กลุ้่มใจกับปัญหาครอบครัวของสามีค่ะ

ครอบครัวสามีเรา มีกันทั้งหมด 3 คน มีแม่สามี สามีเรา และน้องชายสามี เพราะพ่อสามีเสียชีวิตไปตั้งแต่สามีเราเด็ก ๆ โดยตอนนั้นทางคุณย่าของสามีจะเอาสามีเรามาเลี้ยง แต่แม่ไม่ยอม จะเลี้ยงไว้เอง แต่ให้ทางย่ากับอาเป็นคนส่งเสียค่าเลี้ยงดูต่าง ๆ ของสามีและน้องชายค่ะ

บ้านย่าอยู่ต่างจังหวัด แต่พ่อแม่สามีย้ายขึ้นมาทำงานกรุงเทพฯ เพราะฉะนั้นสามีเราตอนเด็ก ๆ จะได้กลับไปเยี่ยมไปอยู่กับย่ากับอา แค่ตอนปิดเทอม เวลาอยู่บ้านย่า อาก็จะสอนให้หลาน ๆ รู้จักคุณค่าของเงิน ให้ช่วยทำงานขายของที่ร้าน แต่แม่สามีกลัวลูกลำบาก เค้าเลี้ยงลูกค่อนข้างสปอยล์ ให้ลูกกลับไปอยู่บ้านย่าแค่ 2 อาทิตย์ ก็หาเรื่องจะเอากลับกรุงเทพฯ บอกว่าต้องเรียนพิเศษ

เหตุการณ์มันก็เป็นแบบนี้มาเกือบ 30 ปี แม่สามีก็เลี้ยงดูตามแบบของเขา คือ ตามใจ โอ๋ลูก ใช้เงินฟุ่มเฟือย เพราะแม่เค้าเป็นข้าราชการ บ้านไม่ต้องเช่า เพราะเป็นบ้านที่ปู่กับย่าซื้อให้เป็นของขวัญแต่งงาน ค่าเทอมย่าก็สั่งให้อาเป็นคนส่งเสียตั้งแต่อนุบาล - ป.ตรี แถมใบเสร็จค่าเทอม แม่สามีเอาไปเบิกหลวงได้อีก (เอาเข้ากระเป๋าตัวเอง) ค่าใช้จ่ายที่แม่เค้าต้องรับผิดชอบ ก็มีแค่ ค่าำน้ำ -ไฟ ค่าอาหาร ค่าใช้จ่ายภายในบ้าน ก็เข้าใจว่าเป็นข้าราชการเงินเดือนน้อย แต่ตอนเราคบกับสามีเรา ตอนนั้นแม่เค้า C7 แล้วนะคะ เคยแอบเห็นยอดเงินเดือนเค้าประมาณ 3 หมื่นกว่าบาท (เมื่อ 6 - 7 ปีก่อน)

การเลี้ยงดูลูกของแม่สามีที่ตามใจลูกมาก ๆ งานบ้านทุกอย่างไม่ยอมให้ลูกแตะเลย ทั้ง ๆ ที่แม่ก็ไปทำงานไกลบ้านเหมือนกัน แทนที่จะสอนให้ลูกรู้จักช่วยงานบ้าน ถึงจะเป็นลูกชายทั้งคู่ก็เถอะ แต่เปล่าเลย เลี้ยงลูกเหมือนไข่ในหินมาก ๆ กินข้าวก็ตักข้าวให้ ซื้อก๋วยเตี๋ยวมาก็เทให้ ลูกกินเสร็จก็เอาจานชามหยิบไปล้างให้ ลูกไม่ต้องขยับตัวเลย

ด้วยเหตุนี้ แรก ๆ ที่คบกับสามี เค้าก็จะนิสัยเสียอยู่บ้าง เพราะเคยตัวที่แม่เค้าปรนิบัติให้มาตลอด คบกันตั้งหลายปี กว่าจะดัดนิสัยสามีได้ (เดี๋ยวนี้น่ารักขึ้นเยอะ ทำงานบ้านก็เก่งมาก กวาดบ้าน ถูบ้าน ล้างจาน ขัดห้องน้ำ ตากผ้า ซึ่งเมื่อก่อนตอนอยู่กับแม่ ไม่มีทำไรสักอย่าง)

