"วรเจตน์" ยกประวัติศาสตร์เยอรมันสอน "ปธ.ศาลรธน." มั่ว อ้าง "ฮิตเล่อร์ หลอนคนไทย
"วรเจตน์"ยกประวัติศาสตร์เยอรมันสอน "ปธ.ศาลรธน."มั่วอ้าง "ฮิตเล่อร์ หลอนคนไทย
ชี้ผู้นำนาซีเกิดจากผลของการใช้อำนาจทางศาล เตือนศาล รธน.เดินหน้าตัดสินคดี เสี่ยงเกิดการปะทะระหว่างอำนาจ ประชาชนและกองทัพ
วันนี้ (1 พ.ค.)เวลา13.00 น. ที่โรงแรมเดอะสุโกศล บางกอก มูลนิธิคอนราด อเดนาวร์ ร่วมกับสถาบันศึกษาการพัฒนาประชาธิปไตยจัดงานเสวนาเรื่อง
“เมื่อศาลรัฐธรรมนูญกระทำขัดรัฐธรรมนูญ : จะทำอย่างไร ?” โดยตอนหนึ่ง
นายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และหนึ่งในสมาชิกกลุ่มนิติราษฎร์ ได้ยก
คำพูดของนายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ
ที่อ้างถึงฮิตเลอร์มาจากการเลือกตั้งขึ้นสู่อำนาจโดยเจตจำนงประชาชนผ่านการลงประชามติในระบอบประชาธิปไตยนั้น เป็นคำอธิบายที่ไม่ถูกต้องและคลาดเคลื่อน
ฮิตเล่อร์ไม่เคยชนะเลือกตั้งได้เสียงข้างมากในสภา แต่ได้รวบรวมพรรคการเมืองขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี ขณะนั้นฮิตเล่อร์ยังไม่มีอำนาจเบ็ดเสร็จ แต่เกิดขึ้นหลังจากนั่นโดย
มีหลายปัจจัย รวมถึงบทบาทการใช้อำนาจทางศาล ไม่ว่าจะเป็นกรณีทำรัฐประหารต่อปรัสเซีย การบังคับใช้กฎหมายอาญาลงโทษย้อนหลังเป็นผลร้ายแก่บุคคลและการออกรัฐบัญญัติมอบอำนาจรัฐบาล ดังนั้น
การมีอำนาจเบ็ดเสร็จของฮิตเล่อร์ ผลหนึ่งของกระบวนการทางศาล แต่ไม่เคยมีใครพูดถึง จึงเสนอให้มีการเชิญนักกฎหมาย นักวิชาการ โดยเฉพาะที่จบจากเยอรมันมาพูดกันให้ชัด ขณะที่เรื่อง
ประชามติก็อ้างไม่ได้เพราะเป็นเกิดขึ้นหลังจากฮิตเล่อร์เผด็จการเบ็ดเสร็จแล้ว ไม่ใช่ประชามติภายใต้บรรยากาศประชาธิปไตย การทำ
ประชามติรัฐธรรมนูญ 2550 ก็เช่นกัน ตนย้ำเสมอว่าไม่ใช่ประชามติแท้ เพราะเกิดจากบรรยากาศที่ประชาชนไม่มีทางเลือก หากไม่รับรัฐธรรมนูญปี50 ก็ไม่รู้ว่าจะได้ฉบับไหนมาใช้ จึงเป็นการอ้างที่คลาดเคลื่อน
นายวรเจตน์ กล่าวว่า มีพยายามเปรียบเทียบสถานการณ์การเมืองไทยกับการเมืองเยอรมันยุคฮิตเลอร์เพื่อจะลดทอนคุณค่าของประชาธิปไตยลง แต่มันเปรียบเทียบกันไม่ได้
เป็นการอ้างฮิตเล่อร์หลอกหลอนคนไทยทั้งที่บริบทคนละอย่าง ส่วนที่อ้างเยอรมันก็ตั้งศาลรัฐธรรมนูญขึ้นมาเป็นองค์กรกำกับควบคุมอำนาจของนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง มีอำนาจตรวจสอบรัฐบาลและกฎหมาย แต่
การตรวจสอบของศาลรัฐธรรมนูญเยอรมันกระทำภายใต้กฎหมายรองรับอำนาจ และตรวจสอบเมื่อกฎหมายนั้นบังคับใช้แล้ว ไม่ใช่การเข้ามาดูก่อนเช่นนี้ อี
กทั้งไม่ควรอ้างความชอบธรรม เปรียบเทียบกับเยอรมันให้เขาเสียหายเพราะที่มาศาลรัฐธรรมนูญเยอรมันไม่เหมือนกับของไทย ที่มาของเยอรมันเชื่อมโยงกับสภาผู้แทนราษฎรและสภาผู้แทนมลรัฐในสหพันธรัฐ แตกต่างกับไทยทีี่มาจากการรัฐประหาร
