ไม่เพียงแค่ร้านรวงต่างๆนับสิบร้านที่ผ่านตาแล้ว ผมยังไม่อยากกลับห้องเช่า ไม่อยากอยู่อีกแล้วเมือง นี้ ขาแขนเริ่มล้าลงทุกทีๆแต่ด้วยความคิดๆความคิดคนเรานี่แหละสามารถทำได้ทุกอย่างทำได้ถึงขนาดจะละทิ้งเมืองๆนี้ที่เคยอยู่มาเกือบ 50 ปี แต่ในความคิดตอนนั้น มันอยากไปและเหงาเหงาเหลือเกินอยู่ก็อยู่ตัวคนเดียวลูกเมียก็ไม่มีลูกคนเดียวที่แสนรักนักรักหนา โทร.ไปหาก็ไม่ยอมรับสาย บอกให้มาเจอกันบ้างก็ไม่ยอมาหาแม้แต่ครั้งเดียว ขนาดเมื่อสี่ห้าวันก่อนได้คุยกัน แล้วบอกว่าให้มาเจอกันบ้างก็ไม่ออกมาเจอเลย แล้วจะแอยู่ไปทำไม นั่นหละจุดสิ้นสุดความคิด
อีกนิดเดียวก็ถึงถึงปากซอยแล้วผมกัดฟันเดินต่อไปๆ ตอนนั้นเดินถึงหน้าโรงแรมหรูที่ผมเคยเข้าไปนั่งฟังเพลงกับอดีตภรรยาตอนที่ความรักเรายังหอมหวนอยู่ สงสัยอดีตนั้นย้อนเข้ามาในก้นบึ้งของหัวใจตอนที่หน้าโรนงแรมนั้น ขาผมเลยไปสะดุดเข้ากับฟุตปาทที่เกยกันอยู่บวกกับขาเริ่มหมดแรงลงทุกทีๆ เลยแทบล้มลงตรงนั้นถ้าไม่อับอายผู้คนแถวนั้นผมคงยอมพ่ายแพ้ความหมดแรงนั้นแล้วล้มลงนอนซะตรงนั้นเลยดีกว่า เพราะอากาศนั้นแสนสบาย ช่างน่านอนเหลือเกิน แต่เพราะยังมีความรู้จักผิดชอบชั่วดีอยู่ว่าที่ตรงนั้นไม่ใช่ที่นอน ทีตั้งใจจะนอนในคืนนี้คือ ตู้นอนๆในรถไฟสักขบวนซึ่งวันนั้นเป็นคืนวันอาทิตย์ ผู้โดยสารคงไม่มากนักผมคงได้ไปนอนในตู้ที่เกือบจะอ้างว้างผู้คน ขอให้ผมได้เดินไปตามรายทางฟุตปาทที่ไร้ร้างผู้คนในค่ำคืนนี้เถิด แล้วผมจะไปพักเอาแรงที่หัวลำโพง เพื่อให้สติคืนกลับมา ถ้าเรี่ยวแรงนั้นกลับมาแล้ว แล้วตอนนั้นค่อยคิดกันอีกทีว่าจะไปไหนดี
แล้วผมก็เดินไปจนถึงปากซอย ผมยังเดินๆต่อ แต่ทันใด ผมเห็นหญิงสาวคนหนึ่งเข้า เธอสวย สวยมากรูปร่างเพรียวบาง เธอเดินมาหยุดอยู่หลังผมเหมือนจะบอกว่าอย่าไปเลย แต่ด้วยความที่ผมเป็นคนดื้อ ดื้ออย่างรุนแรงเลยเดินต่อไป ทางป้ายรถเมล์ใกล้ห้างห้างหรู แต่ก่อนที่จะถึงห้างนั้น ผมเห็นปล่องสี่เหลี่ยมอันหนึ่งเข้า แล้วผมนั้นยังทั้งง่วงทั้งเมื่อย เลยขอนั่งพักตรงนั้นสักพัก ผมเดินไปที่กล่องๆนั้น แล้วลงนั่งอย่างคนอ่อนระโหย พอนั่งลงแล้ว สายลม สายลมอีกแล้ว สายลมนี้นี่เองที่สามารถทำปฏิกิริยากับความคิดความรู้สึกของคนเราได้ ผมเลยตื่นตัวขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
