The Light of Darkness [ บทที่ 12 ]

กระทู้สนทนา
บทที่ 1 แหวนศักดิ์สิทธิ์กับภูตวิหค http://pantip.com/topic/30132632
บทที่ 2 ลักพาตัว http://pantip.com/topic/30134184
บทที่ 3 ถ้ำหินขาว http://pantip.com/topic/30140347
บทที่ 4 หมู่บ้านมนต์ขาว http://pantip.com/topic/30158845
บทที่ 5 วิหารมนต์ขาว http://pantip.com/topic/30180375
บทที่ 6 ความทรงจำของหญิงชรา http://pantip.com/topic/30194878
บทที่ 7 บ่อน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์ http://pantip.com/topic/30200552
บทที่ 8 หลบหนีจากหมู่บ้าน http://pantip.com/topic/30207167
บทที่ 9 คำสาปของมังกรหนุ่ม http://pantip.com/topic/30237565
บทที่ 10 ภูตวิหคสาว http://pantip.com/topic/30274687
บทที่ 11 หญิงม่ายโฉมงาม http://pantip.com/topic/30294632



บทที่ 12 ดวลดาบ




ห้องพิเศษสำหรับรองรับแขกบ้านแขกเมืองคนสำคัญ ถูกจัดเตรียมไว้ให้เอดิออทพำนักอยู่ชั่วคราว รู้สึกอัศจรรย์ใจในความอลังการ ของห้องที่ประดับประดา ตกแต่งอย่างหรูหรา ไม่ต่างจากห้องบรรทมกษัตริย์ เหตุใดตัวเขาจึงได้รับเกียรติถึงเพียงนี้ ในความเงียบสงัดของราตรี เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ทำให้ความคิดของเขายุติลง

เอดิออทลุกจากเบาะเก้าอี้สีกรมท่า ปักด้วยดิ้นทองลวดลายวิจิตรตัวนั้น ดวงตาสีหม่นมองผ่านบานประตูที่เปิดอ้า เผยให้เห็นข้าหลวงวัยชราผู้หนึ่งยืนรออยู่หน้าประตูเพียงลำพัง ไม่ทันที่เอดิออทจะกล่าวคำใดออกมา ข้าหลวงชราผู้นั้นก็พูดขึ้นว่า

“เรียนท่านเอดิออท ฝ่าบาทให้ข้ามาเชิญท่านเข้าเฝ้า”

“เข้าเฝ้าในเวลาเช่นนี้น่ะหรือ?” เอดิออทมีสีหน้างงงวย

“โปรดตามข้าพเจ้ามา และกรุณารักษาความเงียบด้วย” ข้าหลวงเก่าแก่ผู้นั้น ส่งสายตาริบหรี่มาวูบหนึ่งก่อนหันหลังกลับ เดินก้าวเท้านำไปตามทางเดินทอดยาวไปจนสุด แล้วเลี้ยวขึ้นบันไดไปอย่างเงียบกริบ ราวกับการพาเขาไปเข้าเฝ้ากษัตริย์ยามนี้ ถือเป็นความลับที่ไม่ต้องการให้ใครล่วงรู้

“ท่านอยู่ที่นี่มานานแล้วหรือ?” เอดิออทเอ่ยถามขึ้นในลักษณะชวนคุย ขยับมาเดินเคียงบ่าชายชราฐานันดรสูงส่งท่าทางสุขุม

“ข้าอยู่มานานแล้ว” ข้าหลวงชราตอบ

“แล้วนานพอจะล่วงรู้ความลับของราชวงศ์นี้ทั้งหมดหรือไม่?”

ข้าหลวงผู้นั้นพูดด้วยเสียงอันเบาว่า “อยู่ในวัง จะอยู่ได้นาน ต้องรู้จักวางตนเป็นคนใบ้ หูหนวก ตาบอด ไม่รับรู้อะไรจะดีที่สุด”

เอดิออทไม่สนใจคำพูดหลบเลี่ยงเผชิญหน้านั้น ยิงคำถามนัดสองสวนไปทันทีว่า
“เกิดอะไรขึ้นเมื่อ 17 ปีก่อนในวังแห่งนี้ ตอนที่ทารกฝาแฝดกำเนิด?”

