พิรุณนิรมิต บทที่ ๖

กระทู้สนทนา




บทที่ผ่านมาครับ
http://pantip.com/profile/450444

อันนี้จากห้องสมุด

http://www.hongsamut.com/readniyai.php?niyaiid=1299


บทที่ ๖
    รถกระบะสีแดงคันใหญ่เลี้ยวเข้าไปจอดบริเวณลานด้านหน้าเรือนจันทร์เจ้าขา ดนัยเตรียมเปิดประตูรถก้าวลงไปแต่ต้องชะงักทันควัน เมื่อก้องภพเอ่ยเสียงดุวางสีหน้าเข้ม เขาไม่นึกเห็นใจคนนั่งรถมาหลายชั่วโมงที่เมื่อยล้าไปทั้งตัว
    


        “รออยู่บนเนี่ยละ เฮียเข้าไปเคลียร์งานแป๊บนึง เสร็จแล้วจะออกมารับ” กล่าวจบเขาปิดประตูรถดังปัง ไม่ทันให้คนหน้าง้ำหน้างอเปิดปากแย้งสักแอะ  

    ดนัยหันหลังไปมองรุ้งพรายอย่างขอความคิดเห็น แต่อีกฝ่ายไหวไหล่น้อยๆ เหมือนจำยอมต่อสถาน
การณ์แสนน่าเบื่อ “จะบ้าตาย ทิ้งให้คนอื่นอยู่รอบนรถเนี่ยนะ เอาอะไรคิด คุณชายตุ๊กตุ่น!”

     ชายจริตหญิงแว้ดแหว คิดผิดจริงๆ ที่หวังดีต่อเพื่อนจนเกินเหตุ เมื่อเช้าเขาโทรไปลางานกะทันหัน โกหกว่าไม่สบาย ทั้งที่ในความจริงเขาอยากเดินทางมาที่เรือนจันทร์เจ้าขาเป็นเพื่อนรุ้งพราย แต่การทำดีนั้นนอกจากไม่ส่งผลบุญให้แล้ว ยังถูกตำหนิว่าเป็นตัวยุ่งคอยสร้างปัญหาอีกด้วย

    “เฮียคงรีบจริงๆ นั่นแหละ ดาด้าใจเย็นหน่อยเถอะ ไม่เหนื่อยหรือไง เหวี่ยงวีนใช้อารมณ์แรงๆ อย่างนี้” น้ำเสียงรุ้งพรายเรียบก็จริง แต่เจือความรำคาญไม่น้อย

    “ใช่สิ เป็นดาด้า ทำอะไรไม่เข้าท่าสักอย่าง รู้งี้ ไม่ตามมาให้เมื่อยร้อก เซ็งเป็นบ้า กรี๊ด!!” ดนัยอารมณ์แปรปรวนเกินกว่ารุ้งพรายจะรับมือไหว หญิงสาวยกมือกุมขมับบีบเพื่อผ่อนคลายเบาๆ ข่มกลั้นอารมณ์เอาไว้ หากต่อปากต่อคำกับเขา คงไม่เกิดผลดี จึงเลือกก้าวลงจากรถเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ

    รุ้งพรายออกแรงบิดตัวไปมา สะบัดแขนขาไล้ความเมื่อยขบ สายลมเย็นๆ พัดผ่านกาย หอบกลิ่นหอมจากดอกหลายชนิดในสวนกว้างส่งเข้าปอด สมองเลยโลดแล่น จิตใจแจ่มใส

    เธอกวาดสายตามองพื้นที่โดยรอบ สะดุดตาอาคารโบราณหลังใหญ่ เป็นส่วนผสมระหว่างเรือนไทยกับสถาปัตยกรรมตะวันตก คะเนได้ว่าเรือนโบราณน่าจะมีอายุเกือบร้อยปี หากสภาพที่เห็นไม่ได้ทรุดโทรมตามกาลเวลา     

    จริงอยู่มองเผินๆ อาจเกิดความรู้สึกลึกลับ น่ากลัว ประหนึ่งปราสาทผีสิงในหนังเขย่าขวัญ แต่สีสันจากแปลงดอกไม้ละลานตา แนวเถาไม้เลื้อยซึ่งไต่ตามผนังปูนทอดตัวตามระเบียง ทำให้เรือนจันทร์เจ้าขา มีชีวิตชีวาขึ้น “นี่น่ะเหรอ เรือนคุณชายผีดิบ…น่ากลัวเกิ๊น” เธอทำเสียงทะเล้น ใจนึกวาดภาพพิรุณพัตต์ คือชายวัยกลางคน รูปร่างอ้วนท้วน  ละม้ายผู้พันแซนเดอร์ส สวมสูทสีสันสดใส ท่าทางใจดี  ส่งเสียงหัวเราะดังกังวาน นั่งทำงานบนโต๊ะเขียนหนังสือขนาดใหญ่ ในห้องเต็มไปด้วยหนังสือมากมาย

    ด้วยทิวทัศน์โอบคลุมด้วยต้นไม้นานาพรรณ ทั้งไม้ดอก ไม้ประดับบานสะพรั่ง สิ่งเหล่านั้นเรียกเด็กหญิงตัวน้อยๆ แสนซุกซนในตัวรุ้งพรายออกไปวิ่งเล่นในทุ่งโล่งกว้าง หญิงสาวหันหลังกลับโบกไม้โบกมือให้ดนัยด้วยความรื่นเริง “ไปก่อนนะคนสวย ทำตัวน่าเบื่อนัก เฝ้ารถคนเดียวเถอะ”

