ขอเกริ่นนำนิดนะครับ เรื่องนี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง แต่เนื่องจากข้อพิพาทยังไม่สิ้นสุด จึงขอใช้ชื่อบุคคลต่างๆ เป็นนามสมมตินะครับ
นาย ก. เป็นเจ้าของรถยนต์คันหนึ่ง ทำประกันชั้น 1 จดทะเบียนส่วนบุคคล (รหัส 110)ไว้กับบริษัทแห่งหนึ่ง ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป ต่อมา ได้มีญาติของนาย ก. ได้ไหว้วานให้ไปรับคนงานต่างด้าว(ถูกกฏหาย)จำนวน 2 คน จากอ่อนนุช ไปส่งที่ จ.ประจวบฯ นาย ก. จึงให้นาย ข. ซึ่งเป็นลูกชาย เป็นผู้ดำเนินการแทน แต่ นาย ข. ในวันเกิดเหตุ ได้ติดธุระอื่น นาย ข. จึงไหว้วานให้ นาย ค. ซึ่งเป็นน้าชาย เป็นผู้ขับรถคันดังกล่าวแทน โดยนาย ข. ได้ให้เงินค่าน้ำมันติดตัวกับ นาย ค. เป็นจำนวนเงิน 1,000 บาท ขณะนาย ค. ขับรถคันดังกล่าว ไปถึงบริเวณ อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี ได้เกิดอุบัติเหตุ หักหลบรถอื่น แล้วเสียหลักพลิกคว่ำ ทำให้รถได้รับความเสียหายสิ้นเชิง (ประเมินค่าเสียหายหลังเกิดเหตุ ประมาณ 400,000 บาท) ส่วนตัวนาย ค.
และผู้โดยสารอีก 2 คน ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย จากนั้นจึงได้โทรเรียกประกันมาดำเนินการ
เรื่องถึง สภอ.เขาย้อย ทางตำรวจ ได้ทำการสอบสวน พบว่าคนเจ็บได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย จึงได้ลงบันทึกประจำวันไว้ในเบื้องต้น โดยที่ยังไม่ได้สรุปผลคดี ส่วนพนักงานบริษัทประกันภัย ได้แจ้งปฎิเสธความรับผิดชอบต่อตัวรถ โดยแจ้งว่า นาย ค. ใช้รถไปในทางผิดกฏหมาย(ขนแรงงานต่างด้าว) จบเรื่องเบื้องต้นในวันนั้น โดยที่ นาย ก. นาย ข. และนาย ค. ได้รับทราบจากประกันไม่จ่ายในเบื้องต้น ซึ่งไม่มีความรู้ในเรื่องดังกล่าว ได้อยู่ในสภาวะรับสภาพ (แต่ยังไม่ได้เซ็นยินยอมใดๆ)
ต่อมา ทางตำรวจได้ทำการตรวจสอบ พบว่าแรงงานดังกล่าว มีใบอนุญาตถูกต้อง มีนายจ้างมารับตัวกลับไป จึงทำสำนวนส่งฟ้อง นาย ค. ในข้อหา ขับรถประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ เรื่องถึงศาล จ.เพชรบุรี จนในท้ายทีสุด มีการพิจารณาลงโทษปรับ และรอลงอาญา ในข้อหาขับรถประมาท และทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ อย่างเดียว สรุปคดีความเป็นอันยุติ
ต่อมา หลังจากศาลตัดสินแล้วประมาณ 1 เดือน ได้มีเจ้าหน้าที่ประกันภัย ได้เดินทางมาพบ นาย ข. และ นาย ค. ที่บ้าน (ส่วนาย ก. ไม่อยู่) ได้มาขอทำบันทึกในลักษณะที่ว่า นาย ข.ได้รับเงินค่าจ้างจาก ญาติ นาย ก. เป็นค่ารถขนแรงงานจำนวน 3,500 บาท และนาย ข. ได้ว่าจ้างนาย ค. ให้ขับรถแทน เป็นจำนวนเงิน 1,000 บาท และได้บันทึกถ้อยคำนาย ค. ในลักษณะเดียวกัน โดยทางพนักงานประกันแจ้งว่า ให้เขียนบันทึกตามนี้ แล้วทางบริษัทจะช่วยเหลือค่าซ่อมรถให้ แล้วจึงเดินทางกลับไป แล้วเมื่อนาย ก. มาทราบทีหลัง จึงไม่พอใจ และได้ต่อว่านาย ข. ว่าการขนคนงานให้ญาตินั้น นาย ก. ไม่ได้รับค่าจ้าง แต่เป็นการไหว้วาน เนื่องจากนาย ก. และญาติที่ไหว้วานนั้น เคยมีบุญคุณกันมาก่อน และเริ่มรู้สึกแปลกๆ ว่าหากประกันไม่รับผิดชอบ ทำไมต้องมาบันทึกถ้อยคำเพิ่มเติมด้วย
