: แบทแมน บีกินส์: ไม่ใช่แค่ฮีโร่ แต่คือการก่อร่างของตำนานที่โคตรเท่!
สวัสดีครับชาวพันทิปทุกท่าน วันนี้ผมมีหนังเรื่องนึงที่ดูแล้วรู้สึกว่า "ใช่เลย" กลับมาหยิบมารีวิวให้ฟังกันอีกครั้งนะครับ กับ Batman Begins (2005) ของผู้กำกับ Christopher Nolan ที่หลายคนยกให้เป็นจุดเปลี่ยนของหนังซูเปอร์ฮีโร่เลยก็ว่าได้ ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้นครับ
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า หนังเรื่องนี้มันไม่ใช่แค่หนังฮีโร่ธรรมดาๆ ที่มีคนใส่ชุดเท่ๆ ไปต่อยตีกับตัวร้ายนะครับ แต่ Nolan พาเราดำดิ่งไปกับเรื่องราวเบื้องหลังของ Bruce Wayne หรือ Batman ที่เราคุ้นเคยอย่างที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน เขาพาเราไปเห็นถึงปมในใจ การเติบโต การฝึกฝน จนกระทั่งกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความหวังของ Gotham City อันดำมืด
เริ่มเรื่องมาก็พาเราไปสัมผัสกับความสูญเสียของ Bruce Wayne ตั้งแต่เด็ก ซึ่งตรงนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญมากๆ ครับ เราได้เห็นว่าทำไม Bruce ถึงได้กลัวค้างคาว และทำไมเขาถึงเลือกที่จะใช้ความกลัวนั้นมาเป็นอาวุธในการต่อสู้กับความอยุติธรรม การที่ Nolan เลือกเล่าเรื่องย้อนอดีตไปถึงตอนเด็กของ Bruce มันทำให้เราเข้าใจตัวละครนี้มากขึ้นจริงๆ ครับ ไม่ใช่แค่เห็นว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยล้นฟ้าแล้วก็มีของเล่นไฮเทค แต่เราได้เห็นถึงความเจ็บปวด ความเปราะบาง และความมุ่งมั่นที่ซ่อนอยู่ข้างใน
ฉากที่ Bruce Wayne เดินทางไปทั่วโลกเพื่อฝึกฝนตัวเองกับ Ra's al Ghul และ Henri Ducard ในองค์กร League of Shadows นี่คือที่สุดของความเข้มข้นครับ เราได้เห็นการฝึกศิลปะการต่อสู้ การฝึกจิตใจ การเอาชนะความกลัวของตัวเองอย่างแท้จริง มันไม่ใช่แค่การซ้อมเตะต่อยแบบเท่ๆ นะครับ แต่มันคือการหล่อหลอมให้ Bruce กลายเป็นนักรบที่พร้อมจะแบกรับภาระอันหนักอึ้งของ Gotham การเดินทางของเขาในส่วนนี้ทำให้เราเชื่อว่าทำไม Bruce ถึงได้เก่งกาจขนาดนั้น
พอ Bruce กลับมาที่ Gotham สิ่งที่เขาพบเจอคือเมืองที่เต็มไปด้วยอาชญากรรม คอร์รัปชัน และความสิ้นหวัง ซึ่งมันเป็นภาพที่ Nolan สร้างออกมาได้สมจริงมากๆ ครับ ตึกสูงเสียดฟ้าที่ดูหรูหรา แต่กลับซ่อนความเน่าเฟะไว้ข้างใน ผู้คนใช้ชีวิตด้วยความหวาดกลัว และไม่มีใครกล้าที่จะลุกขึ้นสู้ Batman Begins ไม่ได้ทำให้ Gotham เป็นแค่ฉากหลัง แต่ Gotham คือตัวละครสำคัญของเรื่อง ที่เป็นเหมือนกระจกสะท้อนสภาพจิตใจของ Bruce Wayne ด้วย