อย่างไม่น่าเชื่อผมมองกลับไปทางปากซอยที่ผมเดินผ่านมา ผมเห็นผู้หญิงสวยคนนั้นยังนั่งอยู่ตรงใต้เสาไฟฟ้า เธอนั่งอยู่ทำไม สงสัยคงมีสิ่งบอกเหตุหรือเทพองค์ใดประทานเธอมาให้ผมได้พบเธอ แล้วตรงที่เธอนั่งอยู่นั้นเธอทำท่าบอกว่าอย่าไปเลยนะ ที่นี่ยังมีสิ่งสวยๆงามๆน่าดูชวนให้อยู่ต่อไป แต่ผมยังดื้อที่จะไปอยู่ จนกี่นาทีผ่านไปก็ไม่รู้ บางทีอาจเป็นชั่วโมงก็ได้เพราะผมไม่มีนาฬิกา ผมนั่งๆๆนั่งจนเมื่อยจนรู้สึกว่าเมื่อยแล้ว ไม่ใช่เพียงแค่เมื่อยขาอย่างที่เดินผ่านมาตอนนั้นยังเมื่อยเนื้อตัวด้วย เลยต้องลุกขึ้น ก่อนที่จะนั่งตัวงอก่องอขิงแล้วผลอยหลับไปตรงนั้น แล้วค่อยคิดว่าจะเอายังไงดี พอลุกขึ้นได้ ผู้หญิงคนนั้นยังอยู่ที่เดิมเป็นการย้ำบอกว่าให้ผมกลับบ้าน(เช่า)เสียก่อน มีอะไรเอาไว้พรุ่งนี้ค่อยว่ากันต่อไป
...............ทั้งหมดนั้นคือเมื่อคืนนี้.....................
1
ภาพเริ่มต้นที่
เมื่อสี่สิบปีที่แล้วผมมาเป็นเด็กตัวเล็กๆในเมืองๆนี้(กรุงเทพฯ) คุณยายของผมเป็นผู้มีอันจะกิน(มาก) มีร้านตัดผม อยู่แถวๆถนนราชปรารภ ในร้านตัดผมนั้นมีโต๊ะตัดผมอยู่สามสี่ตัวกับช่างอีกสามสี่คน ตอนนั้นผมยังจำความอะไรไม่ได้มากเพราะอายุยังแค่เพียงสามสี่ขวบ จำได้แต่เพียงว่าคุณยายและแม่พาไปเข้าเรียนที่โรงเรียนอนุบาลโรงเรียนหนึ่งใกล้ๆบ้านที่เติบโตมาจนทุกวันนี้แรกที่ๆไปอยู่โรงเรียนนั้น วันๆคงมีเรื่องเรียนที่ไม่เน้นวิชาอะไรมากนัก คิดว่าคงให้เล่นกับเพื่อนๆ แล้วก็ กิน ๆๆกับนอนๆๆซะมากกว่า แล้วไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นทั้งคุณยายและแม่จับผมเข้าอยู่ประจำที่โรงเรียนนั้นเอง
ผมว่าชีวิตนักเรียนประจำในโรงเรียนอนุบาลนั้นน่าสนุกมากกว่าการเป็นผู้ใหญ่เสียอีก เพราะวันๆไม่ต้องคิดต้องทำอะไรมากมาย ตอนเช้าจะมี นักเรียนๆเสียงของคุณครูสาวๆจะมาเรียกพวกเรา ตื่นได้แล้ว จะนอนไปถึงไหนกันถ้านอนมากเดี่ยวตำรวจมาจับนะ นี่คือคำขู่ของพวกๆคุณครูคงแทบทุกโรงเรียนที่ใช้คำขู่นี้เป็นการปลุกนักเรียน พอตื่นแล้วพวกเราจะถูกฝึกให้พบผ้าห่ม เก็บที่นอน เก็บที่นอนให้เรียบร้อยนะ พับให้เรียบร้อยนะทุกคน