    “จะไปไหนน่ะ ยัยรุ้ง วุ่นวายจริงเชียว เฮียบอกให้รออยู่ที่นี่ หยุดเลยนะ ฉันบอกให้หยุด!” ดนัยสะบัดค้อนใส่

    รุ้งพรายทำเป็นไม่ได้ยิน ส่งจูบให้เขาราวกับเป็นเด็กหญิงเล็กๆ

    “เพี้ยนกันใหญ่ทั้งพี่ทั้งน้อง ทิ้งให้ฉันอยู่คนเดียว ได้ยังไง บ้าที่สุด!” ดนัยแว้ด ครั้นขยับตัวจะก้าวไป จู่ๆ ความกลัวต่อสิ่งรอบกายก็กระโจนเข้าใส่เขาอย่างเร็ว  

    ดนัยเหลียวมองรอบกายเห็นแต่แปลงดอกไม้ ซึ่งส่งกลิ่นหอมจัดจนวิงเวียนศีรษะไปหมด ถัดไปเป็นกำแพงต้นไม้สูงสล้าง มีพุ่มไม้หนากิ่งก้านไหวลู่ตามแรงลม ชวนให้ประหวั่นใจว่าอาจมีสัตว์ร้ายแอบซุ่มอยู่

    สาเหตุที่ทำให้ดนัยคิดเป็นตุเป็นตะ เพราะนึกถึงคำพูดต่อยอด กอปรอาการคุ้มคลั่งของบุรินทร์ที่แวบเข้ามาในหัว

     ‘อย่าลงไปในหนองน้ำ ผะ ผี ระวังมันจะกินหัว!’ ปรกติดนัยแทบไม่ได้คุยกับน้องชายต่างมารดา สองสามวันก่อน เขากลับไปเยี่ยมบ้าน จู่ๆ บุรินทร์ก็พุ่งเข้าใส่ แผดเสียงลั่นจนเขาอกสั่นขวัญแขวน

    ‘พูดอะไรของแก มันบ้าขนาดนี้ ทำไมแม่ไม่จับมันส่งโรงพยาบาลไปซะ!’

    ‘กูไม่ได้บ้า!’ บุรินทร์ทำตาวาวโรจน์ เต้นเร่าๆ แสยะยิ้มกว้าง เขายกมือสองข้างเดินตรงหาดนัย

    ‘เห็นไหม มันจะฆ่าฉัน แม่ดูสิ’ ดนัยถอยกรูดเข้าไปเกาะมารดา

    ‘ระวังให้ดี มันกำลังจะเอาแกไปอยู่ด้วย ฮ่า ฮ่า ฮ่า’

    คำพูดทิ้งท้ายของบุรินทร์ ยังดังก้องในหู ดนัยเกิดภาพหลอนไม่เป็นอันทำการทำงาน พอได้รับอีเมลที่ต่อยอดส่งมาให้ ยิ่งวิตกจริตคาดคิดว่า คำสาปร้ายจากเรือนจันทร์เจ้าขากำลังไล่ล่าเอาชีวิตเขาจริงๆ

    “รุ้ง จะไปไหน รอก่อน อย่าเพิ่งไป เอ๊ะ บอกให้หยุด!” ดนัยเปิดประตูออกไป สายลมวูบใหญ่พัดผ่านร่าง เขาสั่นสะท้าน ความเย็นเยียบเกาะกุมหัวใจฉับพลัน หูแว่วได้ยินเสียงแหลมสูงหวีดหวิว

    ดนัยหดตัวกลับเข้าไปนั่งบนเบาะตามเดิม เขายื่นมือดึงประตูปิดกดปุ่มล็อกแน่นหนา ใจหนึ่งห่วงรุ้งพราย แต่ไม่รู้อะไรดลใจให้สมองสั่งการขังตัวอยู่ในรถ คงเพราะเงาสีดำที่โผล่ออกมาจากแนวพุ่มไม้นั่น!  

     “ยัยรุ้งเอ๋ย เจอดีกลางวันแสกๆ แล้ว” ดนัยพึมพำกับตัวเอง ขยี้ตาแรงๆ มองให้แน่ใจ แล้วก็ช็อกตาตั้ง

    เงาดำโปร่งแสงปรากฏห่างจากรถไม่ไกล มันค่อยๆ เคลื่อนตามรุ้งพรายไปทีละนิด

    “ระ รุ้ง...ข้างหลัง ระวัง” เขาละล่ำละลัก น้ำเสียงไม่อาจหลุดพ้นลำคอ ขยับปากจะเอ่ยสิ่งใดอีก สมองก็ขาวโพลน ไร้คำพูดหลุดรอดออกมาจากริมฝีปาก เขาตกอยู่ใต้อำนาจปีศาจร้าย!

    เงาสีดำทะมึนเคลื่อนตัวไปข้างหน้าอย่างทรงพลัง จุดหมายคือรุ้งพรายซึ่งไม่อาจล่วงรู้ชะตากรรม!

    ดนัยเบิกตาโพลง ไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นสิ่งสยองเกล้าฉายชัดเต็มสองตา  

    เงาปริศนาวูบไหวราวพายุหมุน ซ้อนทับเกาะกลุ่มกันอย่างแน่หนา เกิดความมหัศจรรย์ปนสยอง เพียงอึดใจ เงานั้นก็รวมตัวกลายเป็นบุรุษรูปร่างสูงใหญ่ ดนัยตาเหลือกค้าง เย็นเยียบจับใจ สติเขาวูบดับวินาทีนั้นเอง!  
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่