การออกแบบชุด Batman ในภาคนี้ก็เป็นอะไรที่ผมชอบมากครับ มันดูสมจริง ดูใช้งานได้จริง ไม่ใช่แค่ชุดแฟนซีที่ดูเวอร์วัง การที่ชุดมันดูแข็งแรง มีเกราะ ทำให้เรารู้สึกได้ถึงการป้องกัน และความสามารถในการต่อสู้ของ Batman จริงๆ ครับ แล้วก็ Batmobile นี่ไม่ต้องพูดถึง โคตรเท่! มันไม่ใช่แค่รถหรู แต่มันคือสุดยอดอาวุธสงครามที่ Batman ใช้ในการปฏิบัติภารกิจ
ในส่วนของนักแสดง Christian Bale ในบท Bruce Wayne/Batman นี่คือการแสดงที่ผมยกนิ้วให้เลยครับ เขาสามารถถ่ายทอดอารมณ์ความเจ็บปวด ความโกรธ ความมุ่งมั่น และความโดดเดี่ยวของ Bruce Wayne ได้อย่างยอดเยี่ยม เวลาเขาเป็น Bruce Wayne ก็จะดูเป็นคนที่มีปมในใจ แต่พอสวมบทบาทเป็น Batman เสียงทุ้มต่ำ การเคลื่อนไหว การใช้พลัง ทุกอย่างมันดูทรงพลังและน่าเกรงขามมากๆ ครับ
Michael Caine ในบท Alfred Pennyworth ก็เป็นอีกคนที่ผมประทับใจมากๆ ครับ เขาเป็นเหมือนพ่อ เพื่อน และพี่เลี้ยง ที่คอยอยู่เคียงข้าง Bruce Wayne ตลอดเวลา คำพูดของ Alfred ทุกประโยคมันมีความหมาย ลึกซึ้ง และปลอบประโลมใจได้ดีมากๆ ครับ Liam Neeson ในบท Henri Ducard/Ra's al Ghul ก็เล่นได้ดีสมบทบาท เป็นตัวร้ายที่มีหลักการ มีปรัชญาของตัวเอง และทำให้ Batman ต้องเผชิญหน้ากับคำถามที่ยากจะตอบ
เรื่องราวของ Scarecrow ที่รับบทโดย Cillian Murphy ก็เป็นอะไรที่น่าสนใจครับ การใช้ยาหลอนประสาทที่ทำให้คนเผชิญหน้ากับความกลัวที่แท้จริงของตัวเอง มันสะท้อนถึงธีมหลักของหนังได้เป็นอย่างดี และทำให้ Batman ต้องรับมือกับศัตรูที่มองไม่เห็นตัวตน
สิ่งที่ทำให้ Batman Begins แตกต่างจากหนังซูเปอร์ฮีโร่เรื่องอื่นๆ ในยุคนั้น คือการที่มันเน้นความเป็นจริง สมจริง และจิตวิทยาของตัวละครครับ Nolan ไม่ได้พยายามทำให้ Batman เป็นฮีโร่ที่สมบูรณ์แบบ หรือมีพลังวิเศษอะไร เขาทำให้ Batman เป็นมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง ที่ใช้ความฉลาด ความแข็งแกร่งทางร่างกาย และเทคโนโลยีที่เขามี ในการต่อสู้กับความมืดมิด
เพลงประกอบของ Hans Zimmer และ James Newton Howard ก็สุดยอดมากครับ มันช่วยเสริมบรรยากาศของหนังให้เข้มข้น น่าตื่นเต้น และเข้าถึงอารมณ์ของตัวละครได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะเพลง "Vespertilio" ที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของ Batman
โดยรวมแล้ว Batman Begins ไม่ใช่แค่หนังที่เล่าเรื่องการกำเนิดของ Batman แต่เป็นการสำรวจจิตใจมนุษย์ การเอาชนะความกลัว และการสร้างความหวังในโลกที่มืดมิด มันเป็นหนังที่ดูแล้วได้ทั้งความสนุก ความตื่นเต้น และข้อคิดดีๆ ครับ ใครที่ยังไม่เคยดู หรืออยากกลับไปดูอีกครั้ง ผมแนะนำเลยครับ เป็นหนังที่ผมดูซ้ำกี่ทีก็ยังคงประทับใจเสมอครับ
ขอตัวลาไปก่อนนะครับ ไว้มีหนังดีๆ จะกลับมารีวิวอีกครับ
แบทแมน บีกินส์: ไม่ใช่แค่ฮีโร่ แต่คือการก่อร่างของตำนานที่โคตรเท่!