ข้าหลวงเฒ่ากลืนน้ำลายแห้งเหือดลงคอ กล่าวเสียงเครือว่า “ข้าไม่รู้อะไรทั้งสิ้น”

เอดิออทจ้องใบหน้าสีหน้าหม่นซึม เต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งวัย แลดูตายด้านปราศจากความรู้สึก ทั้งที่ภายในอกสั่นสะท้านเหมือนโดนพายุพัดกรรโชกใส่ แต่ก็พยายามสะกดเก็บอาการสงบเป็นปรกติ แล้วเดินนำหน้าต่อไปอย่างเงียบเชียบ

หน้าประตูบานใหญ่แกะสลักเป็นรูปสิงโตผงาดหันข้างแยกเขี้ยวคำรามเข้าหากัน ยามรักษาประตูเปิดประตูให้เอดิออทเข้าไปข้างใน ข้ารับใช้ทุกคนออกมาข้างนอก ประตูถูกปิดลง กษัตริย์แห่งกลามีธีสทรงประทับอยู่บนบัลลังก์ ลุกขึ้นในทันทีที่เห็นเขาเดินเข้ามาตรัสว่า

“เอดิออท รู้สึกอย่างไรที่ได้กลับบ้าน?”

เอดิออทมองไปรอบๆ ไม่สามารถจินตนาการให้ที่นี่คือบ้านได้ เพราะห่างไกลจากคำว่าบ้านที่ตนคุ้นเคยอย่างลิบลับราวกับคนละมิติ สถานที่โอ่โถงเช่นนี้ไม่ควรจะเป็นบ้านเลยสักนิด มองออกไปนอกหน้าต่างบานใหญ่ เห็นกำแพงสูงทะมึนทึน ล้อมปิดทุกทิศทางดูน่ากลัว ทหารยามเต็มกำลัง กระจายตัวอยู่ทั่ว เหมือนคุกที่ตกแต่งให้สวยหรูเสียมากกว่าเขานึกในใจ

กษัตริย์ประทับลงบนเก้าอี้สีกรมท่า ปักด้วยดิ้นทองคำขาวสีเงิน ดวงตาของพระองค์เป็นประกาย ดุจเดียวกับอัญมณีแซปไฟร์ ที่ประดับบนมงกุฏทองคำ ฝ่ามือหันไปที่เก้าอี้อีกตัว รับสั่งว่า

“นั่งลงสิ เอดิออท”

“ข้ามิบังอาจนั่งบนเก้าอี้เสมอฝ่าบาทหรอก พะยะค่ะ” เอดิออทกล่าวอย่างรู้ฐานะตนเอง

“นั่งลงเถิด ทำตัวตามสบาย เพราะที่นี่คือบ้านของเจ้า” กษัตริย์ยืนกราน

“เหตุใดท่านจึงตรัสว่า ที่นี่เป็นบ้านของข้าพเจ้า?”

กษัตริย์มองตามร่างซึ่งบัดนี้นั่งลงบนเก้าอี้เคียงข้างพระองค์ ตรัสด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “เอดิออท ยังไม่รู้หรือว่าแท้จริงเจ้าเป็นใคร”

“ข้าเป็นใคร?”

“ธีโอดอร์ฟมิได้สืบสายเลือดมาจากข้า เจ้าต่างหากเป็นโอรสที่แท้จริงของข้า”

“ข้าน่ะหรือคือโอรสแท้จริงของท่าน” เอดิออทตะลึงพรึงเพริด แทบไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน เพราะเป็นเรื่องเหลือเชื่อ เกินเลยจากความคาดหมายของเขา

“ถูกแล้ว เจ้าคือโอรสของข้า เอดิออท” กษัตริย์ยืนกรานหนักแน่น


“เรื่องราวเป็นมาอย่างไร ข้าสับสนไปหมดแล้ว สรุปมารดาของข้าแท้จริงนางคือใคร?”



พระองค์หลับตาลง จมดิ่งลงสู่ห้วงอดีตให้ความทรงจำขับกล่อมจิตใจ ก่อนจะเริ่มต้นเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีต


22ปีก่อน เทวศักราชที่ 1575 เป็นวันมหามงคลที่กษัตริย์องค์ใหม่แห่งกลามีธีสขึ้นครองราชสมบัติ พิธีเฉลิมฉลองถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ณ โรงละครแห่งเสียงเพลง โรงละครกลางแจ้งขนาดใหญ่รูปจันทร์ครึ่งดวง แวดล้อมด้วยแผ่นหินหน้าตัดเรียบไล่ระดับขึ้นไป เป็นที่นั่งสำหรับชมการแสดง ทำเลที่ตั้งอยู่บนเนินเขาลูกใหญ่ หันหน้าออกสู่ทะเล เปิดรับลมทะเลฉ่ำเย็น พลังลมสะท้อนเสียงย้อนกลับเข้ามายังผู้ชม ทำให้ได้ยินเสียงการแสดงอย่างชัดเจน นับว่าเป็นภูมิปัญญาอันชานฉลาดของชาวกลามีธีสในสมัยนั้น