***หมายเหตุ ในส่วนย่อหน้านี้ เป็นคำบอกเล่าของฝ่ายผู้เสียหายเท่านั้น
ต่อมา เมื่อทางฝ่ายผู้เสียหาย ได้นำเรื่องทั้งหมดมาปรึกษา จขกท. และ จขกท. ได้พิจารณาแล้ว ได้รวบรวมเอกสารทั้งหมด เข้าร้องเรียนต่อ
คปภ.เขตแห่งหนึ่ง(ยังไ่ม่ขอระบุชื่อ) เพื่อให้พิจารณาในข้อร้องเรียนดังกล่าว ในส่วนจำนวนเงินที่เรียกร้อง ยังไม่ขอกล่าวถึงนะครับ เนื่องจากอยากทราบว่า ในกรณีดังกล่าว ทางประกันภัยต้องรับผิดชอบหรือไม่
หลังจากยื่นเรื่องต่อ คปภ. จขกท. ขอสรุปในประเด็นที่บริษัทปฏิเสธดังนี้นะครับ
1.ทางประกันภัยแจ้งว่า รถคันดังกล่าว ใช้รถไปทางรับจ้าง ซึ่งในหน้าตารางกรมธรรม์ระบุไว้ว่า "รถส่วนบุคคล ไม่ใช้นำไปรับจ้าง หรือให้เช่า"
โดยนำเอกสารที่ไปบันทึกนาย ข. และ นาย ค. มายืนยันในส่วนนี้ ทางบริษัท จึงขอปฎิเสธไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายของตัวรถ
ในส่วน จขกท.และฝ่ายผู้เสียหาย ได้โต้แย้งในประเด็นดังนี้
1.การใช้รถขณะเกิดเหตุ เป็นลักษณะการไหว้วาน ในหมู่เครือญาติ และเงินที่ นาย ข. ให้นาย ค. เป็นค่าน้ำมัน หรือสินน้ำใจเท่านั้น และไม่มีสัญญาว่าจ้าง เป็นลายลักษณ์อักษร เป็นการไหว้วานตัวบุคคล และรถที่เกิดอุบัติเหตุ เป็นรถเก๋งโตโยต้า อัลติส หากจะรับจ้างขนคนงานจริง คงจะใช้รถที่สามารถบรรทุกคนได้มากกว่านี้ และขนคนจำนวนมากกว่านี้ ทำให้ไม่น่าจะเข้าข่ายในการใช้รถผิดประเภท
2.ทางผู้เสียหาย ได้ขอให้ คปภ. ตีความ ของคำว่า รถส่วนบุคคล ไม่ใช้รับจ้างหรือให้เช่า ว่ากรณีนี้ จะเข้าข่ายรับจ้างหรือไม่ หรือกรณีใด ถึงจะเข้าข่ายใช้รถผิดประเภท เช่น เซลล์ที่ใช้รถส่วนตัว ได้รับการว่าจ้างจากบริษัท ให้ไปเจรจาลูกค้า หรือนำสินค้าไปส่งให้ลูกค้า หากเกิดเหตุ ก็จะต้องเข้าข่ายใช้รถรับจ้างหรือไม่ เพื่อเป็นกรณีตัวอย่าง ในการนำไปใช้ตีความเงื่อนไขกรมธรรม์ในอนาคต
สรุปข้อมูลล่าสุด ทาง คปภ. แจ้งว่า ไม่สามารถให้ความเห็นในกรณีดังกล่าวได้ และแจ้งให้ผู้เสียหาย นำเรื่องเข้าสู่ขั้นตอนของ อนุญาโตตุลาการ ให้เป็นผู้ชี้ขาดต่อไป
จากเนื้องความทั้งหมด อยากให้เพื่อนๆพี่ๆ ให้ความเห็นหน่อยครับ ว่าในกรณีนี้ ทา่งประกัน สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบได้หรือไม่ อย่างไร
ขอบคุณครับ ***หมายเหตุ รถเกิดเหตุวันที่ 25 มีนาคม 2555 ปัจจุบันทางผู้เสียหายมีค่าใช้จ่ายที่ต้องรอชำระหลายอย่าง เช่น ค่าจอดรถที่อู่ ประมาณ 15,000 บาท
