คือเรื่องนี้ บังเอิญเกิดเมื่อวันสงกรานต์หลายปีมาแล้ว พี่ที่เป็นเจ้าของรถตู้เล่าให้ฟัง ปกติช่วงเทศกาลพี่เค้าจะมีงานเยอะอยู่แล้ว และได้เงินดีด้วย
เมื่อประมาณ4 ปีที่แล้วพอดีพี่เค้าบังเอิญป่วยก่อนสงกรานต์เป็นไข้หวัดใหญ่ มีลูกค้าโทรมาจองพี่เค้าต้องยกเลิกไป เพราะถึงจะหายป่วยใหม่ๆ แกก็จะไม่รับงาน พอดีวันที่13 กำลังพักฟื้นอยู่บ้านมีลูกค้าโทรเข้ามาจะจ้างแก แกบอกพึ่งหายป่วยขอไม่วิ่ง แต่ลูกค้าเสนอมาให้ถึงวันละ3000 นั่งไปแค่4คน แกเห็นว่าได้เยอะดีเลยรับ เพราะไปถึงกทม.ก็ค่ำแล้ว กลับตอนเช้าเลย พองเวลานัดหมาย แกก็ไปรับลูกค้า ลูกค้าควักเงินให้ก่อนเลย6000บาท พร้อมจ่ายค่าน้ำมันให้ตลอดทาง พอไปถึงกทม.ลูกค้าก็เปิดโรงแรมให้นอนด้วย แกก็ทานยาแล้วหลับถึงเช้าเลย พอตอนเช้าลูกค้าบอกจะไปรับญาติที่โรงพยาบาลแห่งนึง แกสังเกตุว่าแต่ละคนไม่ค่อยพูดจาหัวเราะอะไรกัน พอไปถึงโรงพยาบาลก็เข้าไปจอดข้างหลัง แกก็ติดเครื่องไว้เปิดกระจกแง้มไว้นิดนึง เพราะฤทธิ์ยายังค้างอยู่แกก็นั่งหลับไปในรถ สักประมาณครึ่งชั่วโมงแกก็ได้ยินเสียงลูกค้าเดินมาเปิดประตูรถแล้วขึ้นมาบนรถกันแกก็นอนต่อไม่สนใจอะไร สัก15นา่ีทีพอลูกค้าขึ้นไปหมดแกก็เห็นเหมือนมีชายคนนึงนั่งมาเพิ่มอีกนั่งหลับด้วย สงสัยจะเป็นคนป่วยลูกค้าเลยบอกกลับบ้านเลย พอออกจาก กทม มาสักพักถึงวังน้อย ก็จอดแวะทานข้าวกัน ลูกค้าก็บอกติดเครื่องไว้เลยพี่อีกคนนอนอยู่ข้างบน เปิดแอร์เย็นหน่้อย พี่เจ้าของรถแกก็รีบไปทานข้าว คือแกบอกว่าต้องทานให้เร็วกว่าลูกค้าเสมอ พอทานเสร็จแกก็มานอนเล่นบนรถ คนป่วยที่นอนอยู่ก็พูดว่าโชว์เฟอร์เหนื่อยมั้ย ทานอิ่มมั้ย พี่เจ้าของรถแกบอก ทานพออิ่มครับ ไม่ทานเยอะเดี๋ยวจะง่วง แล้วคนป่วยก็หลับต่อ สักประมาณครึ่งชั่วโมงลูกค้าที่ทานเสร็จก็มาขึ้นรถ ไม่ถามคนป่วยเลยว่าหิวมั้ยไม่พูดะไรกันเลย พอขับรถไปใกล้ถึงบ้าน ลูกค้าเลยบอกว่าให้ไปที่วัดเลยนะพี่ โชเฟอร์ก็ขับรถไปที่วัด พอไปถึงก็เหมือนมีงานอะไรสักอย่าง พอรถจอดได้ที่ ญาติพี่น้องของลูกค้าก็กรูกันมาที่รถ ต่างร้องไห้ระงม แล้วก็พยุงร่างคนป่วยลงรถไปนอนบนเตียง พี่เจ้าของรถอึ้งไปเลย สรุปที่พากลับมาไม่ใช่คนป่วย แต่เป็นคนตาย แล้วตอนทานข้าวเสร็จ พี่แกพูดกับใคร แล้วคนที่จ้างแกก็มาขอโทษที่ต้องปกปิด เพราะหารถไม่ได้เลยแล้วควักให้ทิปไปอีก1000 บาทแกรับเงินเสร็จก็ไม่พูดว่าอะไร แต่บอกว่า
อย่าไปพูดกับใครว่าจ้างรถแกก็แล้วกัน จบ.......
