นโยบายคืนเงินรถคันแรกสะดุด งวด เม.ย. เหลืองบ แค่ 361 ล้าน กรมบัญชีกลางดิ้นเร่งหางบมาโปะ ส่อแววหมดท่าต้องดึงเงินคงคลัง
นายมนัส แจ่มเวหา อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมบัญชีกลางยังไม่ทราบว่าจะนำเงินจากที่ไหนมาจ่ายคืนให้กับผู้ได้สิทธิทางภาษีในโครงการรถคันแรกในเดือน เม.ย.นี้ เพราะงบประมาณที่ตั้งไว้เหลือไม่พอจ่ายให้กับผู้ซื้อแล้ว
ขณะนี้กรมบัญชีกลางอยู่ระหว่างหาเงินจากหน่วยงานต่างๆ ที่ได้ไป และไม่ได้ใช้งบ มาจ่ายให้กับผู้ที่ได้สิทธิรถคันแรกให้ได้ตามเงื่อนไขที่รัฐบาลตกลงไว้
ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2556 รัฐบาลจัดสรรงบประมาณเพื่อจ่ายคืนให้กับผู้ได้สิทธิรถคันแรกไว้แค่ 7,250 ล้านบาท ทั้งๆ ที่มีภาระที่ต้องจ่ายจริง 3.8 หมื่นล้านบาท โดยขณะนี้มีการจ่ายเงินให้ประชาชนไปแล้ว 9.92 หมื่นราย เป็นเงิน 6,889 ล้านบาท จึงเหลือเงินที่เตรียมไว้แค่ 361 ล้านบาท ไม่พอจ่ายผู้ที่ได้สิทธิรถคันแรกในเดือน เม.ย.นี้
ขณะเดียวกัน ยอดการจ่ายเงินคืนให้กับผู้ที่ได้สิทธิรถคันแรกจนถึงสิ้นปีงบประมาณ 2556 นั้น จะต้องใช้เงินอีก 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงการคลังได้เสนอรัฐบาลให้ใช้จากเงินงบกลาง แต่ฝ่ายการเมืองยังไม่ตัดสินใจ ทำให้เกิดปัญหาเงินไม่พอจ่ายคืนดังกล่าว
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กรมบัญชีกลางได้เตรียม 4 แนวทางที่จะนำเงินมาจ่าย คือ 1.ขอเบิกจากงบฉุกเฉินกลาง โดยขอเกลี่ยจากส่วนราชการที่ยังไม่ได้ใช้ 2.ขอแปรญัตติงบประมาณ 3.ใช้วิธีการกู้เงิน และแนวทางที่ 4 คือ การขอใช้เงินคงคลังที่มีอยู่ 3 แสนล้านบาท ออกมาใช้ก่อน
“ข้อสรุปเบื้องต้นกรมบัญชีกลางเห็นว่าควรดึงเงินคงคลังมาใช้ 3 หมื่นล้านบาท แต่ในปีต่อไปรัฐบาลจะต้องตั้งงบประมาณมาชดใช้ตามกฎหมาย” แหล่งข่าวเปิดเผย
ทั้งนี้ แนวคิดดังกล่าวสอดคล้องกับที่นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง ได้เตรียมแก้ปัญหาโดยจะใช้เงินคงคลังไปจ่ายคืนให้กับผู้ใช้สิทธิไปก่อนในกรณีไม่สามารถเบิกจากงบกลางได้ ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้กระทบกับนโยบายรถคันแรกของรัฐบาล
สำหรับผู้ที่ใช้สิทธิรถคันแรกมีทั้งหมด 1.25 ล้านคัน คิดเป็นเงินที่ต้องจ่ายคืน 9.1 หมื่นล้านบาท โดยจะต้องตั้งงบประมาณในปี 2557มาจ่ายอีก 6 หมื่นล้านบาท
ที่มา:
http://www.posttoday.com/%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88-%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99/212377/%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B8%84%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%99361%E0%B8%A5
รถคันแรก งบหมดแล้วจริงหรือเปล่า?????? (รถคันแรกเดี้ยงเหลือเงินจ่ายคืน361ล.)