"ถ้าศาลรัฐธรรมนูญเดินหน้าตัดสินให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐสภาเป็นความผิดและสั่งยุบพรรคการเมือง โดยอ้างความศักดิ์สิทธิ์ของคำตัดสินศาล ขณะที่อีกฝ่ายก็ขออ้างสิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญ เพราะศาลรัฐธรรมนูญตัดสินมิชอบ ละเมิดรัฐธรรมนูญ เมื่อระบบถูกล็อคหมด วันนั้นจะเกิดการปะทะกันระหว่างอำนาจ ทั้งประชาชน กองทัพด้วย ผมไม่อยากเห็นสิ่งนั้น วันนี้คำตอบไม่ได้อยู่ในสายลม แต่อยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญ
รัฐสภายอมถอยมาแล้วครั้งหนึ่งทั้งที่ไม่ควรถอย แต่ศาลบอกว่าแก้ทั้งฉบับไม่ได้ ให้แก้รายมาตรา เมื่อทำแล้วก็ยังไม่ให้ทำอีก คิดว่าคงพูดกันไม่รู้เรื่อง" นายวรเจตน์ กล่าวและว่าพร้อมกันนี้ยังย้ำถึงข้อเสนอของนิติราษฎร์ที่ให้ยุบศาลรัฐธรรมนูญเพื่อสังคายนาศาลรัฐธรรมนูญในอนาคต โดยเป็นข้อเสนอที่ปกป้องศาลรัฐธรรมนูญและตุลาการรัฐธรรมนูญทั้ง 9 คน
http://www.dailynews.co.th/politics/201386
????????????????????????????????????????
"........
ฮิตเล่อร์ไม่เคยชนะเลือกตั้งได้เสียงข้างมากในสภา แต่ได้รวบรวมพรรคการเมืองขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี ......การใช้อำนาจทางศาล ไม่ว่าจะเป็นกรณีทำรัฐประหารต่อปรัสเซีย การบังคับใช้กฎหมายอาญาลงโทษย้อนหลังเป็นผลร้ายแก่บุคคล และการออกรัฐบัญญัติมอบอำนาจรัฐบาล ดังนั้น
การมีอำนาจเบ็ดเสร็จของฮิตเล่อร์ ผลหนึ่งของกระบวนการทางศาล ......"
".........
ประชามติรัฐธรรมนูญ 2550 ก็เช่นกัน ตนย้ำเสมอว่าไม่ใช่ประชามติแท้ เพราะเกิดจากบรรยากาศที่
ประชาชนไม่มีทางเลือก หากไม่รับรัฐธรรมนูญปี50 ก็ไม่รู้ว่าจะได้ฉบับไหนมาใช้ ......"
"..........การตรวจสอบของศาลรัฐธรรมนูญเยอรมันกระทำภายใต้กฎหมายรองรับอำนาจ และ
ตรวจสอบเมื่อกฎหมายนั้นบังคับใช้แล้ว ไม่ใช่การเข้ามาดูก่อนเช่นนี้ ........ที่มาศาลรัฐธรรมนูญเยอรมันไม่เหมือนกับของไทย
ที่มาของเยอรมันเชื่อมโยงกับสภาผู้แทนราษฎรและสภาผู้แทนมลรัฐในสหพันธรัฐ แตกต่างกับไทยทีี่มาจากการรัฐประหาร......"
"....... แต่
ศาลบอกว่าแก้ทั้งฉบับไม่ได้ ให้แก้รายมาตรา เมื่อทำแล้วก็ยังไม่ให้ทำอีก คิดว่าคงพูดกันไม่รู้เรื่อง........"
เห็นความหนา เห็นความด้านแล้วก็รู้ว่าเหลือจะเข็น
มาจากเผด็จการแต่งตั้งแท้ๆ
แต่ได้คืบจะเอาศอก ได้ศอกจะเอาวา กดหัว-บีบคอเจ้าของประเทศไม่มีสิ้นสุด
จนกว่าจะได้ใช้ความ "อภิวัฒน์" ควบคุมประเทศนี้ได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดแล้วจึงจะพอใจ.....
แล้วใครจะยอมบ้าง....???
