.......................การแลกเปลี่ยนพันธุ์ยางระหว่างประเทศว่าด้วยข้อตกลงร่วมกับประเทศสมาชิกสภาวิจัยและพัฒนายางระหว่างประเทศ หรือไออาร์อาร์ดีบี (IRRDB) ไม่เพียงจะย่นระหว่างเวลาการวิจัยเท่านั้น แต่ยังช่วยประหยัดงบประมาณการวิจัยและทำให้ประเทศสมาชิกมีพันธุ์ยางชั้นดีที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น ทั้งยังเพื่อเป็นทางเลือกให้เกษตรกรชาวสวนยางในการแสวงหาพันธุ์ยางที่เหมาะสมกับพื้นที่เพื่อจะนำมาปลูกต่อไปด้วย
ดร.นภาวรรณ เลขะวิพัฒน์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยยางหนองคาย สถาบันวิจัยยาง กรมวิชาการเกษตร ในฐานะประธานคณะทำงานตัวแทนนักปรับปรุงพันธุ์ยางของประเทศสมาชิก IRRDB แถลงความคืบหน้าการแลกเปลี่ยนพันธุ์ยางชั้นดีระหว่างประเทศสมาชิกว่า จากกรณีที่สถาบันวิจัยยางได้มีข้อตกลงร่วมกับประเทศสมาชิกสภาวิจัยและพัฒนายางระหว่างประเทศ หรือไออาร์อาร์ดีบี (IRRDB) จำนวน 11 ประเทศจากทั้งหมด 16 ประเทศ ได้แก่ อินเดีย มาเลเซีย อินโดนีเซีย จีน เวียดนาม กัมพูชา พม่า โกตดิวัวร์ ฝรั่งเศส ศรีลังกา และไทยนั้น ขณะนี้ได้มีการร่วมมือกันแลกเปลี่ยนยางพันธุ์ดีเด่นที่ผ่านการวิจัยและพัฒนาพันธุ์ของแต่ละประเทศ ประเทศละ 3-5 สายพันธุ์ มีเป้าหมายรวม 52 สายพันธุ์ เพื่อวิเคราะห์และวิจัยความดีเด่นของพันธุ์ยางพารา รวมถึงสารพันธุกรรมของแต่ละสายพันธุ์ในพื้นที่ของประเทศสมาชิก
"ระหว่างวันที่ 5-7 พฤษภาคมนี้ คณะนักปรับปรุงพันธุ์ยางของประเทศสมาชิก IRRDB จะมีการประชุมหารือกันอีกครั้งที่รัฐเกดะห์ประเทศมาเลเซีย เพื่อต่อยอดผลจากการประชุมครั้งที่แล้วที่ จ.หนองคาย โดยมีแผนร่วมหารือเกี่ยวกับการขั้นตอนและแนวทางการแลกเปลี่ยนพันธุ์ยางให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น อาทิ จำนวนพันธุ์ยางที่จะแลกเปลี่ยนเพิ่มเติม วิธีการแลกเปลี่ยนและการวางแผนส่งมอบพันธุ์ยาง รวมถึงการวางแผนการทดลองและวิจัยให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน จากนั้นจะนำข้อสรุปที่ได้ไปเสนอต่อที่ประชุมบอร์ด IRRDB ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในเดือนมิถุนายน หากที่ประชุมบอร์ด IRRDB อนุมัติในหลักการก็สามารถเริ่มดำเนินการแลกเปลี่ยนยางพันธุ์ดีระหว่างประเทศสมาชิกได้ทันที"
ประธานคณะทำงานคนเดิมระบุอีกว่า เบื้องต้นคาดว่าพันธุ์ยางที่แลกเปลี่ยนกันนี้จะสามารถแนะนำเป็นยางพันธุ์ดีใช้ในประเทศไทยได้ไม่น้อยกว่า 45 สายพันธุ์ ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาการวิจัยในขั้นตอนพื้นฐานลงอย่างน้อย 15 ปี ช่วยประหยัดงบประมาณการวิจัยได้ถึง 720 ล้านบาท หรือคิดเป็น 60% หากสามารถแนะนำยางพันธุ์ดีที่ให้ผลผลิตสูงและเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของไทย ภายใน 3-5 ปีข้างหน้า คาดว่าจะช่วยเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรได้กว่า 5,000 ล้านบาทต่อปี ขณะเดียวกันนักวิชาการของไทยยังได้สารพันธุกรรมใหม่มาใช้ในการวิจัยและพัฒนาพันธุ์ยางของไทยซึ่งมีอยู่แล้วกว่า 2,000 สายพันธุ์ ให้มีคุณภาพและผลผลิตสูงขึ้นในอนาคต
