซึ่งดำในที่นี้ไม่ได้หมายถึงอัฟริกัน)ในสังคมปัจจุบันนี้ ความดำจะกลายเป็นปมด้อย? แต่ความดำนั้นคือชาติพันธุ์เดิมของคนไทยที่อยู่อาศัยในเขตร้อน รวมถึงใบหน้าที่สะท้อนความเป็นชาติพันธุ์อีสาน ซึ่งห่างไกลกับความงามที่ถูกนิยามกันในโทรทัศน์ นิตยสาร สื่อต่างๆ
และถ้าใครในที่นี้เคยผ่านชีวิตวัยเรียนมา ก็จะพบว่าคนที่สถานะทางสังคมที่เป็นที่สนใจ ส่วนใหญ่ก็คงนึกภาพออกว่าขาวหรือสวยน่ารักยังไง นั่นจึงเป็นที่มาของคำถามที่ว่า แล้วถ้าเป็นน้องคนอีสานคนนี้ ไม่ถูํกจัดประเภทในความงามนั้นเพราะอะไร แน่นอนว่าย่อมไม่ใช่เรื่องเดียวกับว่า อย่าไปตัดสินกันที่หน้าตาให้ดูที่จิตใจ ในที่นี้เรากำลังพูดถึงสิ่งที่เป็นมาตรวัด ว่าอะไรเป็นบรรทัดฐานที่มาตัดสิน ว่าโครงสร้างหน้าตา สีผิว เมลานินกี่เซลล์ถึีงจัดได้ว่าเป็นความงาม ซึ่งเป็นเรื่องหน้าตาล้วนๆ ไม่ได้เกี่ยวกับจิตใจเลยแม้แต่น้อย
และสิ่งเหล่านี้ก็ถูกสะท้อนมาในภาพโฆษณาอาหารเสริมที่เห็นตามเฟซบุค รูป before กับ after รูปก่อนเราจะเห็นเป็นหน้าดำๆ ดูไทย ดูบ้านนอก แล้วพอกินแล้วก็จะขาวใส มีออร่า ดูเหมือนดารา หรือเหมือนเกาหลี ด้านหนึ่งมันเหมือนชี้นำให้คนเห็นแล้วล่ะ ว่าก่อนนั้นคือผิด หลังคือถูก จงขาว จงหน้าเรียว จงผอม และนั่นคือความงามที่มนุษย์คนนึงสมควรจะมี
และนั่นทำให้ผมฉุกคิดว่า ในชีวิตของมนุษย์คนเราชีวิตหนึ่งจะไม่สามารถภาคภูมิใจกับตัวเองได้อีกแล้วเหรอ ภูมิใจกับใบหน้าตัวเองที่มีมา ภูมิใจกับความดำตามชาติพันธุ์เดิม โครงหน้าตามภูมิภาค ทำให้คนเห็นเราแล้วรู้ว่าที่มาของเราเป็นอย่างไร แล้วมีความสุขกับมัน หรือภูมิใจกับวิถีการดำรงชีวิตที่ตนเองเลือก เลือกที่จะไปตากแดด วิ่งเล่น จนผิวดำดูหมองคล้ำ แล้วรู้สึกดีกับสิ่งที่เกิดว่าฉันได้ใช้ชีวิตในสิ่งที่อยากทำ มากกว่ามาใส่ใจว่าฉันจะขาว หรือหน้าตาฉันจะอยู่ในเทรนด์ที่เขามองว่ามันคือความงามหรือเปล่า
ถ้ามองแบบสุดโต่งไปเลย คือเรากลายเป็นทาสของความงาม(ที่สังคมหรือสื่อนิยาม) เราไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างที่อยากใช้เพราะพะวงกับเรื่องความงาม ถ้าหากเราเป็นมนุษย์ถ้ำก็คงไม่มาสนใจเรื่องความงาม แต่ในโลกปัจจุบันเรากลายเป็นสัตว์สังคมที่ถูกตรึงอยู่กับภาพลักษณ์ต่อการมองเห็นมากเหลือเกิน เราไม่ได้มีความภาคภูมิใจอีกแล้วต่อชาติพันธุ์ของตนเอง เราอยู่อย่างหวาดกลัว กลัวความเสื่อมของเซลล์ กลัวแสงแดด กลัวไม่มีที่ยืนในสังคม กลัวไม่ได้รับการยอมรับ
แต่ ณ จุดนี้ ผมก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการนั้นโดยสมบูรณ์แล้วเหมือนกัน ผมก็เคยเหลียวมองผู้หญิงสวยแต่แบบที่สังคมนิยาม และมองข้ามผู้หญิงทั่วไปหรือผู้หญิงอัปลักษณ์ให้ผ่านไปแบบอากาศธาตุ ผมไม่ได้ย้ำเตือนตัวเองตลอดว่าอย่ายึดติดกับความงามที่ถูกกำหนดมา ไม่อีกแล้ สัญชาติญาณผมเชื่อตามสิ่งที่ถูกกล่อมมา เป็นอัตโนม้ติโดยสิ้นเชิง
แต่อีกด้านหนึ่งผมพยายามเปลี่ยนนะ เปลี่ยนที่ตัวเอง เปลี่ยนโดยการถามเสมอว่า ที่เห็นมันคือความงามเพราะอะไร ขาว สวย หมวย นั้นคืองามได้อย่างไร และดำ ดั้งหัก กรามใหญ่ ถูกจัดไปสู่สมองว่าไม่สวยเพราะอะไร ยิ่งถามเราก็ยิ่งรู้ว่ามันไม่มีจริง ถ้าสมมติเรานิยามใบไม้สองใบให้สวยงามจากเส้นลายที่เรียงตัวสวย กับเส้นลายที่เรียงตัวไม่เป็นระเบียบ แต่ใบไม้ก็คงความงามใบไม้คนละแบบอยู่วันยังค่ำไม่ใช่เหรอ ถ้าจมูกจะเชิดขึ้นสองเซ็นกับไม่เชิดขึ้น ฉันใดฉันนั้น มันก็ย่อมไม่ต่างกันเหมือนกัน ใช่หรือไม่ ???