"วรเจตน์"ยกประวัติศาสตร์เยอรมันสอน"ปธ.ศาลรธน."มั่ว อ้างฮิตเล่อร์หลอนคนไทย..อ้างพจนานุกรม,อ้างฉบับแปลแล้ว วันนี้อ้างนาซี
"วรเจตน์"ยกประวัติศาสตร์เยอรมันสอน "ปธ.ศาลรธน."มั่วอ้าง "ฮิตเล่อร์ หลอนคนไทย ชี้ผู้นำนาซีเกิดจากผลของการใช้อำนาจทางศาล เตือนศาล รธน.เดินหน้าตัดสินคดี เสี่ยงเกิดการปะทะระหว่างอำนาจ ประชาชนและกองทัพ
วันนี้ (1 พ.ค.)เวลา13.00 น. ที่โรงแรมเดอะสุโกศล บางกอก มูลนิธิคอนราด อเดนาวร์ ร่วมกับสถาบันศึกษาการพัฒนาประชาธิปไตยจัดงานเสวนาเรื่อง“เมื่อศาลรัฐธรรมนูญกระทำขัดรัฐธรรมนูญ : จะทำอย่างไร ?” โดยตอนหนึ่ง นายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และหนึ่งในสมาชิกกลุ่มนิติราษฎร์ ได้ยกคำพูดของนายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญที่อ้างถึงฮิตเลอร์มาจากการเลือกตั้งขึ้นสู่อำนาจโดยเจตจำนงประชาชนผ่านการลงประชามติในระบอบประชาธิปไตยนั้น เป็นคำอธิบายที่ไม่ถูกต้องและคลาดเคลื่อน ฮิตเล่อร์ไม่เคยชนะเลือกตั้งได้เสียงข้างมากในสภา แต่ได้รวบรวมพรรคการเมืองขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี ขณะนั้นฮิตเล่อร์ยังไม่มีอำนาจเบ็ดเสร็จ แต่เกิดขึ้นหลังจากนั่นโดยมีหลายปัจจัย รวมถึงบทบาทการใช้อำนาจทางศาล ไม่ว่าจะเป็นกรณีทำรัฐประหารต่อปรัสเซีย การบังคับใช้กฎหมายอาญาลงโทษย้อนหลังเป็นผลร้ายแก่บุคคลและการออกรัฐบัญญัติมอบอำนาจรัฐบาล ดังนั้นการมีอำนาจเบ็ดเสร็จของฮิตเล่อร์ ผลหนึ่งของกระบวนการทางศาล แต่ไม่เคยมีใครพูดถึง จึงเสนอให้มีการเชิญนักกฎหมาย นักวิชาการ โดยเฉพาะที่จบจากเยอรมันมาพูดกันให้ชัด ขณะที่เรื่องประชามติก็อ้างไม่ได้เพราะเป็นเกิดขึ้นหลังจากฮิตเล่อร์เผด็จการเบ็ดเสร็จแล้ว ไม่ใช่ประชามติภายใต้บรรยากาศประชาธิปไตย การทำประชามติรัฐธรรมนูญ 2550 ก็เช่นกัน ตนย้ำเสมอว่าไม่ใช่ประชามติแท้ เพราะเกิดจากบรรยากาศที่ประชาชนไม่มีทางเลือก หากไม่รับรัฐธรรมนูญปี50 ก็ไม่รู้ว่าจะได้ฉบับไหนมาใช้ จึงเป็นการอ้างที่คลาดเคลื่อน
นายวรเจตน์ กล่าวว่า มีพยายามเปรียบเทียบสถานการณ์การเมืองไทยกับการเมืองเยอรมันยุคฮิตเลอร์เพื่อจะลดทอนคุณค่าของประชาธิปไตยลง แต่มันเปรียบเทียบกันไม่ได้ เป็นการอ้างฮิตเล่อร์หลอกหลอนคนไทยทั้งที่บริบทคนละอย่าง ส่วนที่อ้างเยอรมันก็ตั้งศาลรัฐธรรมนูญขึ้นมาเป็นองค์กรกำกับควบคุมอำนาจของนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง มีอำนาจตรวจสอบรัฐบาลและกฎหมาย แต่การตรวจสอบของศาลรัฐธรรมนูญเยอรมันกระทำภายใต้กฎหมายรองรับอำนาจ และตรวจสอบเมื่อกฎหมายนั้นบังคับใช้แล้ว ไม่ใช่การเข้ามาดูก่อนเช่นนี้ อีกทั้งไม่ควรอ้างความชอบธรรม เปรียบเทียบกับเยอรมันให้เขาเสียหายเพราะที่มาศาลรัฐธรรมนูญเยอรมันไม่เหมือนกับของไทย ที่มาของเยอรมันเชื่อมโยงกับสภาผู้แทนราษฎรและสภาผู้แทนมลรัฐในสหพันธรัฐ แตกต่างกับไทยทีี่มาจากการรัฐประหาร