ภาพตัดกลับมา
อีกวันและคืนถัดมา
วันนี้ เขาลุกขึ้นมาเพราะมีเสียงโทรศัพท์ปลุกจากใครคนหนึ่ง “ฮัลโลๆ ตาเหลิมตื่นรึยัง”เสียงจากลุงของเขาดังมาตามสาย ตื่นได้แล้ว ตื่นสายยังงี้จะไปทำมาหากินอะไรได้”
“ครับๆผมจะลุกเดี่ยวนี้หละ”เสียงผมตอบแบบงัวเงียๆ แล้วท่านก็วางสายลงแบบไม่มีการสั่งลา ตอนที่อยู่ด้วยกันท่าก็เป็นแบบนี้แหละผมเห็นทุกครั้งที่ท่านจบการพูดคุยกับใคร
พอลุกขึ้นมาได้แล้วผมนึกๆอยู่ว่าเมื่อคืนนี้ก่อนนอนตั้งใจไว้ว่าตื่นมาจะทำอะไร ไอ้เจ้ายานอนหลับนี่มันทำพิษทุกเช้าเลยทั้งแฮงค์ยานอนหลับ เลยมึนงง ลืมนู่นลืมนี่ สารพัดอาการที่ออกมาเหมือนไม่เป็นตัวของตัวเอง นึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนเผลอหลับไปอย่างที่ไม่ได้อาบน้ำ แต่เมื่อคืนนั้นทั้งทั้งที่กินยานอนหลับไปตั้งสองเม็ด ถ้าเป็นคนธรรมดาหลับเป็นตายตั้งแต่เม็ดแรกไหลลงคอแล้ว แต่ผมมันประสาทแข็งเกินกว่ายาจะจัดการได้ เลยหลับตื่นๆตลอดคืน
.............ทั้งๆที่งัวเงียๆอย่างนั้น แต่ด้วยความที่รังเกียจตัวเอง เพราะจริงๆแล้วเดิมผมเป็นคนเนี๊ยบ ๆมาก รักความสะอาดและรักสาวๆทั้งหลาย(เพราะเคยมีแฟนหลายคน แต่มาวันนี้ต้องโดดเดี่ยวเดียวดาย อย่างที่ผมบอกอยู่ตลอดว่าผมเป็นคนชอบหิว ยิ่งเป็นหนักเอาตอนหลังตื่นถ้านอนดึกมากๆจะยิ่งหิวเร็วหลังตื่น ขนาดเมื่อคืนก่อนนอนกินก๋วยเตี๋ยวเนื้อไปสองชามตื่นมายังหิว(แทบ)จะทันทีเลย อาบน้ำอาบท่าเสร็จก็ออกจากห้องเช่าแคบๆนั้นเดินออกไปทางถนนพระรามสี่ นึกขึ้นมาได้ว่ามีข้าวมันไก่เจ้าอร่อยที่เคยมากินตอนเช้าๆกับลูกสมัยที่ลูกเคยเรียนอยู่แถวนี้เลยเดินไปกินซะไก่แยกหนึ่งจาน ข้าวสองถ้วย
ภาพตัดเข้าไปที่ในร้านโซฟ คาฟ พระรามสี่ ผมค่อยเดินเข้าไปที่ทางเข้าด้านข้างของร้านนอย่างช้าๆ เพราะอารมณ์เงียบเหงายังฝังอยู่ในตัวเองเข้าไปทางประตูข้างแล้ว
...............สองขาก็ก้าวไปที่โซฟาใกล้กับโต๊ะประจำที่ข้างบานหน้าต่าง เอาเป้ดำวางลง แล้วหย่อนก้นลงบนโซฟายวบๆตัวนั้น
