เรากับสามีแต่งงานมาได้ระยะหนึ่ง ช่วยกันเก็บเงิน วางแผนเกษียน ทุกอย่างดี ถึงมีปัญหาอะไรก็ช่วยกันแก้ไข ผ่านไปทีละอย่าง เราตัดสินใจร่วมกันว่าจะไม่มีลูกด้วยเหตุผลหลายอย่าง กระทั้งตอนนี้ทุกอย่างเริ่มดี สามีให้ออกจากงานเป็นแม่บ้านเต็มตัว มีเงินเดือนให้สำหรับใช้จ่ายในบ้าน พร้อมกับดูแลหมา 2 ตัวใหญ่
สุขภาพเขาไม่ดี เราขอให้เขาออกกำลังกาย ตอนแรกก็ไปเป็นเพื่อน ต่อมาเขาขอไปเองและ... เขาได้เพื่อนใหม่ เริ่ม ลืมว่ามีแรากับหมา 2 ตัวที่บ้าน เริ่มกลับดึก กลับเช้า ปาร๋ตี้ ตอนแรกเราพยายามเข้าใจนะสังคมทำงาน ขอแค่ไลน์บอกหน่อย เป็นห่วง สรุปเขากลับคิดว่าเราไปบีบบังคับ
ตอนหลังจับได้ว่ามีคุยกับสาวรุ่นน้อง....ใช่ค่ะสงกรานต์พอดี ช็อคไปเลย เขาให้เหตุผลว่า คุยกับน้องแล้วสบายใจ เราถามว่าเราผิดตรงไหน บกพร่องตรงไหน เขาบอกไม่มี เราช็อคเลยบอกเขาว่า เดี๋ยวมาและพาหมา 2 ตัว ขึ้นรถขับออกจากบ้าน ขับไปเรื่อยๆ ใจยังหวังว่าขอแค่เขาโทร หรือไลน์มาถามก็ยังดี แต่ไม่มีค่ะ ระหว่างทาง หมา 2 ตัว ผลัดกันเลียน้ำตา จนเราจอดที่ป้าย จปร. ร้องไห้จนพอ ก็ขับรถกลับบ้าน (เพราะไม่รู้จะไปไหน) 4.30 ชั่วโมง เราุถึงหมู่บ้านเพิ่มมีไลน์เด้งมา 1 ข้อความ จากน้ำตาที่แห้งไปแล้วไหนกลับมาอีก เราถามเขาว่าทำไมไม่ห่วงเหรอ เขาเงียบ.....ตอบอะไรจำไม่ได้ เราฟิวล์ขาดเขาโยนความผิดทั้งหมดมาลงที่เรา
1.เราไม่อยู่ร่วมบ้านกับแม่สามี เพราะ มีหลายอย่างเข้ากันไม่ได้ (ขนาดเขากับน้องยังไม่อยากอยู่ วีรกรรมเขามาก) แต่เราไม่กีดกัน หนี้สินก่อมาเท่าไรตามใช้ให้ เราบอกให้ซื้อบ้านใกล้ๆ จะได้ไปดูแลได้เจอกัน ไปเที่ยว ไปเยี่ยม ตอนแรกก็เข้าใจตรงกัน แต่พอทะเลาะ ทุกอกย่างเป็นเพราะเราทำให้เขาเสียใจไม่เอาแม่เขา
2.เขาบอกเราไม่สนใจบ้านเขา เลยไม่รู้สึกอะไร และเราวางเฉยจริงเราไม่อยากเจ็บปวดเพราะบ้านเขา แต่เราทำหน้าที่ของเรา ตรุษจีน วันพ่อ วันแม่ วันเกิดเรา หรือได้อะไรพิเศษ เราก็แบ่งที่บ้านเราก็ให้เขาด้วย
3.แม่เขาบอกลูกชายเจ็บขา ตอนขึ้นบันได เรารอพยุง เขาบอกไม่ต้อง แต่เอื้อมไปจับแขนพนักงาน (อันนี้เราก็หน้าชา) เราก็เดินตามหลังคอยระวังให้ เราบอกสามี เขาก็บอก แม่ก็เป็นอย่างงี้แหละ มันไม่ใช่คร้ังเดียวหรอก หลายต่อหลายครั้งแต่ไม่ได้จำ
4.เงินเก็บที่เรามีเริ่มดึงออกมาใช้ในบ้าน เพราะ คชจ.เยอะและเขาหมุนไม่ทัน และดึงไปลงกองทุนลดหย่อนของเขาหลายครั้งจนเหลิอเงินเกษียนสำหรับตัวเองน้อยมาก แต่ยังไม่ได้คิดอะไร เพราะคิดว่า ย้ายไปกองของสามีแทน