ขอปรึกษาเกี่ยวกับประกันภัยรถยนต์ครับ
นาย ก. เป็นเจ้าของรถยนต์คันหนึ่ง ทำประกันชั้น 1 จดทะเบียนส่วนบุคคล (รหัส 110)ไว้กับบริษัทแห่งหนึ่ง ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป ต่อมา ได้มีญาติของนาย ก. ได้ไหว้วานให้ไปรับคนงานต่างด้าว(ถูกกฏหาย)จำนวน 2 คน จากอ่อนนุช ไปส่งที่ จ.ประจวบฯ นาย ก. จึงให้นาย ข. ซึ่งเป็นลูกชาย เป็นผู้ดำเนินการแทน แต่ นาย ข. ในวันเกิดเหตุ ได้ติดธุระอื่น นาย ข. จึงไหว้วานให้ นาย ค. ซึ่งเป็นน้าชาย เป็นผู้ขับรถคันดังกล่าวแทน โดยนาย ข. ได้ให้เงินค่าน้ำมันติดตัวกับ นาย ค. เป็นจำนวนเงิน 1,000 บาท ขณะนาย ค. ขับรถคันดังกล่าว ไปถึงบริเวณ อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี ได้เกิดอุบัติเหตุ หักหลบรถอื่น แล้วเสียหลักพลิกคว่ำ ทำให้รถได้รับความเสียหายสิ้นเชิง (ประเมินค่าเสียหายหลังเกิดเหตุ ประมาณ 400,000 บาท) ส่วนตัวนาย ค.
และผู้โดยสารอีก 2 คน ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย จากนั้นจึงได้โทรเรียกประกันมาดำเนินการ
เรื่องถึง สภอ.เขาย้อย ทางตำรวจ ได้ทำการสอบสวน พบว่าคนเจ็บได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย จึงได้ลงบันทึกประจำวันไว้ในเบื้องต้น โดยที่ยังไม่ได้สรุปผลคดี ส่วนพนักงานบริษัทประกันภัย ได้แจ้งปฎิเสธความรับผิดชอบต่อตัวรถ โดยแจ้งว่า นาย ค. ใช้รถไปในทางผิดกฏหมาย(ขนแรงงานต่างด้าว) จบเรื่องเบื้องต้นในวันนั้น โดยที่ นาย ก. นาย ข. และนาย ค. ได้รับทราบจากประกันไม่จ่ายในเบื้องต้น ซึ่งไม่มีความรู้ในเรื่องดังกล่าว ได้อยู่ในสภาวะรับสภาพ (แต่ยังไม่ได้เซ็นยินยอมใดๆ)
ต่อมา ทางตำรวจได้ทำการตรวจสอบ พบว่าแรงงานดังกล่าว มีใบอนุญาตถูกต้อง มีนายจ้างมารับตัวกลับไป จึงทำสำนวนส่งฟ้อง นาย ค. ในข้อหา ขับรถประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ เรื่องถึงศาล จ.เพชรบุรี จนในท้ายทีสุด มีการพิจารณาลงโทษปรับ และรอลงอาญา ในข้อหาขับรถประมาท และทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ อย่างเดียว สรุปคดีความเป็นอันยุติ
ต่อมา หลังจากศาลตัดสินแล้วประมาณ 1 เดือน ได้มีเจ้าหน้าที่ประกันภัย ได้เดินทางมาพบ นาย ข. และ นาย ค. ที่บ้าน (ส่วนาย ก. ไม่อยู่) ได้มาขอทำบันทึกในลักษณะที่ว่า นาย ข.ได้รับเงินค่าจ้างจาก ญาติ นาย ก. เป็นค่ารถขนแรงงานจำนวน 3,500 บาท และนาย ข. ได้ว่าจ้างนาย ค. ให้ขับรถแทน เป็นจำนวนเงิน 1,000 บาท และได้บันทึกถ้อยคำนาย ค. ในลักษณะเดียวกัน โดยทางพนักงานประกันแจ้งว่า ให้เขียนบันทึกตามนี้ แล้วทางบริษัทจะช่วยเหลือค่าซ่อมรถให้ แล้วจึงเดินทางกลับไป แล้วเมื่อนาย ก. มาทราบทีหลัง จึงไม่พอใจ และได้ต่อว่านาย ข. ว่าการขนคนงานให้ญาตินั้น นาย ก. ไม่ได้รับค่าจ้าง แต่เป็นการไหว้วาน เนื่องจากนาย ก. และญาติที่ไหว้วานนั้น เคยมีบุญคุณกันมาก่อน และเริ่มรู้สึกแปลกๆ ว่าหากประกันไม่รับผิดชอบ ทำไมต้องมาบันทึกถ้อยคำเพิ่มเติมด้วย