ภาพต่อมาไม่รู้เกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง ได้แต่นั่ง มึนๆ งงอยู่อย่างนั้น ถ้าไม่เพราะฤทธ์ยานอนหลับยังไม่หมด ก็ต้องเป็นเพราะอาการเบื่อหน่าย เบื่อเมืองกับความเหงาที่มันยิ่งทบทวีมากขึ้น
นึกขึ้นมาได้สิ่งหนึ่งว่ามีอีกสิ่งอีกเรื่องที่ผมอยากเขียนอยากทำคือเขียนนิยายเรื่องคนไร้บ้านเพราะตัวเองได้ใช้ได้กลายเป็นคนไม่มีบ้านมาจริง ก็ 5เดือนนั่นแหละ นานนะกับการไม่มีบ้านอยู่เป็นที่เป็นทาง ไปอยู่นั่งๆนอนๆในร้านกาแฟบ้าง ไปอยู่บ้านพักคนเร่ร่อนบ้าง ไปอยู่วัดมาหนึ่ง ไปอยู่ป่าช้ามาหนึ่งที่
แต่ในวันนี้ที่ร้านกาแฟเหมือนกันที่ผมมาอยู่แต่ชีวิตผมมันไนไร้ร้างคนคุ้นเคย ผู้เคยรักกัน ลูกที่เคยคิดถึงทุกวันๆ ผู้ที่เคยไปไหนมาด้วยกัน มาวันนี้ไม่มีแล้วเธอทั้งสอง มันเป็นเพราะผมทำลายสิ่งดีๆที่เคยอยู่ร่วมกันแท้ๆเลยต้องระเห็จออกมา
ต่อมาภาพไปที่ร้านเครื่องเขียนภายในห้างคาร์ นี่ถ้าผมยังอยู่กันสามคนผมจะชวนคนทั้งสองมาเดินดูของด้วยกันที่ห้างนี้ ไม่เว้นแม้แต่ร้านเครื่องเขียนร้านที่กำลังเดินไป
เดินเข้าไปในร้าน เดินก็เดินคนเดียว เลือกก็เลือกคนเดียวไม่มีใครให้เป็นคู่คิดอะไรกันนะชีวิต
สองชั่วโมงต่อมาผมนั่งเขียนภาพคอนทัวร์กับคำประกอบ ตั้งใจจะเอาไว้ขายกินยามแก่ยามเฒ่า
และเรื่อที่เขียนคือเรื่องคนไร้บ้านนั่นเอง
ผมเขียนไปเรื่อยๆเขียนไปเรื่อยอย่างไร้จุดหมายเหมือนกับการเดินเมื่อคืนก่อน ยิ่งเขียนคนเดียว ดตจ๊ะรอบข้างของผมที่ตอนนั้นผมย้ายไปนั่งที่โต๊ะกลมโต๊ะตรงหน้าผมนั้นมีคนนั่งทำงานอยู่เหมือนผมงานผมนั้นเขียนด้วยมือแต่งานเขานั้นทำด้วยคอมพ์ ผมกับเขานั่งกันอยู่ตรงนั้นนานมาก(ก็ในสองชั่วโมงที่ผมทำงานนั่นแหละ มันน่าแปลกไหมล่ะนั่งห่างกันแค่ช่วงโต๊ะกั้นหนึ่งตัวแต่ไม่รู้จักกัน ไม่แปลกหรอกเพราะเมืองนี้น่ะคือเมืองแห่งความเหงาอยู่แล้ว แต่อีกโต๊ะโต๊ะที่ผมจากมานั้นไม่มีคนนั่งอยู่ คงเพราะตอนนั้นมืดแล้วคนเลยเข้าร้านกาแฟน้อยมันเป็นอย่างนี้นี่เองทำไมนะทำไมไม่มีใครเข้ามาพอให้ได้ความรู้สึกว่าผมไม่ได้อยู่คนเดียวขึ้นมาบ้าง
เขียนๆเขียนจนเพลินอย่างไม่รู้ตัวมารู้อีกที มืดแล้วเหรอ เพราะมองออกไปที่นอกกระจกหน้าร้านถึงได้รู้
แล้วคืนนี้เป็นอีกคืนที่ผมมีความรู้สึกเหมือนเมื่อคืนที่ผ่านมา.....