ก่อนเขาโดนออกจากงาน เรารู้ว่าเครียด เราก็เครียด เราหางานได้แล้ว แต่เขาบอกว่าไม่ต้องหรอกเงินเดือนน้อย อยู่บ้านไปเถอะ เราก็บอกเขาว่าถ้าตอนนี้เราไม่ทำอายุมากขึ้นเขาไม่รับแล้วนะ
ต่อมาโดนออกจากงาน เขาพยายามหางาน เราก็พยายามช่วยดู เขาบอกว่าไม่ต้องหรอกเดี๋ยวดูเอง เราทำได้แค่บนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอให้คนสัมภาษณ์ถูกชะตาเห็นความสามารถที่เขามี ในที่สุดเขาได้งาน เราดีใจ เราบอกเราบนไว้ด้วย เขาโกรธ หาว่าเราคิดว่าเขาได้งานเพราะสิ่งศักดิ์สิทธื์
ทะเลาะรอบที่ 2
เขาจะไปตีแบต ปกติต้องรอเราไปซื้อข้าวมาให้ เราก็รีบกลับบ้านแม่ที่ใกล้กัน พ่อกับแม่เรา พอรู้ว่าจะเอาไปให้ลูกเขย ก็รีบอุ่น รีบตัก ให้เรารอเอาไปเยอะๆเรากลับมาถึงไม่เกินครึ่งชั่วโมง เขาไม่อยู่กลับมาดึกมา เราถามกินข้าวยัง เขาตอบกินมาแล้ว ทุกอย่างมันผิดปกติ จนเขายอมรับไปกินข้าวกันสาวคนนั้น.. เราโกรธ เสียใจ มาก เหมือนเป็นคนโง่ ทั้งบ้านเราเลย เราบอกเราไม่ไหวให้บอกพ่อกับแม่เลยไหม เขาไม่เอาบอกขอเวลาจัดการความรู้สึกตัวเอง
ที่เจ็บที่สุดคือเขาบอกว่า..."จะให้ทำยังไง" เราได้ยินเสียงแตกในใจเลย
เราพยายามทำทุกอย่างให้เป็นปกติ แต่เขาก็ยังคงคุยอยู่ กระทั่ง เขานัดกันไปดูดาวที่เชียงใหม่ จะนั่งรถไฟไป แล้วกลับเครื่อง เราบอกให้ไปส่งไหมสนามบินที่จอดมันน้อย เขาเงียบไปไม่ตอบ
ต่อมาเขาไปงานวิ่งมาราธอนได้เสื้อเขารีบเอาไปอวดสาวคนนั้น พาไปกินข้าว เราบอกเราว่าไปวิ่งเดี่ยวจะกินข้าวเข้าไปเลย.... แต่คืนนั้นเราออกมาเข้าห้องน้ำหยิบเสื้อใส่ตระกร้า เสื้อไม่มีกลิ่นเหงื่อ ดูกางเกงในพบมีคราบ..... และเขาหลับอย่างสบายใจ เรานั่งนิ่งจนเช้า และพยายามสงบว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี
ทุกวันต้องกินยานอนหลับ บ้านแม่เราก็ไม่กล้าเข้าไปกลัวเขาเป็นห่วง เพราะหน้าเรามันทุกข์มาก
เมื่อคืนเราทนไม่ไหวแอบดูข้อความในมือถือ....เหมือนใครเอาน้ำเย็นๆ ราดลงมา เขาคุยกัน ตอบแชทกันตลอด มี VDO call มีถามอาการป่วยไข้ของกันแระกัน
ส่วนเราถามไป.......................ไม่อ่าน
เราถามเขาว่าเราไปด้วยได้ไหมเชียงใหม่ เขาตอบเราว่าไงเหรอ เงียบแล้วบอกว่า มันจองไปแล้ว
ตอนนี้เรากำลังคิดว่าเราน่าจะเป็นซึมเศร้าในระดับหนึ่ง มันคิดวนหาทางออกไม่ได้ มีแต่เศร้าตลอดเวลา คิดจะโทรถามน้องคนนั้นว่า ทราบไหมว่า พี่เขาแต่งงานแล้ว ดีไหม แล้วเราต้องทำยังไงต่อดี ฟ้องหย่าเลยดีไหม แล้วต้องทำยังไง
เราบอกเขาว่าเราน่าจะต้องพบจิตแพทย์ เขาก็แค่บอก เป็นเพราะเขา ปวดหัว ไม่อยากคิด...............
