The Light of Darkness บทที่ 1

กระทู้คำถาม
“อภิเษกสมรส” องค์หญิงกล่าวทีละคำทวนย้ำ “กับพี่ชายของหม่อมฉันเองน่ะหรือเพคะ?”

“ใช่ ข้าจะให้เจ้าสองคนพี่น้องอภิเษกสมรสกัน” ชายฉกรรจ์ผู้มีเกษาสีดุจรวงข้าวอร่ามทองทั้งศรีษะ สวมมงกุฏทองคำประดับเพชรพลอยระยับรับสั่ง ดังชัดเจนกลบเสียงอื่นใดจนหมดสิ้นในความรู้สึกขององค์หญิง

“แต่ว่า..”เสียงของเธอสั่นเครือในลำคอ “ราชวงศ์แต่ในอดีตมา ไม่เคยมีการสมรสกันระหว่างพี่น้อง หม่อมฉันไม่เคยมีความคิดเช่นนั้นเลยจนกระทั่งเสด็จพ่อตรัส”

พระราชามองสบตากับบุตรชายซึ่งเป็นพี่ชายของเธอด้วยแววตาเป็นปริศนา เสียงของพระองค์แผ่วต่ำเท่าเสียงกระซิบ “สายเลือดเกี่ยวพันธ์เป็นเพียงสายใยสมมุติ”
ทว่าองค์หญิงไร้เดียงสาเกินกว่าจะจับพิรุธอันใด และตกใจจนนึกอะไรไม่ออก

“เจ้าชายธีโอดอร์ฟ ต่อไปนี้จงทำหน้าที่เป็นทั้งพี่ชาย และสามีที่ดีขององค์หญิงฟาลเนีย ปกครองบัลลังก์แทนข้าให้ดี เจ้าทั้งสองเหมาะสมกันในทุกสิ่ง ราวกับเกิดมาเพื่อมิให้สิ่งใดมาพรากเจ้าจากกัน เจ้าจะปกป้องดูแลฟาลเนียด้วยชีวิตของเจ้า รับปากข้าได้มั้ยบุตรชายข้า?”

บุรุษผมสีบลอนด์สว่าง ผิวหน้าเรี่ยมเกรียมไอแดด สีทองดุจรูปหล่อสัมฤทธิ์ของเทพบุตร ยืนเคียงข้างตัวตรงสง่างาม องค์หญิงหันไปสบตาสีเขียวมรกตคู่นั้น ด้วยแววระริกสั่น

“ข้ารับปาก” เจ้าชายหนุ่มตรัส



องค์หญิงทอดสายตามองดวงจันทร์จากระเบียงปราสาท ทอแสงกระจ่างกลางฟ้ามืดมิดไร้ดาว วงแหวนสีจางกลืนกินความมืดมิดรอบๆเป็นวงกลม ส่วนที่เหลือคือความมืดอันไร้ขอบเขต ทิ้งตัวปกคลุมทั่วบริเวณด้านนอก

“ข้ารักและศรัทธาธีโอดอร์ฟในฐานะพี่ชายตลอดมา ไม่คิดว่าเราจะต้องแต่งงานกัน” องค์หญิงรำพึงกับตนเองพร้อมทั้งถอนหายใจ ลมดึกเป่าขนตาระริกไหว เส้นผมสีเพลิงถักเป็นเปียยาวจรดเอวปลิวไปตามทิศทางลม “ไม่เข้าใจเลยว่าเสด็จพ่อคิดอะไร จึงให้ลูกทั้งสองซึ่งเป็นพี่น้องแต่งงานกัน การกระทำวิปริตผิดประเพณีเช่นนั้น พระองค์เสียสติไปแล้วรึ”

แม้ในความมืดสนิทแต่ใบหน้าเหมือนเทพบุตรนั้นก็ปรากฏชัดในมโนนึก ใบหน้าของพี่ชายที่เฝ้ามองดูอยู่ไม่ห่าง

“สายตาของท่านพี่ขณะมองดูข้าอ่อนโยนทว่าเยือกเย็น สงบนิ่งแต่ลึ้งซึ้งเกินกว่าจะคาดเดา ไม่สามารถอ่านออกเลย เมื่อสบสายตาคู่นั้นเข้า ใจข้าก็ปั่นป่วนอย่างไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน”

ขณะนั้นเององค์หญิงไม่รู้เลยว่ามีตาคู่หนึ่งคอยจ้องดูเธออยู่ไม่ห่าง ปีกสีขาวพิสุทธิ์โบกกระพือพาร่างปกคลุมด้วยขนขาวโพลน บินโฉบลงมาเกาะตรงขอบระเบียงที่เธอยืนอยู่ตามลำพัง มีแหวนสีขาวหนึ่งวงคาบเอาไว้ด้วยจงอยปากแหลมงุ้ม เผชิญหน้ากับมนุษย์ที่ยืนห่างออกไปเพียงก้าวเดียว

