นิยายแฟนตาซี ไลท์แอนสกาย ปฐมบท ตอนที่ 1 ไลท์

ตอน 1 ไลท์

ณ โลกสีฟ้าเขียวขจีใบหนึ่ง ซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์ยิ่ง ผืนป่าเต็มไปด้วยพันธุ์ไม้และฝูงสัตว์ อีกทั้งท้องทะเลสีครามก็ยังอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพันธุ์ปลานานาชนิด ฝูกนกนางแอ่นบินโฉบเฉี่ยวไปมาบนท้องฟ้าที่สดใส หาดทรายสีขาวสะอาดไม่มีขยะแม้แต่เพียงชิ้นเดียว แม้ตามหัวเมืองใหญ่ ๆ ก็ไม่มีมลพิษ ไม่มีควันจากรถยนต์ ท่านผู้อ่านคงจะสงสัยแล้วคนบนโลกนี้เค้าเดินทางกันด้วยวิธีไหนกัน ใช้จักรยานรึ หรือใช้เกวียน เอาเป็นว่านิยายเรื่องนี้คงไม่ย้อนยุคขนาดนั้น การเดินทางของคนในโลกนี้มีอยู่หลายวิธีด้วยกันแต่เป็นการเดินทางด้วยภาหนะที่ใช้พลังงานสะอาด ใช่แล้ว นั่นคือพลังงานจากเวทย์มนต์ แล้วนั่นก็ทำให้โลกนี้เป็นโลกที่น่าอยู่มากทีเดียว ในโลกที่น่าอยู่ใบนี้ เป็นโลกของเวทย์มนต์ ไม่ว่าจะคน สัตว์ หรือแม้กระทั่งสิ่งของ ก็ล้วนแล้วแต่มีพลังเวทย์มนต์อยู่ภายในได้ทั้งนั้น

เด็กหนุ่ม ผมสีดำ นัยตาสีฟ้า รูปร่างสูงสง่างามคนหนึ่ง ซึ่งมาพร้อมกับความมุ่งมั่น มีนามว่า -"ไลท์ สกาย" ซึ่งเป็นความหวังของชาวเมืองในยุคแห่งความมืด เด็กหนุ่มพร้อมดาบคู่ใจในมือขวา ส่วนมือซ้ายมีปลอกแขน ยาวตั้งแต่ข้อมือถึงศอก ทำมาจากวัตถุใดไม่ทราบได้ แต่ประดับทับทิมสีแดงเม็ดโตอยู่บริเวณใกล้ข้อมือ ส่วนเสื้อผ้านั้นดูแล้วก็คงดูออกว่า เด็กหนุ่มได้ผ่านศึกที่ยากลำบากมามาก แต่ไม่ว่าศึกไหนก็ไม่เคยทำให้แววตาและจิตใจอันมุ่งมั่นของเด็กหนุ่มสั่นคลอนลงได้

ที่ว่ายุคแห่งความมืดนี้ก็เพราะไม่ว่าจะยุคไหนสมัยไหน มนุษย์ก็มีทั้งคนดีและคนไม่ดี เมื่อคนไม่ดีมีอำนาจคิดจะครอบครองทุกสิ่งในโลก โดยไม่สนความเป็นอยู่ของคนอื่นความวุ่นวายย่อมเกิดขึ้นทุกหัวระแหง สำหรับในโลกนี้ ยุคแห่งความมืดนี้มี ราชาแห่งรัตติกาล "แบล็คอาร์ม" เป็นจอมทัพ แบล็คอาร์มบุรุษที่มีแขนขวาสีดำ นัยตาสีแดงเพลิง เป็นที่เกรงขามต่อชาวโลกแห่งเวทย์มนต์นี้มาก แม้นรูปร่างจะไม่ได้สูงใหญ่ แต่ก็สง่างาม และยิ่งแต่งกายด้วยชุดเกราะสีดำ อีกทั้งใส่หมวกเหล็กและคาดหน้าด้วยผ้าสีดำแล้วยังมีอาวุธคู่กายเป็นดาบสีดำเล่มใหญ่แล้วยิ่งน่าเกรงขามอีกเป็นทวีคูณ แต่รูปร่าง เสื้อผ้าอาภรณ์ที่กล่าวมานั้นหาได้เป็นที่กลัวเกรงที่แท้จริงไม่ ถ้าเทียบกับความโหดร้ายและพลังเวทย์่มนต์ที่เกินประมาณของ แบล็คอาร์ม จะกล่าวถึงความโหดร้ายอันสุดประมาณ ก่อนหน้านี้มีหัวเมืองทางเหนือที่ไม่ยอมสวามิพักตร์ ถึงแม้กองทหารของ แบล็คอาร์ม จะบุกยึดเมืองได้แล้วและจับทหารและเจ้าเมืองเป็นเชลยสงครามได้เป็นอันมาก แบล็คอาร์ม ก็ยังสั่งประหารชีวิตทั้งหมด แม้กระทั่งวันหนึ่งชาวเมืองที่เป็นผู้ชาย แม้กระทั่งเด็กชายที่พอจะรู้ความ รวมถึงผู้ที่พอจะใช้เวทย์มนได้เล็กน้อย แบล็คอาร์ม ก็กำจัดเสียหมดสิ้น เพื่อไม่ให้มีผู้ใดมาสร้างความรำคาญใจในภายหน้าได้