แต่ตอนั้นผมยังอยู่ใน โซฟ คาฟ ระหว่างที่พิมพ์ต้นฉบับเรื่องนี้อยู่นั้น เพลงความคิดดังขึ้นมาจากการเปิดเน็ตของผมในเพลงๆนี้มีความดีดีหลายอย่างทั้งท่วงทำนองนั้นชวนให้ผมคิดถึงลูกและเมีย ขึ้นมาทำให้ผมถึงกับต้องน้ำตาไหลออมาจนต้องกลั้นเอาไว้เพราะไม่อยากให้น้องๆในร้านเห็น ผมนั่งทำงาน จนใกล้ 4ทุ่ม หอม ผู้จัดการร้านเดินออกกมาพอดี ปิดหรือยัง หอม ยังค่ะ ยังมีเวลา แล้วแล้วผมก็นั่งพิมพ์งานไปเรื่อยๆ จนหอมเดินออกมาอีกที ผมถามเรื่องเดิมอีกครั้ง คราวนี้ หอมบอกปิดแล้วค่ะ แล้วผมก็เก็บอุปกรณ์ทุกอย่าง
ภาพตัดออกไปที่หน้าตึกของห้าง เหา ช่างเหงเหลือเกิน เป็นอีกคืนแล้วสิว่าจะเอายังไงกับชีวิตดี นึกถึงเพื่อนๆขึ้นมาหลายคนนึกถึงที่ที่จากมานึกถึงชีที่เคยคุยกับโตทางโทร.วันที่ผมจะจากมาจากฝาง เค้าคุยกันบอกว่าอยากไปกรุงเทพฯก็ไป แต่ชีบอกกับโตว่าถ้าผมอยากกลับไปได้ก็ไปแต่ไม่ได้พูดกับผมซักคำ ผมนึกถึงคำพูดๆนั้น เลยนึกว่าไหนๆก็ไม่มีที่ไปแล้ว ก็ไปตายข้างหน้าแล้วกัน
ภาพตัดออกไปที่หน้าโรงแรมใกล้ๆกับร้านกาแฟที่ผมมานั่ง ผมนั้นเดินออกมาจากร้านกาแฟร้านเดิมแล้วไปหยุดที่หน้าโรงแรมนั้น แล้วไปยุที่สี่แยกกลางซอยสุขุมวิท 24 วันนั้นผมเมื่อยมากเพราะอดนอนมาหลายวัน เลยเรียกวินคันหนึ่งให้ไปส่งที่ปากซอย พอวินคันนั้นวิ่งไปเกือบถึงปากซอย แต่ทำไมนะรถรายังมากมายอยู่และติดมากอีก วินคันนั้นเลยซอกแซกไปเรื่อยๆจนมาส่งผมลงที่ปากซอยจนได้ และแล้วเป็นอีกวันอีกคืนที่ผมจะจากเมืองๆนี้ไปทั้งๆที่เพิ่งกลับมาเพียงไม่กี่วัน ผมเดินๆๆเดินไปจนถึงป้ายรถเมลล์ แล้วนั่งรอด้วยความเมื่อล้าเพราะไม่ได้นอนเมอิ่ม ขนาดกินยานอนกลับเข้าไปนะ
ตอนนั้นไม่รู้ทำไมรถราบนถนนสุขุมวิทยังมากและติดอยู่อีก หรืออาจมีเทพองค์ใดดลบันดาลให้ผุ้คนเอารถออกมานอกถนนให้มากๆ แล้วไหนเจ้ารถเมลล์อีกสองคันที่ผมสามารถจะนั่งไปหัวลำๆโพง
คุณ(หนูแก่)ขี้เหงา
อีกนิดเดียวก็ถึงถึงปากซอยแล้วผมกัดฟันเดินต่อไปๆ ตอนนั้นเดินถึงหน้าโรงแรมหรูที่ผมเคยเข้าไปนั่งฟังเพลงกับอดีตภรรยาตอนที่ความรักเรายังหอมหวนอยู่ สงสัยอดีตนั้นย้อนเข้ามาในก้นบึ้งของหัวใจตอนที่หน้าโรนงแรมนั้น ขาผมเลยไปสะดุดเข้ากับฟุตปาทที่เกยกันอยู่บวกกับขาเริ่มหมดแรงลงทุกทีๆ เลยแทบล้มลงตรงนั้นถ้าไม่อับอายผู้คนแถวนั้นผมคงยอมพ่ายแพ้ความหมดแรงนั้นแล้วล้มลงนอนซะตรงนั้นเลยดีกว่า เพราะอากาศนั้นแสนสบาย ช่างน่านอนเหลือเกิน แต่เพราะยังมีความรู้จักผิดชอบชั่วดีอยู่ว่าที่ตรงนั้นไม่ใช่ที่นอน ทีตั้งใจจะนอนในคืนนี้คือ ตู้นอนๆในรถไฟสักขบวนซึ่งวันนั้นเป็นคืนวันอาทิตย์ ผู้โดยสารคงไม่มากนักผมคงได้ไปนอนในตู้ที่เกือบจะอ้างว้างผู้คน ขอให้ผมได้เดินไปตามรายทางฟุตปาทที่ไร้ร้างผู้คนในค่ำคืนนี้เถิด แล้วผมจะไปพักเอาแรงที่หัวลำโพง เพื่อให้สติคืนกลับมา ถ้าเรี่ยวแรงนั้นกลับมาแล้ว แล้วตอนนั้นค่อยคิดกันอีกทีว่าจะไปไหนดี
แล้วผมก็เดินไปจนถึงปากซอย ผมยังเดินๆต่อ แต่ทันใด ผมเห็นหญิงสาวคนหนึ่งเข้า เธอสวย สวยมากรูปร่างเพรียวบาง เธอเดินมาหยุดอยู่หลังผมเหมือนจะบอกว่าอย่าไปเลย แต่ด้วยความที่ผมเป็นคนดื้อ ดื้ออย่างรุนแรงเลยเดินต่อไป ทางป้ายรถเมล์ใกล้ห้างห้างหรู แต่ก่อนที่จะถึงห้างนั้น ผมเห็นปล่องสี่เหลี่ยมอันหนึ่งเข้า แล้วผมนั้นยังทั้งง่วงทั้งเมื่อย เลยขอนั่งพักตรงนั้นสักพัก ผมเดินไปที่กล่องๆนั้น แล้วลงนั่งอย่างคนอ่อนระโหย พอนั่งลงแล้ว สายลม สายลมอีกแล้ว สายลมนี้นี่เองที่สามารถทำปฏิกิริยากับความคิดความรู้สึกของคนเราได้ ผมเลยตื่นตัวขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
อย่างไม่น่าเชื่อผมมองกลับไปทางปากซอยที่ผมเดินผ่านมา ผมเห็นผู้หญิงสวยคนนั้นยังนั่งอยู่ตรงใต้เสาไฟฟ้า เธอนั่งอยู่ทำไม สงสัยคงมีสิ่งบอกเหตุหรือเทพองค์ใดประทานเธอมาให้ผมได้พบเธอ แล้วตรงที่เธอนั่งอยู่นั้นเธอทำท่าบอกว่าอย่าไปเลยนะ ที่นี่ยังมีสิ่งสวยๆงามๆน่าดูชวนให้อยู่ต่อไป แต่ผมยังดื้อที่จะไปอยู่ จนกี่นาทีผ่านไปก็ไม่รู้ บางทีอาจเป็นชั่วโมงก็ได้เพราะผมไม่มีนาฬิกา ผมนั่งๆๆนั่งจนเมื่อยจนรู้สึกว่าเมื่อยแล้ว ไม่ใช่เพียงแค่เมื่อยขาอย่างที่เดินผ่านมาตอนนั้นยังเมื่อยเนื้อตัวด้วย เลยต้องลุกขึ้น ก่อนที่จะนั่งตัวงอก่องอขิงแล้วผลอยหลับไปตรงนั้น แล้วค่อยคิดว่าจะเอายังไงดี พอลุกขึ้นได้ ผู้หญิงคนนั้นยังอยู่ที่เดิมเป็นการย้ำบอกว่าให้ผมกลับบ้าน(เช่า)เสียก่อน มีอะไรเอาไว้พรุ่งนี้ค่อยว่ากันต่อไป
...............ทั้งหมดนั้นคือเมื่อคืนนี้.....................
