เรื่อง เทวดากบ ( มัณฑูกเทวปุตตวิมาน )



เรื่อง เทวดากบ  ( มัณฑูกเทวปุตตวิมาน )

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงเป็นบรมครูของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ผู้ทรงแสดงธรรมอันลึกซึ้งด้วยพระมหากรุณาไม่มีประมาณ เพื่อโปรดสัตว์ให้หลุดพ้นจากวัฏสงสารอันเวียนว่ายอยู่ไม่รู้จบ.

.

เรื่อง “มัณฑูกเทวปุตตวิมาน” นี้ เป็นหนึ่งในวิมานวัตถุซึ่งแสดงให้เห็นผลแห่งบุญแม้เพียงเล็กน้อย แต่มีอานุภาพยิ่งใหญ่เกินคาด เป็นเรื่องของกบตัวหนึ่งที่ได้ฟังพระธรรมจากพระโอษฐ์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพียงชั่วครู่ แต่ด้วยจิตเลื่อมใสในขณะนั้น จึงได้บังเกิดในเทวโลก มีวิมานทองกว้างถึงสิบสองโยชน์ และมีเทพอัปสรแวดล้อมอยู่เป็นอันมาก.

.

เหตุการณ์เริ่มขึ้นเมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ริมฝั่งสระโบกขรณี ชื่อคัคครา ใกล้นครจัมปา พระองค์ทรงเข้าสมาบัติแห่งมหากรุณา แล้วทรงเห็นด้วยพระญาณว่า เย็นวันนี้ กบตัวหนึ่งจะถือนิมิตในเสียงธรรมของพระองค์ แล้วตายเพราะคนเลี้ยงโค และจักไปบังเกิดในเทวโลกเพื่อเป็นเหตุแห่งการตรัสรู้ธรรมของหมู่ชน.

.

ในยามค่ำ พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมด้วยพระสุรเสียงไพเราะประดุจเสียงพรหม ขณะนั้นกบตัวหนึ่งนอนอยู่ท้ายบริษัท ฟังพระธรรมด้วยใจเลื่อมใสโดยถือนิมิตในเสียงนั้นว่า “นี้เรียกว่าธรรม” แต่คนเลี้ยงโคผู้หนึ่งมิทันเห็น จึงปักไม้ลงบนหัวกบจนตาย กบจึงสิ้นชีวิตพร้อมจิตอันประกอบด้วยศรัทธาแรงกล้า.

.

ด้วยอำนาจแห่งจิตศรัทธานั้นเอง ทำให้กบไปบังเกิดเป็นเทพบุตรผู้รุ่งเรืองด้วยรัศมีและวิมานอันงดงาม ครั้นระลึกชาติได้จึงมานมัสการพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วกราบทูลเล่าถึงกรรมอันเป็นเหตุแห่งสมบัตินี้ พระองค์จึงทรงตรัสแสดงธรรมแก่เทพบุตรและบริษัทที่มาประชุมอยู่.

.

ในที่สุด เทพบุตรนั้นบรรลุโสดาปัตติผล ส่วนสัตว์ทั้งหลายที่ฟังธรรมในวันนั้นถึงแปดหมื่นสี่พัน ก็ได้บรรลุธรรมตามสมควรแก่ภูมิของตน เป็นอันสิ้นสงสารในเบื้องหน้า. เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่า แม้เพียงจิตเลื่อมใสชั่วครู่หนึ่งในธรรมของพระพุทธองค์ ก็สามารถเป็นเหตุให้พ้นจากอบายและถึงสุคติได้.

.

เพราะฉะนั้น ผู้ฟังธรรมทั้งหลายจึงพึงตั้งจิตไว้ด้วยศรัทธาเลื่อมใส แม้เพียงชั่วขณะ ก็สามารถเป็น “เหตุแห่งความสุขอันไพบูลย์” ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า ดังที่กบผู้มีจิตศรัทธาเพียงครู่เดียว กลับได้วิมานทิพย์ในสวรรค์อันสูงสุด.

.

____________________
[ มัณฑุกเทวปุตตวิมาน ว่าด้วยบุญกรรมของมัณฑุกเทพบุตร พระผู้มีพระภาคตรัสถามมัณฑุกเทพบุตรว่า [๕๑]  ใครมีวรรณะงามยิ่งนัก รุ่งเรืองด้วยฤทธิ์และยศ ยังทิศทั้งปวงให้สว่าง ไสว ไหว้เท้าทั้งสองของเราอยู่? มัณฑุกเทพบุตรกราบทูลว่า เมื่อชาติก่อน ข้าพระองค์เป็นกบเที่ยวหาอาหารอยู่ในน้ำ เมื่อข้าพระองค์ กำลังฟังธรรมของพระองค์อยู่ คนเลี้ยงโคได้ฆ่าข้าพระองค์ ขอพระองค์ ทรงดูฤทธิ์ ยศ อานุภาพ ผิวพรรณและความรุ่งเรืองของข้าพระองค์ ผู้มีจิตเลื่อมใสครู่หนึ่งเท่านั้น ข้าแต่พระโคดม ก็ผู้ใดได้ฟังธรรมของ พระองค์สิ้นกาลนาน ผู้นั้นพึงได้บรรลุนิพพานอันเป็นฐานะไม่หวั่นไหว เป็นสถานที่ที่ไปแล้วไม่เศร้าโศกเป็นแน่. จบมัณฑุกเทวปุตตวิมานที่ ๑. ]
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่