แต่น้องชายสามีนี่สิ ตรงข้ามกับสามีเรามาก ๆ ตั้งแต่เด็กแล้ว หน้าตาก็ไม่เหมือนกัน นิสัยก็ไม่เหมือนกัน สามีเราเรียบร้อย เงียบ ๆ ไม่ค่อยพูด อัธยาศัยไม่ค่อยดี คือจะคุยไม่เก่ง ถ้าไม่รู้จักก็ไม่คุย แต่ถ้ารู้จักก็คุยบ้าง แต่คุยไม่เก่ง เด็ก ๆ บอกจะชอบตื่นเช้า ๆ รีบไปโรงเรียน รถเมล์คนจะได้ไม่เยอะ ชอบเล่นกีฬา ไม่สูบบุหรี่ เรียนหนังสือปานกลาง คือ หัวค่อนข้างดีแต่ขี้เกียจ
ส่วนน้องชายเค้า เกเร พูดเก่ง อัธยาศัยดี ชอบคุยกับคนแปลกหน้า ไม่ชอบเรียนหนังสือ นอนตื่นสาย ไม่ยอมไปโรงเรียน ไม่เล่นกีฬา กินเหล้าสูบบุหรี่

เราก็ งง มาก ว่าทำไมลูก 2 คน ถึงได้นิสัยแตกต่างกันเช่นนี้

พอถึงวัยทำงาน สามีเราก็ทำงานปกติ เงินเดือนก็กลาง ๆ ไม่ได้เยอะมากมายเป็นแสน แต่ก็ไม่ได้น้อยนิดอะไร คือ ผ่อนบ้านได้ และสามารถเลี้ยงดูครอบครัวได้สบาย ๆ แต่น้องชายเค้ากลับไม่ยอมทำงาน ทำที่ไหนก็ได้ไม่เกิน 1 อาิทิตย์ ก็ลาออก ไม่ก็โดนไล่ออก แต่ก่อนหน้านี้ ตอนน้องเค้าจบใหม่ ๆ หางานทำไม่ได้ ระหว่างรองาน ขอแม่ไปทำพาร์ตไทม์ร้านสะดวกซื้อ แม่ก็ไม่ยอม บอกว่าอายคนแถวบ้าน คือแม่เค้าชอบไปคุยโม้โอ้อวดลูกกันในซอยค่ะ

เวลาผ่านไป นี่น้องสามีอายุ 30 แล้ว แต่ก็ยังไม่มีงานทำ ขอเงินแม่ใช้ทุกวัน สามีก็ทะเลาะกับแม่บ่อย บอกว่า ก็แม่ให้เงินใช้ทุกวัน ให้เงินซื้อเหล้าซื้อเบียร์กิน ซื้อบุหรี่สูบ ใครมันจะอยากลำบากทำงาน ไม่ต้องทำก็มีเงินกินเงินใช้ แม่สามีก็โวยวายด่าสามีเราเลยค่ะ บอกว่า "เมิงยังไม่มีลูก เมิงไม่รู้หรอก ไม่ให้เงินมันแล้วมันจะอยู่ยังไง" อะไรประมาณนี้ หลัง ๆ สามีเราก็จะไม่ยุ่ง

อ่อ...สามีกับเรา แต่งงานแล้วแยกบ้านออกมาอยู่กันเอง ก่อนแต่ง 2 ปี พอดีสามีเรามีปัญหากับน้องชายเค้า คือแบบว่า นอน ๆ อยู่ น้องก็วิ่งมาต่อย ๆ ๆ ๆ จนสามีเราหน้าบวมเลย อยู่ ๆ ก็คลุ้มคลั่ง ไล่พี่ออกจากบ้าน จนสามีเราต้องหนีออกมาเช่าหออยู่ ตอนนั้นเราก็สงสัยว่าน้องเค้าเป็นอะไร เมายาหรือป่าว ก็ไม่กล้าพูดไป น้องใครใครก็รัก แต่เราก็ว่าน้องเค้ามีอาการแปลก ๆ หลายอย่าง เวลาที่เจอกัน บางครั้งก็ดี๊ดี บางครั้งก็เหมือนผีบ้า ตาขวาง ๆ

พอสามีเราออกมาอยู่หอ แต่น้องสามีเค้าไม่รู้นะว่าพี่ชายเค้าไปอยู่ไหน เวลาเจอกันเค้าก็เฉย ๆ ไม่ถามไถ่ว่าพี่ไปอยู่ไหนเป็นยังไงบ้าง แต่เค้าดูอารมณ์ดีที่ไม่มีพี่ชายอยู่ขวางหูขวางตา เพราะบางครั้งเวลาน้องเค้าขอเงินแม่ สามีเราอยู่ด้วยก็จะบ่น ๆ พอสามีเราไม่อยู่ เค้าก็ขอเงินแม่ได้อย่างสบาย ๆ เพราะแม่ให้ตลอด สุดท้ายสามีเราคิดแล้วว่าคงไม่กลับไปอยู่บ้านแน่ ๆ เลยไปซื้อบ้าน เพราะกะแต่งงานแล้วแยกออกมาอยู่กันเอง