1
ภาพเริ่มต้นที่
เมื่อสี่สิบปีที่แล้วผมมาเป็นเด็กตัวเล็กๆในเมืองๆนี้(กรุงเทพฯ) คุณยายของผมเป็นผู้มีอันจะกิน(มาก) มีร้านตัดผม อยู่แถวๆถนนราชปรารภ ในร้านตัดผมนั้นมีโต๊ะตัดผมอยู่สามสี่ตัวกับช่างอีกสามสี่คน ตอนนั้นผมยังจำความอะไรไม่ได้มากเพราะอายุยังแค่เพียงสามสี่ขวบ จำได้แต่เพียงว่าคุณยายและแม่พาไปเข้าเรียนที่โรงเรียนอนุบาลโรงเรียนหนึ่งใกล้ๆบ้านที่เติบโตมาจนทุกวันนี้แรกที่ๆไปอยู่โรงเรียนนั้น วันๆคงมีเรื่องเรียนที่ไม่เน้นวิชาอะไรมากนัก คิดว่าคงให้เล่นกับเพื่อนๆ แล้วก็ กิน ๆๆกับนอนๆๆซะมากกว่า แล้วไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นทั้งคุณยายและแม่จับผมเข้าอยู่ประจำที่โรงเรียนนั้นเอง
ผมว่าชีวิตนักเรียนประจำในโรงเรียนอนุบาลนั้นน่าสนุกมากกว่าการเป็นผู้ใหญ่เสียอีก เพราะวันๆไม่ต้องคิดต้องทำอะไรมากมาย ตอนเช้าจะมี นักเรียนๆเสียงของคุณครูสาวๆจะมาเรียกพวกเรา ตื่นได้แล้ว จะนอนไปถึงไหนกันถ้านอนมากเดี่ยวตำรวจมาจับนะ นี่คือคำขู่ของพวกๆคุณครูคงแทบทุกโรงเรียนที่ใช้คำขู่นี้เป็นการปลุกนักเรียน พอตื่นแล้วพวกเราจะถูกฝึกให้พบผ้าห่ม เก็บที่นอน เก็บที่นอนให้เรียบร้อยนะ พับให้เรียบร้อยนะทุกคน
ภาพตัดกลับมา
อีกวันและคืนถัดมา
วันนี้ เขาลุกขึ้นมาเพราะมีเสียงโทรศัพท์ปลุกจากใครคนหนึ่ง “ฮัลโลๆ ตาเหลิมตื่นรึยัง”เสียงจากลุงของเขาดังมาตามสาย ตื่นได้แล้ว ตื่นสายยังงี้จะไปทำมาหากินอะไรได้”
“ครับๆผมจะลุกเดี่ยวนี้หละ”เสียงผมตอบแบบงัวเงียๆ แล้วท่านก็วางสายลงแบบไม่มีการสั่งลา ตอนที่อยู่ด้วยกันท่าก็เป็นแบบนี้แหละผมเห็นทุกครั้งที่ท่านจบการพูดคุยกับใคร
พอลุกขึ้นมาได้แล้วผมนึกๆอยู่ว่าเมื่อคืนนี้ก่อนนอนตั้งใจไว้ว่าตื่นมาจะทำอะไร ไอ้เจ้ายานอนหลับนี่มันทำพิษทุกเช้าเลยทั้งแฮงค์ยานอนหลับ เลยมึนงง ลืมนู่นลืมนี่ สารพัดอาการที่ออกมาเหมือนไม่เป็นตัวของตัวเอง นึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนเผลอหลับไปอย่างที่ไม่ได้อาบน้ำ แต่เมื่อคืนนั้นทั้งทั้งที่กินยานอนหลับไปตั้งสองเม็ด ถ้าเป็นคนธรรมดาหลับเป็นตายตั้งแต่เม็ดแรกไหลลงคอแล้ว แต่ผมมันประสาทแข็งเกินกว่ายาจะจัดการได้ เลยหลับตื่นๆตลอดคืน