ในคืนหนึ่ง ไลท์ ที่ออกเดินทางมาเพื่อกำจัดความมืดอันชั่วร้าย  ได้มาถึงเชิงเขาแห่งหนึ่ง ซึ่งเบื้องหน้าประกอบไปด้วยท้องฟ้ามืดมิดไร้ดวงดาว ทุ่งหญ้าสีดำทะมึน บรรยากาศอันแสนหดหู่ ไม่มีแม้เสียงจักจั่นเรไร แล้วถัดไปก็เป็นปราสาทอันมืดมิดซึ่งเป็นที่อยู่ของแบล็คอาร์ม นั่นเอง
บริเวณปราสาทของ แบล็คอาร์ม แต่เดิมเคยเป็นเมืองหลวงที่ใหญ่ที่สุดของภูมิภาคนี้ พื้นที่โดยรอบนั้นด้านหน้าและด้านข้างเป็นลานกว้าง และมีกองทหารประจำการอยู่หน้าปราสาทโดยกินพื้นที่ประมาณว่ามีสนามฟุตบอลในโลกของเราถึงสิบสนามเลยที่เดียว โดยนับทหารที่มาประจำการแล้วคงมีสักสิบกองพัน ถัดจากค่ายทหารออกมาก็จะเป็นบ้านเรือนของประชาชน รวมทั้งร้านค้าในระยะนับสิบตารางกิโลเมตร แต่ทุกบ้านทุกร้านล้วนไร้แสงไฟ ทุกบ้านทุกร้านตกค่ำแล้วก็พากันปิดประตูเงียบเชียบ ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมาจากบริเวณบ้านเลย ดูแล้วบรรยากาศของอดีตเมืองแห่งการค้าที่รุ่งเรืองที่สุดในภูมิภาคนี้ช่างเงียบสงบราวกับเมืองร้าง

เมื่อพ้นจากเขตบ้านและร้านค้าก็จะเป็นกำแพงเมืองที่ใหญ่มาก อีกทั้งสูงตระหง่านราวกับหน้าผาของแกรนแคนย่อนเลยทีเดียว กำแพงซึ่งเต็มไปด้วยทหารประจำการ ทั้งพลทนู ทหารราบ และรวมถึงจอมเวทย์ ยศตั้งแต่นายสิบ ถึงนายพล ประจำการอยู่ในทุกทิศของกำแพง ทุกอนู ทุกที่ว่างของกำแพงเมืองนั้นล้วนเต็มไปด้วยทหารยาม ดูแล้วคงเป็นไปไม่ได้แน่ถ้าใครหรือตัวอะไรจะผ่านเข้าเมืองไปได้ อีกทั้งบริเวณรอบเมืองทั้งบนฟ้าและใต้ดินก็ยังมีเกราะที่มองไม่เห็นที่เรียกว่าเกราะเวทย์มนต์ครอบเมืองชั้นนอกไว้อีกชั้นหนึ่ง ซึ่งหากไม่มีบัตรประจำตัวเวทย์มนต์ของชาวเมืองแล้วแม้แต่แมลงก็จะไม่สามารถเข้าออกได้เลย  แต่เดิมเกราะเวทย์มนต์ครอบเมืองนั้นมีไว้เพื่อป้องกันสัตว์ร้ายไม่ให้เข้ามาทำอันตรายกับชาวเมือง แต่บัดนี้กลับกลายเป็นกรงขังชาวบ้านไม่สามารถออกนอกเมืองได้เลยถ้าหากไม่มีทหารควบคุมตัวไปทำงาน

ไลท์ ค่อย ๆ เดินมาที่หน้าประตูเมืองด้วยย่างก้าวซึ่งเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น อีกทั้งมีความตั้งใจอันแน่วแน่ที่จะต้องช่วยเหลือสังคมมนุษย์ในยุคนี้ให้พ้นไปจากความมืดมิดให้ได้ แม้ความชั่วมีเป็นล้าน แต่ใจมุ่งมันในความดีมีเพียงหนึ่งก็ไม่ย่อท้อ ไม่ยอมสยบกับความชั่ว ไม่ยอมให้อำนาจใด ๆ มาขัดขวางความดีได้ ไลท์ ในมาดนักรบจอมเวทย์แห่งแสงเสมือนชื่อ ในตามุ่งมั่นสีฟ้าสดใส จำเป็นจะต้องกอบกู้ความสงบสุขคืนกับชาวเมือง เกรทวอล์ล และชาวโลกให้จงได้