มีหญิงสาวโฉมสะคราญนางหนึ่ง ปรากฏกายขึ้นอย่างลึกลับ กลางเวทีการแสดงโดยไม่มีใครล่วงรู้ว่านางเป็นใครมาจากไหน หญิงสาวผู้นั้นมีผิวขาวราวหิมะ ผมสีดำสนิท ดวงตาสีเทาหม่นงดงาม ร่ายรำอย่างแช่มช้อยตราตรึงสะกดใจพระราชาเอาไว้ นางเป็นสตรีที่สวยและมีเสน่ห์ที่สุดที่พระองค์เคยพบ พระองค์หลงรักนางทันที และได้แต่งตั้งให้นางเป็นราชินี



นัยน์นาสีหม่นงดงาม
รับดวงหน้าอันคมหวาน
เฉิดฉันปานนางธิดาอัปสร
เจ้าของเรือนกายหมดจด
พริ้มพรายคล้ายผีเสื้อราตรี
กลางแสงใต้แห่งความมืดมิด

โซ่ตรวนตรึงจิตพันธนาการ
ในอกสั่นสะเทือนสะท้าน
ทรมานปานทาสแทบขาดใจ
หากแรกพบรู้ว่านางเป็นใคร
คงไม่ปล่อยหัวใจละเมอฝัน

พิษร้ายซ่อนเร้นในรอยจูบ
ชีวิตโดนสูบหายไปครึ่งหนึ่ง
เมื่อไรหนอจะกลับคืนมา
เสียดายเป็นบุรุษอาชาไนย
ร่ำไห้ครวญคร่ำตรอมตรม
แสนขื่นขมอัปยศแก่วิญญาณ

ตั้งจิตมั่นอธิษฐานจงลืมสิ้น
ไม่ถวิลสตรีใดอีกในหล้า
ไม่สบแม้ดวงตะวันจันทรา
ดาวพราวพร่างฟ้าข้าไม่แล

ซบหน้าจมดินน้ำตารินร่วง
จะเจ็บจำคำลวงถึงภพหน้า
ไฟปรโลกผลาญสิ้นวิญญา
มิมอดม้วยรอยโศกาติดตรึง



“ข้าก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าแท้จริงนางคือใคร” เอดิออทกล่าว เมื่อเห็นกษัตริย์ร่ายกลอนยาวเหยียด ด้วยเสียงสะท้อนดังก้องเหมือนเข้าทรง


“ข้ายังไม่ได้เฉลย” พระองค์ตรัสเสียงเข้มอย่างขัดพระทัย ถอนลมหายใจผ่านพระนาสิก เมื่อเห็นเอดิออทพูดขัดอารมณ์อันอ่อนไหวลึกซึ้ง เอาแต่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดจ้องหน้า มิได้ซาบซึ้งในบทกลอน ที่กลั่นถ้อยคำออกจากเบื้องลึก ของหัวใจอันตรมตรอม ของพระองค์เลยแม้แต่น้อย

“แล้วเพราะอะไรตัวข้า กับฝาแฝดอีกคน จึงถูกแยกออกจากกันแต่แบเบาะ” เอดิออทไม่ได้อยากฟังบทกลอน เพราะนอกจากไม่ช่วยให้เข้าใจอะไรกระจ่างขึ้น แล้วยังทำให้มึนงงยิ่งกว่าเดิม เขาจะต้องการรู้ความลับที่เกิดขึ้นในอดีต ที่ถูกเก็บซ่อนมานานตลอด 17 ปีโดยเร็ว ผ่านคำบอกเล่าเท่านั้น

พระองค์เบนสายพระเนตรเหม่อลอยออกไปยังนอกหน้าต่าง มองพระจันทร์ข้างแรมสีเหลืองอ่อนบนท้องฟ้า ตรัสว่า


“ในฤดูเหมันต์อันยาวนานกว่าที่เคยในรอบหลายสิบปี ราชินีได้ให้กำเนิดโอรสฝาแฝด นางแตกต่างจากสตรีอื่น หลังคลอดไม่มีการพักฟื้นร่างกาย กลับเดินเหินได้ในทันทีอย่างน่าประหลาด ขณะก้าวเดินนั้น ก็ปรากฏแสงสีดำโอบล้อมร่างของนางเอาไว้ เมื่อนั้นข้าประจักษ์แก่ใจตนเองทันที ว่าแท้จริงนางคือราชินีแห่งเผ่ามนต์ดำ แต่ด้วยความรักจึงแกล้งทำเป็นไม่รับรู้