พอจะแต่งงาน เรากับสามีก็ได้ทางคุณอาเป็นผู้ใหญ่และจัดการให้ทุกอย่าง (คุณย่าเสียไปแล้ว) เพราะถ้าไม่มีคุณอา เราก็คงไม่ได้แต่ง เพราะสามีเคยพูดกับแม่หลายครั้งแล้วว่าจะแต่งงาน แม่เค้าไม่ยอม ร้องไม่มีเงิน ๆ ๆ ไม่ให้แต่ง ตอนงานแต่งเราเลยมีเฮกันยกใหญ่ เพราะอากับแม่ทะเลาะกัน แบบเล่นสงครามเงียบ ค่าสินสอด ค่าจัดงานทุกอย่างอาเป็นคนออกให้หมด พอจบงาน เรารู้สึกเป็นหนี้บุญคุณคุณอามาก ๆ เพราะก็พยายามปรับนิสัยสามีเราให้เค้าดูแลอาให้มากขึ้น เพราะเมื่อก่อนแม่เค้าจะกันไม่ให้สามีสนิทกับอา

ล่าสุดปัญหาที่อยากปรึกษาเพื่อน ๆ ก็คือ

เมื่อวันเสาร์สามีไปบ้านแม่ (เราไม่ได้ไปด้วย) ไปบอกแม่ว่า เสาร์นี้จะไปบ้านย่านะ ปีนี้อาเปลี่ยนวันไหว้เชงเม้ง แม่เค้าก็บอกว่า อืม เอาเงินมา เดี๋ยวแม่ไปซื้อไก่ เดี๋ยวต้มไปไหว้ด้วย ซึ่งปกติแม่สามีจะเตรียมแค่ผลไม้กับกระดาษไหว้เท่านั้น ส่วนอาหารและของสด คุณอาเป็นคนเตรียมให้ทุกครั้ง เป็นเวลา 30 ปีแล้ว สามีเราก็โวยวายว่าไม่ต้องเตรียม เอาไก่ต้มไป เดินทางตั้งหลายชม. กว่าจะไหว้ ไก่เน่าพอดี
แต่แม่สามีบอกว่า คุณอาไปต่อว่าลุง (พี่ชายแม่ คือ บ้านลุงกับบ้านอาอยู่ใกล้กัน) ว่าแม่สามีไม่เคยเอาเป็ดไก่มาไหว้เลย ซึ่งตามธรรมเนียมแล้วสะใภ้ต้องเป็นคนเตรียมของพวกนี้

เราก็ งง ว่าทำไมอาถึงเพิ่งจะมาโวยวายเอาป่านี้ สามีเราเลยบอกให้เราโทรถามอาว่า เราจะต้องเตรียมอะไรไปไหว้บ้าง เพราะสามีเห็นว่าเราสนิทกับอา และอาก็เอ็นดูเรา พอโทรไป อาก็ทำเสียง งง ๆ ว่าถามทำไม ก็เอาแค่ผลไม้มาก็พอ ที่เหลืออาจัดไ้ว้ให้แล้ว พอเราพูดเรื่องไก่ต้มเท่านั้นแหละ ความเลยแตก สรุปว่า อาไม่ได้เป็นคนไปต่อว่าลุงเรื่องไก่ต้มเลย และอาเค้าก็ไม่ถูกกับทางญาติแม่สามี เค้าไม่ยุ่งกันอยู่แล้ว

อาเค้าก็โมโห เลยขอคุยสายกับสามีเรา สรุปแล้ว งานนี้ไม่แม่ก็ลุงเป็นคนโกหก ซึ่งเราก็ งง ว่าจะโกหกทำไม แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น

พอสามีเราวางสาย สีหน้าเค้ากลุ้มใจมากมาย แล้วถอดหายใจอย่างแรง แล้วบอกว่าให้เราโทรบอกแม่เค้าให้หน่อย ว่าไม่ต้องซื้อไก่มาต้มแล้ว เราก็ไม่เข้าใจว่าเรื่องแค่นี้ทำไมคุยไม่ได้ สามีเลยบอกว่า เพิ่งทะเลาะกับแม่ไปเมื่อเช้า เราก็ถามว่าเรื่องอะไร