นายมนัส แจ่มเวหา อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมบัญชีกลางยังไม่ทราบว่าจะนำเงินจากที่ไหนมาจ่ายคืนให้กับผู้ได้สิทธิทางภาษีในโครงการรถคันแรกในเดือน เม.ย.นี้ เพราะงบประมาณที่ตั้งไว้เหลือไม่พอจ่ายให้กับผู้ซื้อแล้ว
ขณะนี้กรมบัญชีกลางอยู่ระหว่างหาเงินจากหน่วยงานต่างๆ ที่ได้ไป และไม่ได้ใช้งบ มาจ่ายให้กับผู้ที่ได้สิทธิรถคันแรกให้ได้ตามเงื่อนไขที่รัฐบาลตกลงไว้
ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2556 รัฐบาลจัดสรรงบประมาณเพื่อจ่ายคืนให้กับผู้ได้สิทธิรถคันแรกไว้แค่ 7,250 ล้านบาท ทั้งๆ ที่มีภาระที่ต้องจ่ายจริง 3.8 หมื่นล้านบาท โดยขณะนี้มีการจ่ายเงินให้ประชาชนไปแล้ว 9.92 หมื่นราย เป็นเงิน 6,889 ล้านบาท จึงเหลือเงินที่เตรียมไว้แค่ 361 ล้านบาท ไม่พอจ่ายผู้ที่ได้สิทธิรถคันแรกในเดือน เม.ย.นี้
ขณะเดียวกัน ยอดการจ่ายเงินคืนให้กับผู้ที่ได้สิทธิรถคันแรกจนถึงสิ้นปีงบประมาณ 2556 นั้น จะต้องใช้เงินอีก 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงการคลังได้เสนอรัฐบาลให้ใช้จากเงินงบกลาง แต่ฝ่ายการเมืองยังไม่ตัดสินใจ ทำให้เกิดปัญหาเงินไม่พอจ่ายคืนดังกล่าว
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กรมบัญชีกลางได้เตรียม 4 แนวทางที่จะนำเงินมาจ่าย คือ 1.ขอเบิกจากงบฉุกเฉินกลาง โดยขอเกลี่ยจากส่วนราชการที่ยังไม่ได้ใช้ 2.ขอแปรญัตติงบประมาณ 3.ใช้วิธีการกู้เงิน และแนวทางที่ 4 คือ การขอใช้เงินคงคลังที่มีอยู่ 3 แสนล้านบาท ออกมาใช้ก่อน
“ข้อสรุปเบื้องต้นกรมบัญชีกลางเห็นว่าควรดึงเงินคงคลังมาใช้ 3 หมื่นล้านบาท แต่ในปีต่อไปรัฐบาลจะต้องตั้งงบประมาณมาชดใช้ตามกฎหมาย” แหล่งข่าวเปิดเผย
ทั้งนี้ แนวคิดดังกล่าวสอดคล้องกับที่นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง ได้เตรียมแก้ปัญหาโดยจะใช้เงินคงคลังไปจ่ายคืนให้กับผู้ใช้สิทธิไปก่อนในกรณีไม่สามารถเบิกจากงบกลางได้ ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้กระทบกับนโยบายรถคันแรกของรัฐบาล
สำหรับผู้ที่ใช้สิทธิรถคันแรกมีทั้งหมด 1.25 ล้านคัน คิดเป็นเงินที่ต้องจ่ายคืน 9.1 หมื่นล้านบาท โดยจะต้องตั้งงบประมาณในปี 2557มาจ่ายอีก 6 หมื่นล้านบาท
ที่มา: http://www.posttoday.com/%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88-%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99/212377/%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B8%84%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%99361%E0%B8%A5