คปภ. ไม่นิ่งเฉย สั่งเพิกถอนใบอนุญาต ตัวแทนประกันชีวิต ฉ้อโกงเบี้ยประกันกว่า 100 ล้านบาท โยงสแกมเมอร์ เบื้องต้นตรวจพบผู้เสียหาย 12 ราย
วันที่ 11 ธันวาคม 2568 มีรายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) ชี้แจงกรณีที่ปรากฏข่าวตามสื่อสังคมออนไลน์ว่ามีตัวแทนประกันชีวิตระดับ TOP ของบริษัท TH กลายเป็น Scammer หลอกเงินค่าเบี้ยประกันภัยกว่า 100 ล้านบาท บริษัทฯ ปัดรับผิดชอบ คปภ. นิ่ง นั้น
สำนักงาน คปภ. ได้มีการดำเนินการสอบสวนเรื่องดังกล่าวไว้ก่อนที่จะปรากฏตามสื่อสังคมออนไลน์ โดยสำนักงาน คปภ. ได้มีทีมป้องกันและปราบปรามการฉ้อฉลประกันภัย ได้ตรวจพบการกระทำการฉ้อฉลประกันภัยรายนางสาวจันเกตุ ตัวแทนประกันชีวิตของบริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) (บริษัทฯ) ที่กระทำการหลอกลวงผู้เอาประกันภัยให้ชำระเงินค่าเบี้ยประกันภัยล่วงหน้าให้กับ นางสาวจันเกตุ โดยมีการหลอกลวงว่าจะให้ส่วนลดเงินค่าเบี้ยประกันภัยจำนวน 15% ของเงินเบี้ยประกันภัย หรือให้ทองคำเป็นการตอบแทนในการทำสัญญาประกันภัย
เมื่อผู้เอาประกันภัย (เบื้องต้นตรวจพบผู้เสียหาย 12 ราย) หลงเชื่อและชำระเงินค่าเบี้ยประกันภัยให้กับนางสาวจันเกตุ นางสาวจันเกตุ ก็มิได้นำส่งเงินค่าเบี้ยประกันภัยให้กับบริษัทฯ แต่อย่างใด และได้มีหนังสือเรียกให้นางสาวจันเกตุ มาชี้แจงข้อเท็จจริงและชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ต่อสำนักงาน คปภ. แล้ว
ซึ่งสำนักงาน คปภ. ได้รวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่ปรากฏในการสอบสวนโดยพิจารณาแล้วเห็นว่า นางสาวจันเกตุ มีเจตนาทุจริตหลอกลวงผู้เอาประกันภัยจริง เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ผู้เอาประกันภัย ผู้รับประโยชน์ตามกรมธรรม์ประกันภัย หรือประชาชน อีกทั้ง นางสาวจันเกตุ มิได้ดำเนินการชี้แจงข้อเท็จจริงและชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ถือได้ว่าเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 80 แห่งพระราชบัญญัติประกันชีวิต พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติมอีกกรณีหนึ่งด้วย
...
การกระทำของนางสาวจันเกตุ จึงเป็นความผิดตามมาตรา 81/1 (1) และ (6) แห่งพระราชบัญญัติประกันชีวิต พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม นายทะเบียนจึงมีคำสั่งที่ 75/2568 ลงวันที่ 10 ธันวาคม 2568 เพิกถอนใบอนุญาตเป็นตัวแทนประกันชีวิตของนางสาวจันเกตุ แล้ว
สำนักงาน คปภ. ขอเรียนว่า การกระทำดังกล่าวของนางสาวจันเกตุ ถือได้ว่ามีเจตนาทุจริตหลอกลวงผู้เอาประกันภัยให้ชำระค่าเบี้ยประกันภัยเพื่อรักษาสถานะสัญญาประกันชีวิต แต่ไม่ดำเนินการส่งเงินค่าเบี้ยประกันภัยให้บริษัทฯ เมื่อการหลอกลวงดังกล่าวของนางสาวจันเกตุ ทำให้ได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้เอาประกันภัย