เราว่าเราก็พยายามประคับประคองชีวิตคู่แล้วนะ....แต่มันคงยังดีไม่พอ
ชีวิตคู่มันไม่ง่ายเลย ขอกำลังใจให้เราด้วย
สุขภาพเขาไม่ดี เราขอให้เขาออกกำลังกาย ตอนแรกก็ไปเป็นเพื่อน ต่อมาเขาขอไปเองและ... เขาได้เพื่อนใหม่ เริ่ม ลืมว่ามีแรากับหมา 2 ตัวที่บ้าน เริ่มกลับดึก กลับเช้า ปาร๋ตี้ ตอนแรกเราพยายามเข้าใจนะสังคมทำงาน ขอแค่ไลน์บอกหน่อย เป็นห่วง สรุปเขากลับคิดว่าเราไปบีบบังคับ
ตอนหลังจับได้ว่ามีคุยกับสาวรุ่นน้อง....ใช่ค่ะสงกรานต์พอดี ช็อคไปเลย เขาให้เหตุผลว่า คุยกับน้องแล้วสบายใจ เราถามว่าเราผิดตรงไหน บกพร่องตรงไหน เขาบอกไม่มี เราช็อคเลยบอกเขาว่า เดี๋ยวมาและพาหมา 2 ตัว ขึ้นรถขับออกจากบ้าน ขับไปเรื่อยๆ ใจยังหวังว่าขอแค่เขาโทร หรือไลน์มาถามก็ยังดี แต่ไม่มีค่ะ ระหว่างทาง หมา 2 ตัว ผลัดกันเลียน้ำตา จนเราจอดที่ป้าย จปร. ร้องไห้จนพอ ก็ขับรถกลับบ้าน (เพราะไม่รู้จะไปไหน) 4.30 ชั่วโมง เราุถึงหมู่บ้านเพิ่มมีไลน์เด้งมา 1 ข้อความ จากน้ำตาที่แห้งไปแล้วไหนกลับมาอีก เราถามเขาว่าทำไมไม่ห่วงเหรอ เขาเงียบ.....ตอบอะไรจำไม่ได้ เราฟิวล์ขาดเขาโยนความผิดทั้งหมดมาลงที่เรา
1.เราไม่อยู่ร่วมบ้านกับแม่สามี เพราะ มีหลายอย่างเข้ากันไม่ได้ (ขนาดเขากับน้องยังไม่อยากอยู่ วีรกรรมเขามาก) แต่เราไม่กีดกัน หนี้สินก่อมาเท่าไรตามใช้ให้ เราบอกให้ซื้อบ้านใกล้ๆ จะได้ไปดูแลได้เจอกัน ไปเที่ยว ไปเยี่ยม ตอนแรกก็เข้าใจตรงกัน แต่พอทะเลาะ ทุกอกย่างเป็นเพราะเราทำให้เขาเสียใจไม่เอาแม่เขา
2.เขาบอกเราไม่สนใจบ้านเขา เลยไม่รู้สึกอะไร และเราวางเฉยจริงเราไม่อยากเจ็บปวดเพราะบ้านเขา แต่เราทำหน้าที่ของเรา ตรุษจีน วันพ่อ วันแม่ วันเกิดเรา หรือได้อะไรพิเศษ เราก็แบ่งที่บ้านเราก็ให้เขาด้วย
3.แม่เขาบอกลูกชายเจ็บขา ตอนขึ้นบันได เรารอพยุง เขาบอกไม่ต้อง แต่เอื้อมไปจับแขนพนักงาน (อันนี้เราก็หน้าชา) เราก็เดินตามหลังคอยระวังให้ เราบอกสามี เขาก็บอก แม่ก็เป็นอย่างงี้แหละ มันไม่ใช่คร้ังเดียวหรอก หลายต่อหลายครั้งแต่ไม่ได้จำ
4.เงินเก็บที่เรามีเริ่มดึงออกมาใช้ในบ้าน เพราะ คชจ.เยอะและเขาหมุนไม่ทัน และดึงไปลงกองทุนลดหย่อนของเขาหลายครั้งจนเหลิอเงินเกษียนสำหรับตัวเองน้อยมาก แต่ยังไม่ได้คิดอะไร เพราะคิดว่า ย้ายไปกองของสามีแทน
ก่อนเขาโดนออกจากงาน เรารู้ว่าเครียด เราก็เครียด เราหางานได้แล้ว แต่เขาบอกว่าไม่ต้องหรอกเงินเดือนน้อย อยู่บ้านไปเถอะ เราก็บอกเขาว่าถ้าตอนนี้เราไม่ทำอายุมากขึ้นเขาไม่รับแล้วนะ