องค์หญิงหยุดความคิดโลดแล่นชั่วขณะ สนใจค้นหาสิ่งที่อยู่ตรงหน้าด้วยสายตาของตนเองในทันที ประหลาดล้ำนกอะไรไม่เคยพบ มันโฉบลงมาตะครุบข้อแขน ที่ยกขึ้นป้องกันตัวเองโดยอัตโนมัติ คาบเอาแหวนวงนั้นมาสวมให้ที่นิ้วเรียวงาม แล้วบินอ้อมมาเกาะบนไหล่ของเธอ

ดวงตาสีน้ำเงินเข้มพินิจมองแหวนขาวขุ่นบนนิ้วนางข้างซ้าย สะท้อนแสงจันทร์ส่งประกายคล้ายผลึกหิน งดงามแตกต่างจากแหวนทุกวงที่เคยเห็น

“องค์หญิง..”เสียงประหลาดแว่วกระทบโสต ท่ามกลางความสงัดเงียบเป็นดุษณีภาพ
เหมือนเสียงระฆังปลุกให้ตื่นจากภวังค์ หล่อนสลัดความคิดทิ้งไป คิดว่าโสตประสาทของตนคงทำงานผิดเพี้ยน

“องค์หญิงได้ยินข้าหรือไม่” เสียงเดิมที่ได้ยินเมื่อครู่พูดกับเธอชัดเจน
องค์หญิง มองดูนกที่เกาะบนไหล่ด้วยตาเบิกกว้าง

“เจ้าพูดกับข้ารึ?” ผู้สวมแหวนอยู่ถามขึ้นอย่างไม่มั่นใจว่าความคิดและประสาทสัมผัส กำลังเล่นกลหลอกตนเองอยู่หรือเปล่า

“ใช่ ข้ากำลังพูดกับท่าน” นกตัวนั้นสื่อสารกับหล่อนในความคิด "องค์หญิงมีพลังพิเศษที่ช่วยข้าได้
ท่านเท่านั้นที่สามารถปลดปล่อยข้าให้เป็นอิสระจากโซ่ตรวนที่มองไม่เห็นด้วยตา  ขนปีกพิสุทธิ์ดุจจันทร์ทรา แท้จริงดำมืดมิดดุจราตรี แสงจันทร์ปกคลุมเงามืด ต้องอาศัยแสงทิวาที่สว่างยิ่งกว่า ทำให้แสงจันท์จางหายไป ดึงพลังที่ซ่อนอยู่ออกมา ด้วยอำนาจแห่งแหวน องค์หญิงคือผู้เดียวที่สามารถช่วยให้ข้าคืนร่างแท้จริง”

องค์หญิงไม่เข้าใจในสิ่งที่ได้ยิน และไม่รู้ว่าตนเองกำลังทำอะไร คล้ายตกอยู่ในมนตร์สะกดให้ทำตามอย่างว่าง่ายทุกประการ องค์หญิงวางมือข้างที่สวมแหวนบนปีกอันอ่อนนุ่มพึมพำอะไรบางอย่าง
เกิดดวงแสงสว่างจ้าพวยพุ่งเข้าไปในแหวน องค์หญิงเข่าอ่อนทรุดฮวบล้มลงหมดสติพื้นหินเย็นเฉียบ

แสงจันทร์สาดลงมากระทบผิวกายสีนิลของบุรุษผู้มีปีกนกอันดำขลับ  หูแหลมเหมือนภูติ จมูกแหลมรับกับใบหน้ายาวเรียว ผมดำยาวสยายเหยียดตรง รอยยิ้มลึกลับปรากฏบนริมฝีปากบางเฉียบแย้มยิ้มมีเลศนัย ย่อกายลงลูบไล้ลำคออันผุดผาดขององค์หญิงพร้อมกับกระซิบ
“ในที่สุดก็หาตัวพบ องค์หญิงฟาลเนีย ของขวัญจากพระเจ้า หารู้ไม่ว่าแท้จริงตนเป็นใคร”
ปิศาจหนุ่มหัวเราะเยือกเย็น ช้อนร่างมาอุ้มไว้แนบกาย ใบหน้าของนางเหมือนตุกตากระเบื้อง ดวงตาปิดพริ้ม ขนตางอนยาว แก้มแดงเรื่อกลายเป็นขาวซีด แต่ริมฝีปากเผยอนิดเป็นสีกลีบกุหลาบ  แล้วปิศาจหนุ่มก็พาร่างไร้สติสัมปชัญญะโผบินไปจากปราสาทสู่ท้องฟ้ามืดมิด