เมื่อ ไลท์ มาถึงประตูเมือง แน่นอนทหารยามพร้อมอาวุธย่อมต้องเล็งอาวุธโดยมีเป้าหมายมาที่ไลท์ พร้อมทั้งส่องแสงสปอร์ทไลท์ ของโลกแห่งเวทย์มนต์มาที่ ไลท์ โดยมีเสียงทหารนายหนึ่งบนกำแพง ทหารซึ่งมีอัญมณีสีดำ ที่หน้าผากและมีดวงตาสีดำแต่ไร้แววตาไม่ พูดขึ้นว่า "ที่นี่ไม่ต้อนรับคนนอก"

เมื่อสิ้นเสียงทหารแล้ว ก็ปรากฏว่าเกราะเวทย์มนต์นั้นมีรอยแยกเสียแล้ว และเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงด้านล่างก็หายไป เหล่าทหารที่อยู่บริเวณกำแพงทำได้เพียงหันรีหันขวาง ตะโกนโหวกเหวกโวยวาย ต่างรีบส่งสัญญาณเตือนภัย ทหารที่ยืนอยู่บริเวณหอคอยที่มีอยู่ทั่วบริเวณต่างช่วยกันส่องไฟไปทั่วเมืองเพื่อค้นหาเด็กหนุ่ม อีกทั้งทหารราบที่ประจำอยู่ในเมืองก็ต่างกำลังเตรียมพร้อมที่จะออกค้นหาตามบ้าน ในระหว่างที่ชาวเมืองที่อยู่ในบ้านต่างกำลังตื่นตระหนก และเก็บตัวอยู่ในบ้าน

ทันใดนั้น ก็มีแสงสีขาวสว่างวาบไปทั่วเมือง แสงและกลิ่นไออบอุ่นอบอวลไปทั่วภายในเกราะเวทย์มนต์ แสงที่สว่างจ้าแม้ครอบครัวแม่ลูกจะซ่อนตัวอยู่ในมุมที่มืดมิดที่สุดในห้องใต้ดินก็ยังได้สัมผัส แสงที่ชาวเมืองได้สัมผัสแล้วรู้สึกอบอุ่นโล่งใจ ทหารที่ดวงตาสีดำไร้แววทั้งหลายหลังจากได้รับแสงนี้ก็มีอันหมดสติไปอย่างไรไม่ทราบได้ ก่อนหมดสตินั้นดวงตาก็กลับมามีสีเดิม สี่ดวงตาตั้งแต่กำเนิด สีดวงตาที่มีประกายอันบ่งบอกถึงความมีชีวิตชีวา ดวงตาที่มีประกายอันอบอุ่น พร้อมกับฝุ่นควันแห่งความมืดก็ได้ลอยออกจาร่างของเหล่าทหาร ลอยออกมาแล้วก็พลันสลายไปในที่สุด เมื่อแสงสว่างได้ปกคลุมไปทั่วเมืองแล้ว สิ่งมีชีวิตทุก ๆ ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์เลี้ยง หรือแมลง ก็ได้ถูกเคลื่อนย้ายออกมานอกเกราะเวทย์มนต์ในพริบตา เรียกได้ว่าได้ถูกผู้ใช้เวทย์มนเคลื่อนย้ายในพริบตาที่ได้สัมผัสกับความอบอุ่นแห่งแสงเลยทีเดียว

หลังจากแสงสว่างได้ค่อย ๆ จางไปและความมืดได้กลับมาอีกครั้ง ในเมืองเหลือเพียง ไลท์ และ บุคคลอันโหดร้าย และจมอยู่ในความมืดโดยที่แสงสว่างอันอบอุ่นไม่อาจเยียวยาจิดใจให้กลายเป็นคนดีได้ เหลือเพียงแต่บุคคลที่มีแต่ความคิดที่ชั่วร้าย ความคิดที่มืดมิดอันอาจจะกลืนกินแสงตะวันให้หายไปเลยทีเดียว นั่นก็คือ "แบล็คอาร์ม" ราชาจอมโฉด