แต่รัชทายาทฝาแฝด คนหนึ่งนั้นเกิดมาพร้อมสัญลักษณ์สีดำ ปรากฏเด่นชัดอยู่กลางอกซ้ายเด่น เป็นสัญลักษณ์แห่งความมืด จารึกเอาไว้ในคัมภีร์โบราณ พร้อมคำพยากรณ์กล่าวไว้ว่า “บุรุษผู้เดียวในภิภพจักอุบัติมา ใต้เงาดำของราชินีแห่งความมืด แสงแห่งความมืดมิด กลับสว่างไสวเจิดจ้า สาดกระทบบัลลังก์จนสั่นคลอน”

“รัชทายาทผู้นั้นคือตัวข้าสินะ” เอดิออทวางทาบอกซ้ายซึ่งมีสัญลักษณ์ดังกล่าวปรากฏอยู่ใต้เสื้อที่สวมปิด


พระองค์นิ่งเงียบไป ราวกับบังเกิดความลังเลใจที่จะกล่าวต่อ ใบหน้าเครียดขรึมฉายแววระทดมัวหม่นลง แล้วจึงตรัสต่อด้วยน้ำเสียงเพียงครึ่งเดียวในลำคอว่า

“ระหว่างนั้นเกิดการถกเถียงกันอย่างรุนแรง เสียงข้างมากมีความเห็นว่า สมควรปลงชีพรัชทายาท ผู้มีเลือดที่ไม่บริสุทธิ์ ก่อนที่เรื่องจะบานปลาย ทำให้ความมั่นคงของราชวงศ์สั่นคลอน ดั่งคำพยากรณ์”

ในคืนนั้นที่พระจันทร์เป็นสีแดงฉาน ราชินีพาโอรสเพียงองค์เดียวผู้ได้เลือดของนาง หลบหนีไปจากปราสาทอย่างเงียบเชียบ แต่ก็ไม่รอดพ้นสายตาของทหารยาม เข้าสกัดขัดขวางการหลบหนีของนางเอาไว้  อัศวินองครักษ์ประจำพระองค์เข้าไปประชิดตัวนาง ช่วงชิงโอรสมาจากนางได้ แต่กลับถูกพลังมนต์ดำร้ายกาจของนางทำร้ายจนบาดเจ็บ

แล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็บังเกิดขึ้นแก่สายตาทุกคู่ที่อยู่ตรงนั้น นกสีดำที่เกาะอยู่บนไหล่ซ้ายของราชินี กลายร่างเป็นภูตวิหคหนุ่มร่างทะมึน ชั่วพริบตาเดียว มันโฉบอย่างรวดเร็วจิกกงเล็บคม ทะลวงทิ่มดวงตาของทุกคนที่เข้าสะกัดขัดขวาง องครักษ์ที่อุ้มรัชทายาทเอาไว้ เข่าอ่อนทรุดฮวบลงไปกับกองพื้นหญ้า มองเห็นใบหน้าเบื้อนเลือดของเขา เบ้าตาข้างขวา ถูกควักออกจนกลวงโบ๋ ลูกตาขาวกระเด็นไปกลิ้งกลอกอยู่กับพื้น ที่กระเซ็นสาดด้วยเลือดแดงสด แสงจันทร์ในคืนดังกล่าว ส่องกระทบพื้นหญ้า ระบายฉาบทาด้วยเลือด ยิ่งเพิ่มความแดงจ้า น่าสยดสยองเป็นเท่าทวี

ในราตรีอันโชกเลือด เจ้าชายธีโอดอร์ฟปรากฏกายขึ้น พร้อมกับดาบคมวาวในมือ เข้ามาสกัดขวางก่อนทันที ก่อนที่วิหคหนุ่มตนนั้น จะมาชิงตัวรัชทายาทไป ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าชายวัย 10 ปีเศษผู้นั้น จะจุดแสงแห่งความหวังอันริบหรี่ให้สว่างขึ้นมาได้ เขาเผชิญหน้ากับปิศาจตนนั้นอย่างไม่หวาดหวั่น พุ่งตัวเข้าใส่ฟาดฟันไม่ยั้ง ภูตวิหคดำตนนั้นเจ็บสะดุ้งถอยหนี อาศัยจังหวะชั่วเสี้ยววินาที ท่ามกลางความเป็นความตาย เจ้าชายอุ้มทารกขึ้นมา แล้วพาหลบหนีไปในความมืดมิด

[มีต่อ]
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่