สำนักงาน คปภ. ตระหนักถึงความร้ายแรงของเหตุการณ์ดังกล่าว เนื่องจากพฤติกรรมการทุจริตหลอกลวงที่เข้าข่าย “ฉ้อฉลประกันภัย” ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและศรัทธาของสาธารณชนต่อภาพรวมของธุรกิจประกันภัย นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการ จึงได้สั่งการให้พนักงานเจ้าหน้าที่ กลุ่มงานคดี ดำเนินการรวบรวมข้อเท็จจริงพร้อมทั้งพยานหลักฐานเข้าให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) เพื่อดำเนินคดีกับนางสาวจันเกตุ ในฐานความผิดฉ้อฉลประกันภัยตามมาตรา 114/3 แห่งพระราชบัญญัติประกันชีวิต พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติประกันชีวิต (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2562 ตั้งแต่วันที่ 27 พฤศจิกายน 2568 ขณะนี้อยู่ระหว่างพนักงานสอบสวนออกหมายเรียกนางสาวจันเกตุ มาให้ปากคำ
สำหรับความคืบหน้าในคดี สำนักงาน คปภ. จะรายงานให้ทราบต่อไป สำหรับการกำกับดูแลบริษัทประกันภัย นายอดิศร พิพัฒน์วรพงศ์ รองเลขาธิการ ด้านกฎหมายและตรวจสอบ ได้เชิญบริษัทฯ มาพบตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายน 2568 และได้สั่งการให้บริษัทฯ ตรวจสอบข้อมูลและประเมินผลกระทบที่เกิดขึ้นอย่างเร่งด่วน พร้อมทั้งให้ประเมินหาสาเหตุและความบกพร่องของระบบการควบคุมภายใน รวมถึงเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยไม่ให้กระทบสิทธิผู้เอาประกันภัย ทั้งนี้ บริษัทฯ จะต้องรับผิดชอบต่อผู้เอาประกันภัยจากการกระทำของตัวแทนประกันชีวิตในสังกัด นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้บริษัทฯ กำหนดแนวทางการป้องกันเพื่อมิให้เกิดเหตุในลักษณะดังกล่าวขึ้นอีก โดยให้รายงานให้สำนักงาน คปภ. ได้รับทราบ
ทั้งนี้ สำนักงาน คปภ. อยู่ระหว่างเร่งดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยละเอียด และหากพบการกระทำที่เข้าข่ายฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายหรือคำสั่งของนายทะเบียน เพิ่มเติมจะได้พิจารณาดำเนินการตามมาตรการทางกฎหมายกับผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดต่อไป และจะไม่นิ่งเฉยให้ผู้กระทำการฉ้อฉลประกันภัย กระทำความเสียหายแก่ผู้เอาประกันภัยและประชาชน โดยจะดำเนินการทางกฎหมายอย่างถึงที่สุด
สำหรับการชำระเงินค่าเบี้ยประกันภัยนั้น สำนักงาน คปภ. ได้ออกนโยบายซึ่งเป็นมาตรการจัดการปัญหาเชิงรุกเพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงจากพฤติกรรมทุจริต โดยกำหนดหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้
(1) บริษัทประกันภัยต้องกำหนดนโยบายให้การรับชำระค่าเบี้ยประกันภัยโอนเข้าบัญชีของบริษัท โดยตรงเท่านั้น พร้อมจัดทำคู่มือปฏิบัติงานเกี่ยวกับการรับชำระค่าเบี้ยประกันภัยและระบบตรวจสอบการรับชำระจากผู้เอาประกันภัย
(2) ในกรณีชำระเป็นเงินสดผ่านตัวแทนประกันภัย บริษัทต้องกำหนดแนวปฏิบัติให้ตัวแทนประกันภัยแจ้งผ่านระบบให้บริษัทรับรู้ว่ามีการรับเงินค่าเบี้ยประกันภัยและโอนเงินเข้าบัญชีของบริษัทภายในวันทำการถัดไป และห้ามมิให้นายหน้าประกันภัยบุคคลธรรมดารับชำระค่าเบี้ยเป็นเงินสดโดยตรง หากฝ่าฝืน บริษัทต้องยกเลิกสัญญาและส่งข้อมูลให้สำนักงาน คปภ. บันทึกในระบบฐานข้อมูลเกี่ยวกับการฉ้อฉลประกันภัย
ทั้งนี้ หากผู้เอาประกันภัยหรือประชาชนพบปัญหาจากการประกันภัยสามารถติดต่อสอบถามที่สำนักงาน คปภ. หรือ สายด่วน คปภ. 1186
https://www.thairath.co.th/news/society/2901104
คปภ. สั่งเพิกถอนใบอนุญาต ตัวแทนประกันชีวิต ฉ้อโกงเบี้ยประกันกว่า 100 ล้าน โยงสแกมเมอร์