สามีเลยบอกว่า ห้ามเราบอกใครเด็ดขาด เพราะสามีรู้ว่าเราสนิทกับแม่เรามาก ๆ มีอะไรเราจะปรึกษาแม่ตลอด และเราก็สนิทกับอาเค้า เค้ากลัวอารู้เข้าจะมีปัญหา

เค้าบอกว่า ตอนนี้น้องเค้าอยู่ในเรือนจำ เพิ่งโดนจับไปเมื่อคืนวันเสาร์ เราก็ถามว่าข้อหาอะไร เค้าบอกว่า "ฉี่ม่วง" เราก็ว่าแล้วล่ะ น้องเค้ามีอาการแปลก ๆ ที่นี้แม่เค้าโทรมาบอกว่า ต้องใช้เงินประกัน 10,000 บาท แต่สามีเราบอกไม่มี แม่ก็ด่า "เห็นแก่ตัว แค่นี้ให้น้องก็ไม่ได้ ใจดำ บลา ๆ ๆ " แล้วจบประโยคด้วยคำว่า "สรุปจะช่วยหรือไม่ช่วย" แต่สามีเราเงียบ แม่เค้าเลยโกรธวางหูไปเลย

เมื่อคืนเราได้ยินก็ได้แต่อึ้ง ทำไรไม่ถูก มิน่า ทำไมแม่เค้าเกษียณแล้วถึงไม่มีเงิน ตอนแต่งงาน อาบอกว่าแม่ต้องช่วยค่าสินสอด แต่แม่ก็บอกว่าไม่มี แต่อาบอกว่าเกษียณมา ได้บำนาญ ก็ได้เงินเดือนมากกว่า 50% ของเงินเดือนสุดท้าย (เราเดาว่าน่าจะ 4 หมื่น ครึ่งนึงก็ 2หมื่นล่ะ) แถมได้เงินก้อนอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท แล้วเงินแม่เค้าหายไปไหน

สามีบอกว่า อาเคยถามเค้าว่าแม่เค้ามีหนี้สินอะไร แต่สามีบอกว่าไม่รู้ เค้าไม่เคยรู้เรื่องเงินแม่เค้าเลย อาเลยบอกว่า น้องเค้าอาจเคยมีคดีอะไรที่ต้องใช้เงินเยอะ ๆ หรือป่าว แล้วแม่เค้าไม่ยอมบอกใครเลยเอาเงินเกษียณไปจ่าย ถึงทำให้ไม่มีเงิน หรือไม่งั้นแม่เค้าก็โกหกว่าไม่มีเงิน จะเก็บไว้ให้น้องชายเค้า เพราะเห็นว่ายังไม่มีอนาคต เก็บไว้ให้ตอนแม่เค้าไม่อยู่แล้ว

แต่พอเรื่องนี้ เงินแค่ 1 หมื่น ถ้าแม่เค้ามี เค้าคงไม่โทรมาขอสามีเราหรอก แสดงว่าแม่เค้าไม่มีเงินจริง ๆ แล้ว "เงินหายไปไหน????"

เมื่อคืนเรากลุ้มใจมาก นอนไม่ค่อยหลับ เพราะคิดว่า จะทำยังไง นั่นยังไงก็น้องสามี สามีเค้าตัดไม่ได้หรอก แต่ถ้าช่วยครั้งนี้ ออกมา ก็ต้องมีครั้งต่อไป แล้วอีกหน่อยอนาคตครอบครัวเราล่ะ เพราะคิดแบบแง่ลบสุด ๆ เรากลัวว่าอีกหน่อยมีปัญหาที่ใหญ่กว่านี้อีก แม่เค้าอาจจะเอาบ้านไปจำนอง แล้วสุดท้ายพอไม่มีแม่เค้าแล้ว น้องเค้าล่ะ จะทำยังไง ไม่ต้องมาเป็นภาระของครอบครัวเราหรือ????

เราหาทางออกไม่เจอเลย จะเล่าเรื่องนี้ให้อาฟัง เพื่อปรึกษาให้อาหาทางช่วย ก็ไม่กล้า เพราะสามีสั่งไว้ เพราะเค้าูรู้ว่าถ้าอาูรู้ น้องกับแม่โดนด่าชุดใหญ่แน่ ๆ สามีบอกให้เราไม่ต้องเครียด เดี๋ยวเค้าจัดการเอง

แต่ตอนนี้เราเครียดมาก ไม่รู้จะหาทางออกยังไง ถ้าแค่เคสนี้ เงินแค่ 1 หมื่น มันก็เหมือนจะจบ แต่อนาคตปัญหาตามมาอีกเยอะแน่ๆ  

ขอบคุณเพื่อน ๆ นะคะที่รับฟังปัญหาจนจบ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่