รถถังหลัก T-55 กระดูกสันหลังของกองทัพกัมพูชา

บริบทการปรากฏตัวในสมรภูมิยุคใหม่
เหตุการณ์ปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาเมื่อปลายปี 2568 ได้สร้างความประหลาดใจให้แก่นักวิเคราะห์ทหาร เมื่อมีการนำรถถัง T-55 ซึ่งมีอายุกว่า 70 ปี เข้ามาปฏิบัติการจริง แม้จะถูกมองว่าเป็น "เศษเหล็ก" ที่ล้าสมัยไปแล้วในยุคสงครามดิจิทัล แต่รายงานระบุว่ามันถูกนำมาใช้ในภารกิจรบ ทั้งในรูปแบบการดวลรถถังและการสนับสนุนกำลังพล ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่ากัมพูชายังคงเห็นคุณค่าบางอย่างในยุทโธปกรณ์รุ่นเก่านี้
ต้นกำเนิดและปรัชญาของตำนานโซเวียต
T-55 พัฒนาต่อยอดมาจาก T-34 และ T-44 โดยหัวใจสำคัญคือการติดตั้งระบบป้องกันอาวุธนิวเคลียร์ (NBC) เป็นครั้งแรกของโลก ปรัชญาการออกแบบของโซเวียตไม่ได้เน้นความล้ำสมัย แต่เน้นที่ "ความเรียบง่าย" เพื่อให้ช่างซ่อมบำรุงได้ง่าย "ความทนทาน" ต่อทุกสภาพอากาศ และ "การผลิตจำนวนมหาศาล" เพื่อใช้ปริมาณเข้าข่มขวัญศัตรู จนกลายเป็นรถถังที่มียอดผลิตสูงสุดในประวัติศาสตร์โลกถึง 100,000 คัน
สถานะของ T-55 ในกองทัพกัมพูชา
กัมพูชาได้รับ T-55 มาตั้งแต่ยุคสงครามเย็นผ่านการสนับสนุนจากสหภาพโซเวียต ปัจจุบันประเมินว่ามีอยู่ในคลังแสงประมาณ 150-290 คัน (รวมถึง Type 59 ของจีน) อย่างไรก็ตาม จำนวนที่พร้อมรบจริงอาจต่ำกว่านั้นมาก เนื่องจากปัญหาการเสื่อมสภาพ การขาดแคลนอะไหล่ และข้อจำกัดด้านงบประมาณบำรุงรักษา ถึงกระนั้น มันก็ยังเป็น "กระดูกสันหลัง" หลักของหน่วยยานเกราะกัมพูชาที่ถูกนำออกมาใช้เสมอเมื่อเกิดความตึงเครียด
คุณลักษณะทางเทคนิคและจุดอ่อนที่ร้ายแรง
อำนาจการยิง: ใช้ปืนใหญ่ 100 มม. ซึ่งเจาะเกราะรถถังสมัยใหม่แทบไม่ได้ แต่ยังหวังผลได้ดีในการใช้กระสุนระเบิดแรงสูง (HE) ทำลายบังเกอร์หรือทหารราบ
เกราะป้องกัน: เป็นเหล็กกล้าเนื้อเดียวหนาเพียง 200 มม. ซึ่งไม่สามารถต้านทานอาวุธต่อสู้รถถังยุคใหม่หรือแม้แต่ปืนรถถังเบาของไทยได้
ระบบอิเล็กทรอนิกส์: เป็นจุดอ่อนที่สุด เพราะไม่มีกล้องตรวจจับความร้อนและระบบคำนวณการยิงดิจิทัล ทำให้การรบในเวลากลางคืนแทบจะเป็นศูนย์ และเสียเปรียบอย่างรุนแรงหากต้องยิงเป้าหมายที่เคลื่อนที่
การเปรียบเทียบขีดความสามารถกับกองทัพไทย
เมื่อเทียบกับรถถังของไทย T-55 เสียเปรียบในทุกมิติ:
เทียบกับ M60A3: แม้อายุจะใกล้กันแต่ M60A3 ของไทยเหนือกว่าด้วยระบบ Thermal Sight ที่ช่วยให้ "เห็นก่อน ยิงก่อน" แม้ในความมืดมิด
เทียบกับ VT-4 และ Oplot-M: ถือเป็นการเปรียบเทียบที่ห่างชั้นกันเกินไป เพราะรถถังหลักของไทยมีเกราะคอมโพสิตที่ T-55 ยิงไม่เข้า และมีระยะยิงหวังผลที่ไกลกว่า T-55 หลายเท่าตัว