ในโรงครัวหน้าเตาอบขนมปัง นางกำนัลวัยสาวสามนางกำลังจับกลุ่มคุยกัน

“รู้มั้ยว่าเจ้าชายธีโอดอร์ฟจะอภิเษกสมรสกับองค์หญิงฟาลเนีย ได้ยินเพิ่งเมื่อวานนี้เลยนะ ให้ตายสิ หัวใจข้าน่ะแทบสลายเมื่อได้รู้ข่าวนี้” นางกำนัลคนแรกบอกทุกคน

“โอ้ เจ้าชายธีโอดอร์ฟ ผู้ได้รับการขนานามว่าเจ้าชายอัศวิน ทรงมีรูปโฉมงามสง่าไม่ด้อยไปกว่าเทพบุตร ทั้งความสามารถในการฟันดาบ และยิ่งธนูก็เป็นที่หนึ่งในแคว้นนี้ ไม่มีหญิงสาวคนใดที่ไม่ใฝ่ฝันถึงพระองค์ แล้วนี่พระองค์กำลังจะทำฝันของหญิงสาวสลาย ด้วยการอภิเษกสมรสกับน้องสาว!” นางกำนัลคนที่สองตัดพ้อ

“ทั้งสองเกิดปีเดียวกันแต่ต่างรอบ ไม่ห่างกันเยอะไปหน่อยหรือไง” นางกำนัลคนที่สามพูดด้วยความอิจฉา

“ว่าแต่ ข้าได้กลิ่นขนมปังไหม้”

“อุ๊ย ตายแล้วเร็ว รีบเอาขนมปังออกจากเตาอบสิ  มัวแต่ยืนนินทาเจ้านายอยู่ได้พวกหล่อนนี่”


นางกำนัลในชุดสีฟ้าสดใสเหมือนท้องฟ้าของเช้าวันใหม่ เดินส่ายสะโพกมือถือถาดใส่ขนมปังอบใหม่(เกือบไหม้) จากโรงครัวชั้นใต้ดินขึ้นบรรไดไปสู่ตำหนักปีกซ้ายของปราสาท ปรายตาจับผิดกวาดมองดอกไม้ทุกดอกชูช่ออวดสีสันแข่งกันบานในแจกัน เรียงแถวเว้นช่วงทุกๆระยะสองก้าวตลอดสองฝั่งเรียบทางเดินที่ปูลาดด้วยพรมแดง กลีบของมันเงาวับราวกับพลาสติก ทุกดอกไร้ที่ติไม่มีสักดอกเดียวเหียวเฉา ทุกสิ่งทุกอย่างในพระราชวังแห่งนี้ล้วนไม่(ได้รับอนุญาติให้)มีสิ่งใดไม่งดงามสมบูรณ์แบบปรากฏให้เห็น
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้น นางกำนัลยืนก้มหน้านิ่งรออยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับจากด้านในของห้องบรรทม นางเคาะประตูอีกครั้งหนึ่งให้ดังขึ้นเพียงเล็กน้อย แล้วแนบหูฟังในความเงียบ แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงเสียงขานรับสดใสทันใดเช่นเดียวกับทุกวัน นางยืนรอรีอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะตัดสินใจแง้มประตูพิสูจน์ดู

เสียงถ้วยตกแตกดังพร้อมกับเสียงตะโกนร้อง นางกำนัลสาวกระวีกระวาดวิ่งลงมาแทบกลิ้งตกบรรได
"องค์หญิงหายตัวไป ช่วยกันหาองค์หญิงเร็ว"



“ว่าไงนะ น้องสาวของเราหายตัวไป”  เจ้าชายธีโอดอร์ฟตรัสด้วยความประหลาดใจ

“น่าแปลกองค์หญิงจะหายไปชั่วข้ามคืนได้อย่างไร ไม่ปรากฏวี่แววบุคคลใดเข้าออกตลอดทั้งคืน ภายในวังแห่งนี้มีกฏเข้มงวดอยู่ กำแพงสูงใหญ่ราวกับขุนเขาขวางกั้น อีกทั้งยังมีผู้คุมหนาแน่นประจำประตูทั้งสี่ทิศมิให้ผู้ใดเข้าออกแต่โดยง่าย มนุษย์เดินดินธรรมดาไม่สามารถหลุดรอดออกไปโดยไร้การรู้เห็นของบุคคลเหล่านั้นเป็นแน่”
โดยไม่รอช้าเจ้าชายอัศวินก็สั่งให้คนนำม้าฝีเท้าเร็วที่สุดมาเพื่อจะออกตามหาด้วยพระองค์เอง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่