[นิยายจีน] ตำนานไซซี บทที่ 2 : เจริญวัย [และ] ํ ํํํเกร็ดพงศาวดาร เลียดก๊ก ํ ํํํ

กระทู้สนทนา
ตอนก่อนหน้า : (บทที่ 1 วิหคสวรรค์) http://pantip.com/topic/30360119



ที่สุดแห่งความงามคือปทุมถันของสตรี…

บุรุษหนึ่งกล้าแกร่งเพียงใดก็ปฏิบัติกับปทุมถันของสตรีราวกับทารก ด้วยโหยหาอกอุ่นที่เคยฟูมฟักและได้น้ำนมจากมารดามาตั้งแต่ไม่รู้ความ เมื่อเติบใหญ่ ปทุมถันของสตรีจึงกลายเป็นสิ่งเย้ายวนใจ ให้ถวิล ให้ใฝ่หา ต้องการได้มาครอบครอง

ดินแดนแห่งหนึ่งหากรวมเป็นปึกแผ่นแล้วมีลักษณะคล้ายปทุมถันของสตรี อาณาจักรที่มีภูมิศาสตร์เช่นนี้จะเย้ายวนใจบุรุษได้ปานใด และยิ่งปทุมถันนั้นชูช่ออิ่มอูม ประกอบไปด้วยสายเลือดกลั่นเป็นน้ำนมของมารดา กลายเป็นมาตุภูมิที่หล่อเลี้ยงบุตรธิดาทั้งหลายได้ทั่วแคว้นตั้งแต่แดนเหนือจรดแดนใต้

ฟูชาเอาดาบเกลี่ยพื้นทรายวาดปทุมถันขึ้นมาด้านหนึ่ง

ที่ส่วนปลายของปทุมถัน แต้มด้วยปลายดาบวาดเป็นวงกลมเล็ก ๆ แล้วดึงลูกธนูมาปักไว้ องค์ชายแห่งแคว้นอู๋กะพริบตาไล่ประกายพราวแพรวออกไปแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“นี่คือที่ตั้งของแคว้นอู๋”
จากนั้นปลายดาบถูกตวัดยาวเป็นสาย

“นี่คือแม่น้ำฉางเจียง(แม่น้ำแยงซีเกียง) เป็นสายโลหิตหลักของจงหยวน อู๋และเยว่ อยู่ในทำเลติดกันคือแถบลุ่มแม่น้ำฉางเจียง ไกลออกไป แม่น้ำสายนี้ยังพาดผ่านแคว้นฉู่ ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากอู๋และเย่วนับพันลี้...”

ฟูชาใช้เวลาเพียงไม่นานในการบ่งชี้ที่ตั้งของแคว้นฉี แคว้นลู่ แคว้นเว่ย พร้อมทั้งบรรยายลักษณะภูมิประเทศของแต่ละแคว้นออกมาได้อย่างไม่ติดขัด

“หลังจากที่ราชวงศ์โจวเสื่อมอำนาจ ผู้ครองแคว้นต่าง ๆ ที่เคยอยู่ใต้การปกครองต่างตั้งตัวเป็นอิสระ หลู่ไต้อ๋องเข้าควบคุมแคว้นเล็ก 58 แคว้น จิ้นไต้อ๋องปกครอง 24 แคว้น ฉินไต้อ๋องปกครอง 15 แคว้น ฉีไต้อ๋องปกครอง 14 แคว้น เจิ้งไต้อ๋องปกครอง 6 แคว้น อู๋ไต้อ๋องบิดาข้าเพิ่งจะรวบรวมมาได้เพียง 5 แคว้น ดังนั้น สิ่งที่แคว้นเราทำในตอนนี้ ก็คือสร้างสัมพันธไมตรีกับแคว้นฉี แสร้งทำเป็นบ้านพี่เมืองน้องกับแคว้นเยว่ และหาโอกาสบุกเข้าโจมตีแคว้นฉู่ ที่ข้าอธิบายมา ถูกต้องตามแผนการไหมท่านราชครู”

ผู้ถามเก็บดาบใส่ฝักแล้วยืดกายตรง ร่างกายกำยำจากการฝึกฝนยิงธนูวันละ 30,000 ดอก ศึกษาตำราพิชัยสงครามจนแตกฉาน ทั้งยังผ่านการอภิเษกสมรสกับองค์หญิงแห่งแคว้นฉีเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่าง 2 แคว้นมาหมาดๆ ยิ่งทำให้พระวรกายสดใส สายพระเนตรลุกโชนด้วยความกระตือรือร้น เมื่อถึงเวลาศึกษากลยุทธ์ทางสงคราม ก็มิได้หน่ายหนีหรือพิรี้พิไร ความสามารถขององค์ชายเจริญรุดหน้าเร็วไวจนอูจื่อซีนึกครั่นคร้าม

“ถูกต้องแล้วพ่ะย่ะค่ะ องค์ชาย ทรงเข้าพระทัยอย่างแจ่มแจ้ง หม่อมฉันแทบไม่มีอะไรสอนพระองค์แล้ว”

“ถ้าอย่างนั้น ท่านก็ช่วยทูลขอเสด็จพ่อ อนุญาตให้ข้าออกไปนำทัพเสียทีสิ”

คำขอขององค์ชายรุกเร้าจนมหาอำมาตย์ตั้งตัวไม่ติด

“เอ่อ เรื่องนั้น...”
ผู้ครอบครองตำแหน่งมหาอำมาตย์ควบราชครูกำลังคิดใคร่ครวญ ทันใดนั้น มหาดเล็กคนหนึ่งวิ่งมาจากทางไกล ก้าวพรวดเข้ามาคุกเข่า

“ถวายบังคมองค์ชาย ไต้อ๋องเหอหลี รับสั่งให้มาเชิญองค์ชายและท่านมหาอำมาตย์ไปพบที่ลานซ้อมรบพ่ะย่ะค่ะ”
เวลานั้น องค์ชายฟูชายืนงงงัน อูจื่อซีจึงเป็นฝ่ายหันไปถาม

“เรื่องอะไรรึ มหาดเล็ก”

“ไต้เท้าซุนวูมาถึงแล้วขอรับ”

“อ้อ ซุนวูจากแคว้นฉี ใช่ไหม เพื่อนเก่าข้าเอง เขามาแล้ว ดีจริงๆ”

“ขอรับ แต่เมื่อมาถึง เขาก็ได้เข้าพบไต้อ๋องในทันที ไต้อ๋องไต่ถามได้ไม่กี่คำ ก็มีพระบัญชาให้พวกผู้น้อยจัดลานซ้อมรบ โดยทดลองให้ไต้เท้าซุนวูฝึกสนมเอกและนางสนมเป็นทหารให้ดูขอรับ”

“หา!”

“ฝึกนางสนมให้เป็นทหารรึ น่าสนุกดีนี่”

องค์ชายฟูชาขานรับด้วยความปรีดา ขณะที่อูจื่อซีถอยหลังไปสองก้าว เมื่อตั้งสติได้ ค่อยรีบสาวเท้าตามองค์ชายไปติด ๆ เพื่อจะไปถึงลานซ้อมรบโดยไวที่สุด บุรุษสองวัยรุดหน้าไปยังจุดหมายเดียวกัน แต่ด้วยจุดประสงค์ต่างกันโดยสิ้นเชิง

* •..,..,..• * * •..,..,..• * * •..,..,..• * * •..,..,..• *

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่