***หมายเหตุ ในส่วนย่อหน้านี้ เป็นคำบอกเล่าของฝ่ายผู้เสียหายเท่านั้น
ต่อมา เมื่อทางฝ่ายผู้เสียหาย ได้นำเรื่องทั้งหมดมาปรึกษา จขกท. และ จขกท. ได้พิจารณาแล้ว ได้รวบรวมเอกสารทั้งหมด เข้าร้องเรียนต่อ
คปภ.เขตแห่งหนึ่ง(ยังไ่ม่ขอระบุชื่อ) เพื่อให้พิจารณาในข้อร้องเรียนดังกล่าว ในส่วนจำนวนเงินที่เรียกร้อง ยังไม่ขอกล่าวถึงนะครับ เนื่องจากอยากทราบว่า ในกรณีดังกล่าว ทางประกันภัยต้องรับผิดชอบหรือไม่
หลังจากยื่นเรื่องต่อ คปภ. จขกท. ขอสรุปในประเด็นที่บริษัทปฏิเสธดังนี้นะครับ
1.ทางประกันภัยแจ้งว่า รถคันดังกล่าว ใช้รถไปทางรับจ้าง ซึ่งในหน้าตารางกรมธรรม์ระบุไว้ว่า "รถส่วนบุคคล ไม่ใช้นำไปรับจ้าง หรือให้เช่า"
โดยนำเอกสารที่ไปบันทึกนาย ข. และ นาย ค. มายืนยันในส่วนนี้ ทางบริษัท จึงขอปฎิเสธไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายของตัวรถ
ในส่วน จขกท.และฝ่ายผู้เสียหาย ได้โต้แย้งในประเด็นดังนี้
1.การใช้รถขณะเกิดเหตุ เป็นลักษณะการไหว้วาน ในหมู่เครือญาติ และเงินที่ นาย ข. ให้นาย ค. เป็นค่าน้ำมัน หรือสินน้ำใจเท่านั้น และไม่มีสัญญาว่าจ้าง เป็นลายลักษณ์อักษร เป็นการไหว้วานตัวบุคคล และรถที่เกิดอุบัติเหตุ เป็นรถเก๋งโตโยต้า อัลติส หากจะรับจ้างขนคนงานจริง คงจะใช้รถที่สามารถบรรทุกคนได้มากกว่านี้ และขนคนจำนวนมากกว่านี้ ทำให้ไม่น่าจะเข้าข่ายในการใช้รถผิดประเภท
2.ทางผู้เสียหาย ได้ขอให้ คปภ. ตีความ ของคำว่า รถส่วนบุคคล ไม่ใช้รับจ้างหรือให้เช่า ว่ากรณีนี้ จะเข้าข่ายรับจ้างหรือไม่ หรือกรณีใด ถึงจะเข้าข่ายใช้รถผิดประเภท เช่น เซลล์ที่ใช้รถส่วนตัว ได้รับการว่าจ้างจากบริษัท ให้ไปเจรจาลูกค้า หรือนำสินค้าไปส่งให้ลูกค้า หากเกิดเหตุ ก็จะต้องเข้าข่ายใช้รถรับจ้างหรือไม่ เพื่อเป็นกรณีตัวอย่าง ในการนำไปใช้ตีความเงื่อนไขกรมธรรม์ในอนาคต
สรุปข้อมูลล่าสุด ทาง คปภ. แจ้งว่า ไม่สามารถให้ความเห็นในกรณีดังกล่าวได้ และแจ้งให้ผู้เสียหาย นำเรื่องเข้าสู่ขั้นตอนของ อนุญาโตตุลาการ ให้เป็นผู้ชี้ขาดต่อไป
จากเนื้องความทั้งหมด อยากให้เพื่อนๆพี่ๆ ให้ความเห็นหน่อยครับ ว่าในกรณีนี้ ทา่งประกัน สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบได้หรือไม่ อย่างไร
ขอบคุณครับ ***หมายเหตุ รถเกิดเหตุวันที่ 25 มีนาคม 2555 ปัจจุบันทางผู้เสียหายมีค่าใช้จ่ายที่ต้องรอชำระหลายอย่าง เช่น ค่าจอดรถที่อู่ ประมาณ 15,000 บาท