รถถังหลัก T-55 กระดูกสันหลังของกองทัพกัมพูชา
บริบทการปรากฏตัวในสมรภูมิยุคใหม่
เหตุการณ์ปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาเมื่อปลายปี 2568 ได้สร้างความประหลาดใจให้แก่นักวิเคราะห์ทหาร เมื่อมีการนำรถถัง T-55 ซึ่งมีอายุกว่า 70 ปี เข้ามาปฏิบัติการจริง แม้จะถูกมองว่าเป็น "เศษเหล็ก" ที่ล้าสมัยไปแล้วในยุคสงครามดิจิทัล แต่รายงานระบุว่ามันถูกนำมาใช้ในภารกิจรบ ทั้งในรูปแบบการดวลรถถังและการสนับสนุนกำลังพล ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่ากัมพูชายังคงเห็นคุณค่าบางอย่างในยุทโธปกรณ์รุ่นเก่านี้
ต้นกำเนิดและปรัชญาของตำนานโซเวียต
T-55 พัฒนาต่อยอดมาจาก T-34 และ T-44 โดยหัวใจสำคัญคือการติดตั้งระบบป้องกันอาวุธนิวเคลียร์ (NBC) เป็นครั้งแรกของโลก ปรัชญาการออกแบบของโซเวียตไม่ได้เน้นความล้ำสมัย แต่เน้นที่ "ความเรียบง่าย" เพื่อให้ช่างซ่อมบำรุงได้ง่าย "ความทนทาน" ต่อทุกสภาพอากาศ และ "การผลิตจำนวนมหาศาล" เพื่อใช้ปริมาณเข้าข่มขวัญศัตรู จนกลายเป็นรถถังที่มียอดผลิตสูงสุดในประวัติศาสตร์โลกถึง 100,000 คัน
สถานะของ T-55 ในกองทัพกัมพูชา
กัมพูชาได้รับ T-55 มาตั้งแต่ยุคสงครามเย็นผ่านการสนับสนุนจากสหภาพโซเวียต ปัจจุบันประเมินว่ามีอยู่ในคลังแสงประมาณ 150-290 คัน (รวมถึง Type 59 ของจีน) อย่างไรก็ตาม จำนวนที่พร้อมรบจริงอาจต่ำกว่านั้นมาก เนื่องจากปัญหาการเสื่อมสภาพ การขาดแคลนอะไหล่ และข้อจำกัดด้านงบประมาณบำรุงรักษา ถึงกระนั้น มันก็ยังเป็น "กระดูกสันหลัง" หลักของหน่วยยานเกราะกัมพูชาที่ถูกนำออกมาใช้เสมอเมื่อเกิดความตึงเครียด
คุณลักษณะทางเทคนิคและจุดอ่อนที่ร้ายแรง
อำนาจการยิง: ใช้ปืนใหญ่ 100 มม. ซึ่งเจาะเกราะรถถังสมัยใหม่แทบไม่ได้ แต่ยังหวังผลได้ดีในการใช้กระสุนระเบิดแรงสูง (HE) ทำลายบังเกอร์หรือทหารราบ
เกราะป้องกัน: เป็นเหล็กกล้าเนื้อเดียวหนาเพียง 200 มม. ซึ่งไม่สามารถต้านทานอาวุธต่อสู้รถถังยุคใหม่หรือแม้แต่ปืนรถถังเบาของไทยได้
ระบบอิเล็กทรอนิกส์: เป็นจุดอ่อนที่สุด เพราะไม่มีกล้องตรวจจับความร้อนและระบบคำนวณการยิงดิจิทัล ทำให้การรบในเวลากลางคืนแทบจะเป็นศูนย์ และเสียเปรียบอย่างรุนแรงหากต้องยิงเป้าหมายที่เคลื่อนที่
การเปรียบเทียบขีดความสามารถกับกองทัพไทย
เมื่อเทียบกับรถถังของไทย T-55 เสียเปรียบในทุกมิติ:
เทียบกับ M60A3: แม้อายุจะใกล้กันแต่ M60A3 ของไทยเหนือกว่าด้วยระบบ Thermal Sight ที่ช่วยให้ "เห็นก่อน ยิงก่อน" แม้ในความมืดมิด
เทียบกับ VT-4 และ Oplot-M: ถือเป็นการเปรียบเทียบที่ห่างชั้นกันเกินไป เพราะรถถังหลักของไทยมีเกราะคอมโพสิตที่ T-55 ยิงไม่เข้า และมีระยะยิงหวังผลที่ไกลกว่า T-55 หลายเท่าตัว