ต่อมาโดนออกจากงาน เขาพยายามหางาน เราก็พยายามช่วยดู เขาบอกว่าไม่ต้องหรอกเดี๋ยวดูเอง เราทำได้แค่บนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอให้คนสัมภาษณ์ถูกชะตาเห็นความสามารถที่เขามี ในที่สุดเขาได้งาน เราดีใจ เราบอกเราบนไว้ด้วย เขาโกรธ หาว่าเราคิดว่าเขาได้งานเพราะสิ่งศักดิ์สิทธื์
ทะเลาะรอบที่ 2
เขาจะไปตีแบต ปกติต้องรอเราไปซื้อข้าวมาให้ เราก็รีบกลับบ้านแม่ที่ใกล้กัน พ่อกับแม่เรา พอรู้ว่าจะเอาไปให้ลูกเขย ก็รีบอุ่น รีบตัก ให้เรารอเอาไปเยอะๆเรากลับมาถึงไม่เกินครึ่งชั่วโมง เขาไม่อยู่กลับมาดึกมา เราถามกินข้าวยัง เขาตอบกินมาแล้ว ทุกอย่างมันผิดปกติ จนเขายอมรับไปกินข้าวกันสาวคนนั้น.. เราโกรธ เสียใจ มาก เหมือนเป็นคนโง่ ทั้งบ้านเราเลย เราบอกเราไม่ไหวให้บอกพ่อกับแม่เลยไหม เขาไม่เอาบอกขอเวลาจัดการความรู้สึกตัวเอง
ที่เจ็บที่สุดคือเขาบอกว่า..."จะให้ทำยังไง" เราได้ยินเสียงแตกในใจเลย
เราพยายามทำทุกอย่างให้เป็นปกติ แต่เขาก็ยังคงคุยอยู่ กระทั่ง เขานัดกันไปดูดาวที่เชียงใหม่ จะนั่งรถไฟไป แล้วกลับเครื่อง เราบอกให้ไปส่งไหมสนามบินที่จอดมันน้อย เขาเงียบไปไม่ตอบ
ต่อมาเขาไปงานวิ่งมาราธอนได้เสื้อเขารีบเอาไปอวดสาวคนนั้น พาไปกินข้าว เราบอกเราว่าไปวิ่งเดี่ยวจะกินข้าวเข้าไปเลย.... แต่คืนนั้นเราออกมาเข้าห้องน้ำหยิบเสื้อใส่ตระกร้า เสื้อไม่มีกลิ่นเหงื่อ ดูกางเกงในพบมีคราบ..... และเขาหลับอย่างสบายใจ เรานั่งนิ่งจนเช้า และพยายามสงบว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี
ทุกวันต้องกินยานอนหลับ บ้านแม่เราก็ไม่กล้าเข้าไปกลัวเขาเป็นห่วง เพราะหน้าเรามันทุกข์มาก
เมื่อคืนเราทนไม่ไหวแอบดูข้อความในมือถือ....เหมือนใครเอาน้ำเย็นๆ ราดลงมา เขาคุยกัน ตอบแชทกันตลอด มี VDO call มีถามอาการป่วยไข้ของกันแระกัน
ส่วนเราถามไป.......................ไม่อ่าน
เราถามเขาว่าเราไปด้วยได้ไหมเชียงใหม่ เขาตอบเราว่าไงเหรอ เงียบแล้วบอกว่า มันจองไปแล้ว
ตอนนี้เรากำลังคิดว่าเราน่าจะเป็นซึมเศร้าในระดับหนึ่ง มันคิดวนหาทางออกไม่ได้ มีแต่เศร้าตลอดเวลา คิดจะโทรถามน้องคนนั้นว่า ทราบไหมว่า พี่เขาแต่งงานแล้ว ดีไหม แล้วเราต้องทำยังไงต่อดี ฟ้องหย่าเลยดีไหม แล้วต้องทำยังไง
เราบอกเขาว่าเราน่าจะต้องพบจิตแพทย์ เขาก็แค่บอก เป็นเพราะเขา ปวดหัว ไม่อยากคิด...............
เราว่าเราก็พยายามประคับประคองชีวิตคู่แล้วนะ....แต่มันคงยังดีไม่พอ