คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 8
จากการอ่านคร่าวๆ นะครับ
20 ล้านที่อยู่ในสลากออมสินและ ธกส เป็นเงิน ที่ไม่เกี่ยวกับที่จะกู้ 20 ล้านใช่หรือเปล่าครับ
หมายถึง มีหนี้บ้าน 10 ล้าน, และมีเงินสดในรูปสลาก 20 ล้าน + จะได้ดอกเบี้ยทุกปีใช่หรือเปล่าครับ หรือจะต้องรอให้ครบกำหนด 4 ปี
และยังมีรายได้อื่นๆ เพื่อมาผ่อนบ้านได้อีกใช่หรือเปล่าครับ
-----> ถ้าเป็นแบบนี้ ... คิดว่าควรบริหารจัดการเงินสด กับหนี้สิน ที่มีอยู่แล้วดีกว่า .... ไม่ควรกู้ครับ
-----> รายได้จากการลงทุนในหุ้น ไม่แน่นอน ... ความแน่นอนหมายถึงการมีรายรับอย่างต่อเนื่อง และโดยที่ราคาหุ้นไม่ต่ำกว่าทุน ... แต่รายได้จากการทำธุรกิจ แน่นอนกว่า มีระยะเวลาคืนทุนชัดเจน นั่นหมายถึงการวางแผนธุระกิจมาเป็นอย่างดี เช่น การค้าขาย ซื้อมาขายไป
-----> จากประสบการณ์ ไม่ควรบริหารเงินลงทุนให้กับผู้อื่น เพราะแรงกดดันจะแตกต่างกันกับเราลงทุนด้วยตัวเอง เช่น ซื้อ esso ที่ 5 บาท แล้วราคาขึ้นไป 10 บาท แล้วถ้ามันลงมา 5 บาท อีกครั้ง...แล้วจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเป็นพอร์ตตัวเอง ก็อาจถือได้เรื่อยๆ ... แต่ถ้าเป็นพอร์ตบริหารให้กับคนอื่นแล้ว ในทุกๆ เดือน ทุกๆ วัน เจ้าของเงินต้องการทราบว่าทำไมราคาหุ้นลง ทำไมราคาไม่ขึ้น เมื่อไหร่จะกำไร แล้วถ้า 4 ปีไปแล้วไม่กำไรละ
แล้วจะทำอย่างไร ความกดดันต่างกันเยอะ ทั้งความกดดันจากการลงทุนในตลาดหุ้น และยังมีความกดดันจากเจ้าของเงิน
-----> อนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน ตลาดหุ้นอาจขึ้นหรือลงก็ได้ หุ้นบริษัทที่ถืออาจขึ้นหรือลงก็ได้ เวลาที่ใช้ถืออาจแค่เดือนเดียวบวกเป็น 100% หรือต้องใช้เวลากว่า 5 ปี ถึงจะกำไร ... ถ้าเงิน ตปท ไม่ไหลเข้า ราคาของหุ้นทุกตัวตอนนี้จะเป็นเท่าไหร่ แล้วราคาที่ขึ้นมาใช้เวลากี่ปี...ซึ่งถ้าลงทุนเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว วันนี้ (ไม่กี่ปีที่ผ่านมา) เพิ่งจะเเห็นกำไรหลายเท่าตัว
หมายเหตุ ดอบเบี้ย 5% ของ 20 ล้าน น่าจะประมาณ 1 ล้านบาท ในปีแรกหรือเปล่าครับ
เป็นเพียงความคิดเห็นเท่านั้นนะครับ
20 ล้านที่อยู่ในสลากออมสินและ ธกส เป็นเงิน ที่ไม่เกี่ยวกับที่จะกู้ 20 ล้านใช่หรือเปล่าครับ
หมายถึง มีหนี้บ้าน 10 ล้าน, และมีเงินสดในรูปสลาก 20 ล้าน + จะได้ดอกเบี้ยทุกปีใช่หรือเปล่าครับ หรือจะต้องรอให้ครบกำหนด 4 ปี
และยังมีรายได้อื่นๆ เพื่อมาผ่อนบ้านได้อีกใช่หรือเปล่าครับ
-----> ถ้าเป็นแบบนี้ ... คิดว่าควรบริหารจัดการเงินสด กับหนี้สิน ที่มีอยู่แล้วดีกว่า .... ไม่ควรกู้ครับ
-----> รายได้จากการลงทุนในหุ้น ไม่แน่นอน ... ความแน่นอนหมายถึงการมีรายรับอย่างต่อเนื่อง และโดยที่ราคาหุ้นไม่ต่ำกว่าทุน ... แต่รายได้จากการทำธุรกิจ แน่นอนกว่า มีระยะเวลาคืนทุนชัดเจน นั่นหมายถึงการวางแผนธุระกิจมาเป็นอย่างดี เช่น การค้าขาย ซื้อมาขายไป
-----> จากประสบการณ์ ไม่ควรบริหารเงินลงทุนให้กับผู้อื่น เพราะแรงกดดันจะแตกต่างกันกับเราลงทุนด้วยตัวเอง เช่น ซื้อ esso ที่ 5 บาท แล้วราคาขึ้นไป 10 บาท แล้วถ้ามันลงมา 5 บาท อีกครั้ง...แล้วจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเป็นพอร์ตตัวเอง ก็อาจถือได้เรื่อยๆ ... แต่ถ้าเป็นพอร์ตบริหารให้กับคนอื่นแล้ว ในทุกๆ เดือน ทุกๆ วัน เจ้าของเงินต้องการทราบว่าทำไมราคาหุ้นลง ทำไมราคาไม่ขึ้น เมื่อไหร่จะกำไร แล้วถ้า 4 ปีไปแล้วไม่กำไรละ