: แบทแมน บีกินส์: ไม่ใช่แค่ฮีโร่ แต่คือการก่อร่างของตำนานที่โคตรเท่!
สวัสดีครับชาวพันทิปทุกท่าน วันนี้ผมมีหนังเรื่องนึงที่ดูแล้วรู้สึกว่า "ใช่เลย" กลับมาหยิบมารีวิวให้ฟังกันอีกครั้งนะครับ กับ Batman Begins (2005) ของผู้กำกับ Christopher Nolan ที่หลายคนยกให้เป็นจุดเปลี่ยนของหนังซูเปอร์ฮีโร่เลยก็ว่าได้ ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้นครับ
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า หนังเรื่องนี้มันไม่ใช่แค่หนังฮีโร่ธรรมดาๆ ที่มีคนใส่ชุดเท่ๆ ไปต่อยตีกับตัวร้ายนะครับ แต่ Nolan พาเราดำดิ่งไปกับเรื่องราวเบื้องหลังของ Bruce Wayne หรือ Batman ที่เราคุ้นเคยอย่างที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน เขาพาเราไปเห็นถึงปมในใจ การเติบโต การฝึกฝน จนกระทั่งกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความหวังของ Gotham City อันดำมืด
เริ่มเรื่องมาก็พาเราไปสัมผัสกับความสูญเสียของ Bruce Wayne ตั้งแต่เด็ก ซึ่งตรงนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญมากๆ ครับ เราได้เห็นว่าทำไม Bruce ถึงได้กลัวค้างคาว และทำไมเขาถึงเลือกที่จะใช้ความกลัวนั้นมาเป็นอาวุธในการต่อสู้กับความอยุติธรรม การที่ Nolan เลือกเล่าเรื่องย้อนอดีตไปถึงตอนเด็กของ Bruce มันทำให้เราเข้าใจตัวละครนี้มากขึ้นจริงๆ ครับ ไม่ใช่แค่เห็นว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยล้นฟ้าแล้วก็มีของเล่นไฮเทค แต่เราได้เห็นถึงความเจ็บปวด ความเปราะบาง และความมุ่งมั่นที่ซ่อนอยู่ข้างใน
ฉากที่ Bruce Wayne เดินทางไปทั่วโลกเพื่อฝึกฝนตัวเองกับ Ra's al Ghul และ Henri Ducard ในองค์กร League of Shadows นี่คือที่สุดของความเข้มข้นครับ เราได้เห็นการฝึกศิลปะการต่อสู้ การฝึกจิตใจ การเอาชนะความกลัวของตัวเองอย่างแท้จริง มันไม่ใช่แค่การซ้อมเตะต่อยแบบเท่ๆ นะครับ แต่มันคือการหล่อหลอมให้ Bruce กลายเป็นนักรบที่พร้อมจะแบกรับภาระอันหนักอึ้งของ Gotham การเดินทางของเขาในส่วนนี้ทำให้เราเชื่อว่าทำไม Bruce ถึงได้เก่งกาจขนาดนั้น
พอ Bruce กลับมาที่ Gotham สิ่งที่เขาพบเจอคือเมืองที่เต็มไปด้วยอาชญากรรม คอร์รัปชัน และความสิ้นหวัง ซึ่งมันเป็นภาพที่ Nolan สร้างออกมาได้สมจริงมากๆ ครับ ตึกสูงเสียดฟ้าที่ดูหรูหรา แต่กลับซ่อนความเน่าเฟะไว้ข้างใน ผู้คนใช้ชีวิตด้วยความหวาดกลัว และไม่มีใครกล้าที่จะลุกขึ้นสู้ Batman Begins ไม่ได้ทำให้ Gotham เป็นแค่ฉากหลัง แต่ Gotham คือตัวละครสำคัญของเรื่อง ที่เป็นเหมือนกระจกสะท้อนสภาพจิตใจของ Bruce Wayne ด้วย