รถตู้สยองขวัญ จากประสบการณ์ของพี่เจ้าของรถตู้
เมื่อประมาณ4 ปีที่แล้วพอดีพี่เค้าบังเอิญป่วยก่อนสงกรานต์เป็นไข้หวัดใหญ่ มีลูกค้าโทรมาจองพี่เค้าต้องยกเลิกไป เพราะถึงจะหายป่วยใหม่ๆ แกก็จะไม่รับงาน พอดีวันที่13 กำลังพักฟื้นอยู่บ้านมีลูกค้าโทรเข้ามาจะจ้างแก แกบอกพึ่งหายป่วยขอไม่วิ่ง แต่ลูกค้าเสนอมาให้ถึงวันละ3000 นั่งไปแค่4คน แกเห็นว่าได้เยอะดีเลยรับ เพราะไปถึงกทม.ก็ค่ำแล้ว กลับตอนเช้าเลย พองเวลานัดหมาย แกก็ไปรับลูกค้า ลูกค้าควักเงินให้ก่อนเลย6000บาท พร้อมจ่ายค่าน้ำมันให้ตลอดทาง พอไปถึงกทม.ลูกค้าก็เปิดโรงแรมให้นอนด้วย แกก็ทานยาแล้วหลับถึงเช้าเลย พอตอนเช้าลูกค้าบอกจะไปรับญาติที่โรงพยาบาลแห่งนึง แกสังเกตุว่าแต่ละคนไม่ค่อยพูดจาหัวเราะอะไรกัน พอไปถึงโรงพยาบาลก็เข้าไปจอดข้างหลัง แกก็ติดเครื่องไว้เปิดกระจกแง้มไว้นิดนึง เพราะฤทธิ์ยายังค้างอยู่แกก็นั่งหลับไปในรถ สักประมาณครึ่งชั่วโมงแกก็ได้ยินเสียงลูกค้าเดินมาเปิดประตูรถแล้วขึ้นมาบนรถกันแกก็นอนต่อไม่สนใจอะไร สัก15นา่ีทีพอลูกค้าขึ้นไปหมดแกก็เห็นเหมือนมีชายคนนึงนั่งมาเพิ่มอีกนั่งหลับด้วย สงสัยจะเป็นคนป่วยลูกค้าเลยบอกกลับบ้านเลย พอออกจาก กทม มาสักพักถึงวังน้อย ก็จอดแวะทานข้าวกัน ลูกค้าก็บอกติดเครื่องไว้เลยพี่อีกคนนอนอยู่ข้างบน เปิดแอร์เย็นหน่้อย พี่เจ้าของรถแกก็รีบไปทานข้าว คือแกบอกว่าต้องทานให้เร็วกว่าลูกค้าเสมอ พอทานเสร็จแกก็มานอนเล่นบนรถ คนป่วยที่นอนอยู่ก็พูดว่าโชว์เฟอร์เหนื่อยมั้ย ทานอิ่มมั้ย พี่เจ้าของรถแกบอก ทานพออิ่มครับ ไม่ทานเยอะเดี๋ยวจะง่วง แล้วคนป่วยก็หลับต่อ สักประมาณครึ่งชั่วโมงลูกค้าที่ทานเสร็จก็มาขึ้นรถ ไม่ถามคนป่วยเลยว่าหิวมั้ยไม่พูดะไรกันเลย พอขับรถไปใกล้ถึงบ้าน ลูกค้าเลยบอกว่าให้ไปที่วัดเลยนะพี่ โชเฟอร์ก็ขับรถไปที่วัด พอไปถึงก็เหมือนมีงานอะไรสักอย่าง พอรถจอดได้ที่ ญาติพี่น้องของลูกค้าก็กรูกันมาที่รถ ต่างร้องไห้ระงม แล้วก็พยุงร่างคนป่วยลงรถไปนอนบนเตียง พี่เจ้าของรถอึ้งไปเลย สรุปที่พากลับมาไม่ใช่คนป่วย แต่เป็นคนตาย แล้วตอนทานข้าวเสร็จ พี่แกพูดกับใคร แล้วคนที่จ้างแกก็มาขอโทษที่ต้องปกปิด เพราะหารถไม่ได้เลยแล้วควักให้ทิปไปอีก1000 บาทแกรับเงินเสร็จก็ไม่พูดว่าอะไร แต่บอกว่า
อย่าไปพูดกับใครว่าจ้างรถแกก็แล้วกัน จบ.......