ด้าน ดร.พิเชษฐ์ พร้อมมูล ผู้อำนวยการกลุ่มบริหารโครงการวิจัย สถาบันวิจัยยาง กล่าวเสริมว่าในส่วนของไทยได้เตรียมยางพันธุ์ดีไว้แลกเปลี่ยนกับประเทศสมาชิก 11 ประเทศ จำนวน 5 พันธุ์ เป็นพันธุ์ยางชั้น 1 จำนวน 3 พันธุ์ ได้แก่ ยางพันธุ์สถาบันวิจัยยาง 251 พันธุ์สถาบันวิจัยยาง 226 พันธุ์สถาบันวิจัยยาง 408 พันธุ์ยางชั้น 2 หนึ่งพันธุ์ คือ พันธุ์สถาบันวิจัยยาง 3604 และพันธุ์ยางชั้น 3 ได้แก่ พันธุ์สถาบันวิจัยยาง 3904 นอกจากนั้นยังมีแผนเชื่อมโยงงานวิจัยและพัฒนายางพารากับประเทศสมาชิก IRRDB อีกด้วย
"กว่าจะได้ยางพันธุ์ดีแต่ละสายพันธุ์ต้องใช้เวลาวิจัยนานถึง 30-40 ปี แต่พันธุ์ที่ใช้ในการแลกเปลี่ยนของแต่ละประเทศส่วนใหญ่เป็นพันธุ์ชั้นดีที่ผ่านการวิจัยรับรองพันธุ์จากประเทศนั้นๆ มาแล้ว อาจใช้เวลาแต่ 3-7 ปีเพื่อคัดเลือกพื้นที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของไทย หากปลูกแล้วเจริญเติบโตได้ดี ให้ผลผลิตน้ำยางสูง ก็นำมาบรรจุในพันธุ์ยางชั้น 3สามารถนำไปส่งเสริมเกษตรกรปลูกได้เลย" ดร.พิเชษฐ์ กล่าวทิ้งท้าย
การแลกเปลี่ยนพันธุ์ยางระหว่างประเทศนับเป็นอีกก้าวหนึ่งของการพัฒนาพันธุ์ยาง ซึ่งช่วยลดระยะเวลาและขั้นตอนการปรับปรุงพันธุ์ยางได้ ทั้งยังเกิดความร่วมมือในการพัฒนาพันธุ์ยางระหว่างประเทศผู้ผลิตยางเพื่อคัดเลือกพันธุ์ยางที่ให้ผลผลิตน้ำยางสูงและสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมของไทยได้อย่างเหมาะสม ก่อนแนะนำให้เกษตรกรปลูกต่อไป
ที่มา
http://www.komchadluek.net/detail/20130502/157402/%E0%B8%AD%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%B8%E0%B9%8C%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B9%84%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%9A%E0%B8%B5.html#.UYFd6kqOWjw
อีกก้าวแลกยางพันธุ์ดี'ไออาร์อาร์ดีบี'ประหยัดงบประมาณ-ย่นระยะการวิจัย
ดร.นภาวรรณ เลขะวิพัฒน์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยยางหนองคาย สถาบันวิจัยยาง กรมวิชาการเกษตร ในฐานะประธานคณะทำงานตัวแทนนักปรับปรุงพันธุ์ยางของประเทศสมาชิก IRRDB แถลงความคืบหน้าการแลกเปลี่ยนพันธุ์ยางชั้นดีระหว่างประเทศสมาชิกว่า จากกรณีที่สถาบันวิจัยยางได้มีข้อตกลงร่วมกับประเทศสมาชิกสภาวิจัยและพัฒนายางระหว่างประเทศ หรือไออาร์อาร์ดีบี (IRRDB) จำนวน 11 ประเทศจากทั้งหมด 16 ประเทศ ได้แก่ อินเดีย มาเลเซีย อินโดนีเซีย จีน เวียดนาม กัมพูชา พม่า โกตดิวัวร์ ฝรั่งเศส ศรีลังกา และไทยนั้น ขณะนี้ได้มีการร่วมมือกันแลกเปลี่ยนยางพันธุ์ดีเด่นที่ผ่านการวิจัยและพัฒนาพันธุ์ของแต่ละประเทศ ประเทศละ 3-5 สายพันธุ์ มีเป้าหมายรวม 52 สายพันธุ์ เพื่อวิเคราะห์และวิจัยความดีเด่นของพันธุ์ยางพารา รวมถึงสารพันธุกรรมของแต่ละสายพันธุ์ในพื้นที่ของประเทศสมาชิก