การออกแบบชุด Batman ในภาคนี้ก็เป็นอะไรที่ผมชอบมากครับ มันดูสมจริง ดูใช้งานได้จริง ไม่ใช่แค่ชุดแฟนซีที่ดูเวอร์วัง การที่ชุดมันดูแข็งแรง มีเกราะ ทำให้เรารู้สึกได้ถึงการป้องกัน และความสามารถในการต่อสู้ของ Batman จริงๆ ครับ แล้วก็ Batmobile นี่ไม่ต้องพูดถึง โคตรเท่! มันไม่ใช่แค่รถหรู แต่มันคือสุดยอดอาวุธสงครามที่ Batman ใช้ในการปฏิบัติภารกิจ
ในส่วนของนักแสดง Christian Bale ในบท Bruce Wayne/Batman นี่คือการแสดงที่ผมยกนิ้วให้เลยครับ เขาสามารถถ่ายทอดอารมณ์ความเจ็บปวด ความโกรธ ความมุ่งมั่น และความโดดเดี่ยวของ Bruce Wayne ได้อย่างยอดเยี่ยม เวลาเขาเป็น Bruce Wayne ก็จะดูเป็นคนที่มีปมในใจ แต่พอสวมบทบาทเป็น Batman เสียงทุ้มต่ำ การเคลื่อนไหว การใช้พลัง ทุกอย่างมันดูทรงพลังและน่าเกรงขามมากๆ ครับ
Michael Caine ในบท Alfred Pennyworth ก็เป็นอีกคนที่ผมประทับใจมากๆ ครับ เขาเป็นเหมือนพ่อ เพื่อน และพี่เลี้ยง ที่คอยอยู่เคียงข้าง Bruce Wayne ตลอดเวลา คำพูดของ Alfred ทุกประโยคมันมีความหมาย ลึกซึ้ง และปลอบประโลมใจได้ดีมากๆ ครับ Liam Neeson ในบท Henri Ducard/Ra's al Ghul ก็เล่นได้ดีสมบทบาท เป็นตัวร้ายที่มีหลักการ มีปรัชญาของตัวเอง และทำให้ Batman ต้องเผชิญหน้ากับคำถามที่ยากจะตอบ
เรื่องราวของ Scarecrow ที่รับบทโดย Cillian Murphy ก็เป็นอะไรที่น่าสนใจครับ การใช้ยาหลอนประสาทที่ทำให้คนเผชิญหน้ากับความกลัวที่แท้จริงของตัวเอง มันสะท้อนถึงธีมหลักของหนังได้เป็นอย่างดี และทำให้ Batman ต้องรับมือกับศัตรูที่มองไม่เห็นตัวตน
สิ่งที่ทำให้ Batman Begins แตกต่างจากหนังซูเปอร์ฮีโร่เรื่องอื่นๆ ในยุคนั้น คือการที่มันเน้นความเป็นจริง สมจริง และจิตวิทยาของตัวละครครับ Nolan ไม่ได้พยายามทำให้ Batman เป็นฮีโร่ที่สมบูรณ์แบบ หรือมีพลังวิเศษอะไร เขาทำให้ Batman เป็นมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง ที่ใช้ความฉลาด ความแข็งแกร่งทางร่างกาย และเทคโนโลยีที่เขามี ในการต่อสู้กับความมืดมิด
เพลงประกอบของ Hans Zimmer และ James Newton Howard ก็สุดยอดมากครับ มันช่วยเสริมบรรยากาศของหนังให้เข้มข้น น่าตื่นเต้น และเข้าถึงอารมณ์ของตัวละครได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะเพลง "Vespertilio" ที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของ Batman
โดยรวมแล้ว Batman Begins ไม่ใช่แค่หนังที่เล่าเรื่องการกำเนิดของ Batman แต่เป็นการสำรวจจิตใจมนุษย์ การเอาชนะความกลัว และการสร้างความหวังในโลกที่มืดมิด มันเป็นหนังที่ดูแล้วได้ทั้งความสนุก ความตื่นเต้น และข้อคิดดีๆ ครับ ใครที่ยังไม่เคยดู หรืออยากกลับไปดูอีกครั้ง ผมแนะนำเลยครับ เป็นหนังที่ผมดูซ้ำกี่ทีก็ยังคงประทับใจเสมอครับ
ขอตัวลาไปก่อนนะครับ ไว้มีหนังดีๆ จะกลับมารีวิวอีกครับ