"ถ้าศาลรัฐธรรมนูญเดินหน้าตัดสินให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐสภาเป็นความผิดและสั่งยุบพรรคการเมือง โดยอ้างความศักดิ์สิทธิ์ของคำตัดสินศาล ขณะที่อีกฝ่ายก็ขออ้างสิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญ เพราะศาลรัฐธรรมนูญตัดสินมิชอบ ละเมิดรัฐธรรมนูญ เมื่อระบบถูกล็อคหมด วันนั้นจะเกิดการปะทะกันระหว่างอำนาจ ทั้งประชาชน กองทัพด้วย ผมไม่อยากเห็นสิ่งนั้น วันนี้คำตอบไม่ได้อยู่ในสายลม แต่อยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญ รัฐสภายอมถอยมาแล้วครั้งหนึ่งทั้งที่ไม่ควรถอย แต่ศาลบอกว่าแก้ทั้งฉบับไม่ได้ ให้แก้รายมาตรา เมื่อทำแล้วก็ยังไม่ให้ทำอีก คิดว่าคงพูดกันไม่รู้เรื่อง" นายวรเจตน์ กล่าวและว่าพร้อมกันนี้ยังย้ำถึงข้อเสนอของนิติราษฎร์ที่ให้ยุบศาลรัฐธรรมนูญเพื่อสังคายนาศาลรัฐธรรมนูญในอนาคต โดยเป็นข้อเสนอที่ปกป้องศาลรัฐธรรมนูญและตุลาการรัฐธรรมนูญทั้ง 9 คน
http://www.dailynews.co.th/politics/201386
????????????????????????????????????????
"........ฮิตเล่อร์ไม่เคยชนะเลือกตั้งได้เสียงข้างมากในสภา แต่ได้รวบรวมพรรคการเมืองขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี ......การใช้อำนาจทางศาล ไม่ว่าจะเป็นกรณีทำรัฐประหารต่อปรัสเซีย การบังคับใช้กฎหมายอาญาลงโทษย้อนหลังเป็นผลร้ายแก่บุคคล และการออกรัฐบัญญัติมอบอำนาจรัฐบาล ดังนั้นการมีอำนาจเบ็ดเสร็จของฮิตเล่อร์ ผลหนึ่งของกระบวนการทางศาล ......"
".........ประชามติรัฐธรรมนูญ 2550 ก็เช่นกัน ตนย้ำเสมอว่าไม่ใช่ประชามติแท้ เพราะเกิดจากบรรยากาศที่ประชาชนไม่มีทางเลือก หากไม่รับรัฐธรรมนูญปี50 ก็ไม่รู้ว่าจะได้ฉบับไหนมาใช้ ......"
"..........การตรวจสอบของศาลรัฐธรรมนูญเยอรมันกระทำภายใต้กฎหมายรองรับอำนาจ และตรวจสอบเมื่อกฎหมายนั้นบังคับใช้แล้ว ไม่ใช่การเข้ามาดูก่อนเช่นนี้ ........ที่มาศาลรัฐธรรมนูญเยอรมันไม่เหมือนกับของไทย ที่มาของเยอรมันเชื่อมโยงกับสภาผู้แทนราษฎรและสภาผู้แทนมลรัฐในสหพันธรัฐ แตกต่างกับไทยทีี่มาจากการรัฐประหาร......"
"....... แต่ศาลบอกว่าแก้ทั้งฉบับไม่ได้ ให้แก้รายมาตรา เมื่อทำแล้วก็ยังไม่ให้ทำอีก คิดว่าคงพูดกันไม่รู้เรื่อง........"
เห็นความหนา เห็นความด้านแล้วก็รู้ว่าเหลือจะเข็น
มาจากเผด็จการแต่งตั้งแท้ๆ
แต่ได้คืบจะเอาศอก ได้ศอกจะเอาวา กดหัว-บีบคอเจ้าของประเทศไม่มีสิ้นสุด
จนกว่าจะได้ใช้ความ "อภิวัฒน์" ควบคุมประเทศนี้ได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดแล้วจึงจะพอใจ.....
แล้วใครจะยอมบ้าง....???