"ระหว่างวันที่ 5-7 พฤษภาคมนี้ คณะนักปรับปรุงพันธุ์ยางของประเทศสมาชิก IRRDB จะมีการประชุมหารือกันอีกครั้งที่รัฐเกดะห์ประเทศมาเลเซีย เพื่อต่อยอดผลจากการประชุมครั้งที่แล้วที่ จ.หนองคาย โดยมีแผนร่วมหารือเกี่ยวกับการขั้นตอนและแนวทางการแลกเปลี่ยนพันธุ์ยางให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น อาทิ จำนวนพันธุ์ยางที่จะแลกเปลี่ยนเพิ่มเติม วิธีการแลกเปลี่ยนและการวางแผนส่งมอบพันธุ์ยาง รวมถึงการวางแผนการทดลองและวิจัยให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน จากนั้นจะนำข้อสรุปที่ได้ไปเสนอต่อที่ประชุมบอร์ด IRRDB ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในเดือนมิถุนายน หากที่ประชุมบอร์ด IRRDB อนุมัติในหลักการก็สามารถเริ่มดำเนินการแลกเปลี่ยนยางพันธุ์ดีระหว่างประเทศสมาชิกได้ทันที"
ประธานคณะทำงานคนเดิมระบุอีกว่า เบื้องต้นคาดว่าพันธุ์ยางที่แลกเปลี่ยนกันนี้จะสามารถแนะนำเป็นยางพันธุ์ดีใช้ในประเทศไทยได้ไม่น้อยกว่า 45 สายพันธุ์ ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาการวิจัยในขั้นตอนพื้นฐานลงอย่างน้อย 15 ปี ช่วยประหยัดงบประมาณการวิจัยได้ถึง 720 ล้านบาท หรือคิดเป็น 60% หากสามารถแนะนำยางพันธุ์ดีที่ให้ผลผลิตสูงและเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของไทย ภายใน 3-5 ปีข้างหน้า คาดว่าจะช่วยเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรได้กว่า 5,000 ล้านบาทต่อปี ขณะเดียวกันนักวิชาการของไทยยังได้สารพันธุกรรมใหม่มาใช้ในการวิจัยและพัฒนาพันธุ์ยางของไทยซึ่งมีอยู่แล้วกว่า 2,000 สายพันธุ์ ให้มีคุณภาพและผลผลิตสูงขึ้นในอนาคต
ด้าน ดร.พิเชษฐ์ พร้อมมูล ผู้อำนวยการกลุ่มบริหารโครงการวิจัย สถาบันวิจัยยาง กล่าวเสริมว่าในส่วนของไทยได้เตรียมยางพันธุ์ดีไว้แลกเปลี่ยนกับประเทศสมาชิก 11 ประเทศ จำนวน 5 พันธุ์ เป็นพันธุ์ยางชั้น 1 จำนวน 3 พันธุ์ ได้แก่ ยางพันธุ์สถาบันวิจัยยาง 251 พันธุ์สถาบันวิจัยยาง 226 พันธุ์สถาบันวิจัยยาง 408 พันธุ์ยางชั้น 2 หนึ่งพันธุ์ คือ พันธุ์สถาบันวิจัยยาง 3604 และพันธุ์ยางชั้น 3 ได้แก่ พันธุ์สถาบันวิจัยยาง 3904 นอกจากนั้นยังมีแผนเชื่อมโยงงานวิจัยและพัฒนายางพารากับประเทศสมาชิก IRRDB อีกด้วย
"กว่าจะได้ยางพันธุ์ดีแต่ละสายพันธุ์ต้องใช้เวลาวิจัยนานถึง 30-40 ปี แต่พันธุ์ที่ใช้ในการแลกเปลี่ยนของแต่ละประเทศส่วนใหญ่เป็นพันธุ์ชั้นดีที่ผ่านการวิจัยรับรองพันธุ์จากประเทศนั้นๆ มาแล้ว อาจใช้เวลาแต่ 3-7 ปีเพื่อคัดเลือกพื้นที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของไทย หากปลูกแล้วเจริญเติบโตได้ดี ให้ผลผลิตน้ำยางสูง ก็นำมาบรรจุในพันธุ์ยางชั้น 3สามารถนำไปส่งเสริมเกษตรกรปลูกได้เลย" ดร.พิเชษฐ์ กล่าวทิ้งท้าย
การแลกเปลี่ยนพันธุ์ยางระหว่างประเทศนับเป็นอีกก้าวหนึ่งของการพัฒนาพันธุ์ยาง ซึ่งช่วยลดระยะเวลาและขั้นตอนการปรับปรุงพันธุ์ยางได้ ทั้งยังเกิดความร่วมมือในการพัฒนาพันธุ์ยางระหว่างประเทศผู้ผลิตยางเพื่อคัดเลือกพันธุ์ยางที่ให้ผลผลิตน้ำยางสูงและสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมของไทยได้อย่างเหมาะสม ก่อนแนะนำให้เกษตรกรปลูกต่อไป
ที่มา http://www.komchadluek.net/detail/20130502/157402/%E0%B8%AD%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%B8%E0%B9%8C%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B9%84%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%9A%E0%B8%B5.html#.UYFd6kqOWjw