แล้วจะทำอย่างไร ความกดดันต่างกันเยอะ ทั้งความกดดันจากการลงทุนในตลาดหุ้น และยังมีความกดดันจากเจ้าของเงิน
-----> อนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน ตลาดหุ้นอาจขึ้นหรือลงก็ได้ หุ้นบริษัทที่ถืออาจขึ้นหรือลงก็ได้ เวลาที่ใช้ถืออาจแค่เดือนเดียวบวกเป็น 100% หรือต้องใช้เวลากว่า 5 ปี ถึงจะกำไร ... ถ้าเงิน ตปท ไม่ไหลเข้า ราคาของหุ้นทุกตัวตอนนี้จะเป็นเท่าไหร่ แล้วราคาที่ขึ้นมาใช้เวลากี่ปี...ซึ่งถ้าลงทุนเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว วันนี้ (ไม่กี่ปีที่ผ่านมา) เพิ่งจะเเห็นกำไรหลายเท่าตัว
หมายเหตุ ดอบเบี้ย 5% ของ 20 ล้าน น่าจะประมาณ 1 ล้านบาท ในปีแรกหรือเปล่าครับ
เป็นเพียงความคิดเห็นเท่านั้นนะครับ
แสดงความคิดเห็น
กู้เงิน 20 ล้านดอกเบี้ย 5% เพื่อลงทุนในหุ้นเสี่ยงเกินไปไหม?
(กู้เงินจากพี่น้องของคนรู้จักเองและสามารถต่ออายุได้ถ้าจำเป็น)
โดยจะนำเงิน 10 ล้านบาทแรกไปตัดหนี้บ้านทั้งหมด
ที่เหลืออีก 10 ล้านจะนำมาลงทุนในหุ้นปันผลพื้นฐานดีถือยาว 5 ปีหรือนานกว่านั้น
เพื่อหาผลตอบแทนที่สูงกว่าไปชำระดอกเบี้ยและเงินกู้
ข้างต้นจะเป็นภาระหนี้สินแหล่งเดียวโดยต้องชำระดอกเบี่ยปีละ 1,000,000 บาท
(ภาระค่าใช้จ่ายอื่นไม่เกี่ยวข้องและไม่รวมอยู่ในนี้)
เมื่อครบกำหนดกู้ 5 ปีจะต้องหาเงินมาชำระเงินกู้ 20 ล้านเว้นแต่จะต่ออายุการกู้
รายได้จาก 2 แหล่งที่คาดว่าจะได้รับเพื่อนำเงินมาชำระค่าดอกเบี้ยและเงินต้นเมื่อครบกำหนดมีดังนี้
(รายได้นี้จะกันไว้เพื่อชำระดอกเบี้ยและเงินกู้อย่างเดียวเท่านั้น)
1. ดอกเบี้ยและเงินรางวัลจากเงินฝาก 20 ล้านในสลากออมสินและธกส. (จะครบกำหนดใน 4 ปี)
ดอกเบี้ยรับตอนครบกำหนดใน 4 ปี ประมาณปีละ 2% เป็นเงิน 400,000x4=1,600,000 บาท
เงินรางวัลขั้นต่ำที่จะได้ทุกเดือนประมาณ 30,000/เดือน = 360,000 บาทต่อปี
เงินรางวัลที่คาดว่าจะมีโอกาสถูกทุกเดือน 30,000/เดือน = 360,000 บาทต่อปี
(หากถูกรางวัลใหญ่หรือมากกว่านั้นถือเป็นโบนัสและจะนำมาลงทุนต่อในหุ้นปันผลถือยาว)
2. เงินปันผลและ Capital Gain จากการลงทุนในหุ้น 10 ล้านบาทเป็นเวลา 5 ปี
เงินปันผลประมาณ 5% คิดเป็น 500,000 บาทต่อปี
Capital Gain ปีละ 10% x 5 ปี ขายหุ้นเมื่อครบ 5 ปีคาดว่าจะได้กำไร 5 ล้านบาท
จากการคาดการณ์ข้างต้นโดยยังไม่ได้นำปัจจัยเสี่ยงใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้นมาพิจารณา
จึงขอความกรุณาจากทุกท่านที่มีความรู้และประสบการณ์ช่วยให้ความคิดเห็นและคำแนะนำด้วยค่ะ
ปัญหาที่ต้องมาตั้งกระทู้อีกประการหนึ่งก็คือคนรู้จักคนนี้จะให้ช่วยบริหารพอร์ตหุ้นให้ค่ะ
ตอนนี้ยังไม่ทราบว่าหากโครงการกู้เงินข้างต้นสามารถเดินหน้าต่อได้จริง
จะซื้อหุ้นตัวไหนเข้าพอร์ตที่น่าจะได้เงินปันผลและ Capital Gain เพียงพอกับดอกเบี้ยจ่ายเงินกู้
ขอคำแนะนำทั้งเรื่องความคุ้มค่าเรื่องการกู้เปรียบเทียบกับรายได้ที่คาดว่าจะได้รับและเรื่องหุ้นแนะนำลงทุน
และขอขอบพระคุณทุก ๆ ท่านสำหรับทุก ๆ ความคิดเห็นและคำแนะนำมา ณ โอกาสนี้ด้วยค่ะ