คืนอันมืดมิดที่ไร้ดวงดาวเริ่มมีแสงสว่างจากดวงจันท์ที่โผล่พ้นออกมาท่ามกลางหมูเมฆอันหนาทึบ เปรียบเหมือนชีวิตที่ทุกข์ยากแต่สักวันหนึงความทุกข์ยากจะต้องผ่านพ้นไปในภายภาคหน้า บนท้องฟ้าที่เมฆเพิ่งเริ่มเปิด เมื่อมองไปบนยอดหอคอยหน้าปราสาท หอคอยหนึ่งเด็กหนุ่มยืนอยู่บนยอดปลายแหลมด้วยท่าทีอันตั้งมั่น มือขวาถือดาบคู่ใจ ส่วนมือซ้ายข้างที่ใส่เกราะก็มีประกายแสงเรื่อ ๆ ออกมาจากกลางฝ่ามือ ที่มีอัญมณีสีรุ้งฝังอยู่ตรงกลาง

ส่วนอีกหอคอยหนึ่ง ราชาจอมโฉด ก็ยืนนิ่งอยู่เช่นกัน โดยมือขวากับแขนสีดำนั้นจับดาบที่อยู่ในฝักอย่างมั่นคงและพร้อมที่จะใช้งานในเสี้ยววินาที ทั้งคู่ไม่มีการสนทนาใด ๆ กันทั้งสิ้น ต่างจ้องตากัน เป็นเวลาหลายนาที และแววตาต่างแสดงออกราวกับว่ารู้จักกันมาอย่างยาวนานยิ่งแววตาของ ไลท์ แล้ว ยิ่งมองยิ่งรู้สึกถึงความอ่อนโยน และห่วงใย แต่ชั่วอึดใจหนึ่งแววตาของไลท์ก็กลับมามุ่งมั่นเหมือนเดิม แล้วไลท์ ก็พูดว่า

"ถึงวันนี้แล้วสินะ ชั้นไม่เข้าใจนายจริง ๆ แต่ชั้นตัดสินใจแล้ว สิ่งที่ชั้นแบกรับมันหนักมากถึงเวลาแล้วที่จะจบสิ้นเสียที"

แบล็ค อาร์ม ก็พูดตอบกลับไปว่า "โลกนี้ล้วนโสมม มนุษย์โลกก็โสมม นายมันดีเกินไป ชั้นจะลบทุกอย่าง ทุกอย่างออกไปจากโลกที่โสมมนี้ให้หมด ฮ่า ๆ ๆ ๆ"

ไลท์ "นายนี่มันเกินเยียวยาแล้วจริง ๆ มา มาตัดสินกัน"

เมื่อสิ้นเสียงของไลท์แล้ว ทั้งสองก็ยื่นมือซ้ายออกเล็งไปที่ฝ่ายตรงข้าม แสงสีดำจากมือของ แบล็คอาร์ม ก็ปรากฏเป็นมังกรสีดำ พุ่งตรงไปยังไลท์ ส่วนแสงจากมือของไลท์ ก็เป็นมังกรสีขาวสว่างลำตัวยาวพุ่งออกไปกระทบกับแสงมังกรสีดำ เสียงพลังงานสองขั้วกระทบกันดังกึกก้องกัมปนาท

ชาวเมืองที่ถูกส่งออกไปนอกเขตเมืองซึ่งได้เดินห่างออกไปหลายกิโลเมตรแล้วยังต้องมองย้อนกลับมาเนื่องด้วยเสียงเสียดสีของพลังงาน เสียงละเบิดที่ดังมากปานภูเขาไฟละเบิดสักสิบลูกพร้อมกัน เมื่ออชาวเมืองมองหันกลับไป สิ่งที่มองเห็นได้กลับมีเพียงแสงสว่างอันเจิดจ้า และต้องหลบสายตาออกจากแสงไปเท่านั้น

"ไลท์ ไลท์" เสียงเรียกอันอบอุ่นเป็นกันเองของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น ไลท์ ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นทีละน้อย สิ่งแรกที่เขามองเห็นก็คือ”เท้า?!“ ไลท์ซึ่งนอนอยู่บนเตียง เพียงครึ่งตัว ขาพาดอยู่บนเตียงพร้อมกับใส่ชุดนอน แต่ศรีษะกลับอยู่ที่พื้นห้องค่อย ๆ ได้สติ ขึ้นมา แล้วก็กลิ้งตัวลงมานอนแผ่หงายบนพื้นห้องทั้งตัวแล้วแหงนมองเพดานห้อง พร้อมกับคิดในใจว่า ฝันไปหรอกเหรอ กำลังมันส์เชียว แล้วหญิงสาวมีอายุผมยาวประบ่าและสวมผ้ากันเปื้อนสีขาวก็ก้มตัวมาหยิกแก้มของ ไลท์ พร้อมกับพูดว่า

"ไลท์ ตื่นได้แล้วลูกเดี๋ยววันนี้ไปเรียนสายนะ"

-จบตอน-
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่