.............ทั้งๆที่งัวเงียๆอย่างนั้น แต่ด้วยความที่รังเกียจตัวเอง เพราะจริงๆแล้วเดิมผมเป็นคนเนี๊ยบ ๆมาก รักความสะอาดและรักสาวๆทั้งหลาย(เพราะเคยมีแฟนหลายคน แต่มาวันนี้ต้องโดดเดี่ยวเดียวดาย อย่างที่ผมบอกอยู่ตลอดว่าผมเป็นคนชอบหิว ยิ่งเป็นหนักเอาตอนหลังตื่นถ้านอนดึกมากๆจะยิ่งหิวเร็วหลังตื่น ขนาดเมื่อคืนก่อนนอนกินก๋วยเตี๋ยวเนื้อไปสองชามตื่นมายังหิว(แทบ)จะทันทีเลย อาบน้ำอาบท่าเสร็จก็ออกจากห้องเช่าแคบๆนั้นเดินออกไปทางถนนพระรามสี่ นึกขึ้นมาได้ว่ามีข้าวมันไก่เจ้าอร่อยที่เคยมากินตอนเช้าๆกับลูกสมัยที่ลูกเคยเรียนอยู่แถวนี้เลยเดินไปกินซะไก่แยกหนึ่งจาน ข้าวสองถ้วย
ภาพตัดเข้าไปที่ในร้านโซฟ คาฟ พระรามสี่ ผมค่อยเดินเข้าไปที่ทางเข้าด้านข้างของร้านนอย่างช้าๆ เพราะอารมณ์เงียบเหงายังฝังอยู่ในตัวเองเข้าไปทางประตูข้างแล้ว
...............สองขาก็ก้าวไปที่โซฟาใกล้กับโต๊ะประจำที่ข้างบานหน้าต่าง เอาเป้ดำวางลง แล้วหย่อนก้นลงบนโซฟายวบๆตัวนั้น
ภาพต่อมาไม่รู้เกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง ได้แต่นั่ง มึนๆ งงอยู่อย่างนั้น ถ้าไม่เพราะฤทธ์ยานอนหลับยังไม่หมด ก็ต้องเป็นเพราะอาการเบื่อหน่าย เบื่อเมืองกับความเหงาที่มันยิ่งทบทวีมากขึ้น
นึกขึ้นมาได้สิ่งหนึ่งว่ามีอีกสิ่งอีกเรื่องที่ผมอยากเขียนอยากทำคือเขียนนิยายเรื่องคนไร้บ้านเพราะตัวเองได้ใช้ได้กลายเป็นคนไม่มีบ้านมาจริง ก็ 5เดือนนั่นแหละ นานนะกับการไม่มีบ้านอยู่เป็นที่เป็นทาง ไปอยู่นั่งๆนอนๆในร้านกาแฟบ้าง ไปอยู่บ้านพักคนเร่ร่อนบ้าง ไปอยู่วัดมาหนึ่ง ไปอยู่ป่าช้ามาหนึ่งที่
แต่ในวันนี้ที่ร้านกาแฟเหมือนกันที่ผมมาอยู่แต่ชีวิตผมมันไนไร้ร้างคนคุ้นเคย ผู้เคยรักกัน ลูกที่เคยคิดถึงทุกวันๆ ผู้ที่เคยไปไหนมาด้วยกัน มาวันนี้ไม่มีแล้วเธอทั้งสอง มันเป็นเพราะผมทำลายสิ่งดีๆที่เคยอยู่ร่วมกันแท้ๆเลยต้องระเห็จออกมา
ต่อมาภาพไปที่ร้านเครื่องเขียนภายในห้างคาร์ นี่ถ้าผมยังอยู่กันสามคนผมจะชวนคนทั้งสองมาเดินดูของด้วยกันที่ห้างนี้ ไม่เว้นแม้แต่ร้านเครื่องเขียนร้านที่กำลังเดินไป
เดินเข้าไปในร้าน เดินก็เดินคนเดียว เลือกก็เลือกคนเดียวไม่มีใครให้เป็นคู่คิดอะไรกันนะชีวิต
สองชั่วโมงต่อมาผมนั่งเขียนภาพคอนทัวร์กับคำประกอบ ตั้งใจจะเอาไว้ขายกินยามแก่ยามเฒ่า
และเรื่อที่เขียนคือเรื่องคนไร้บ้านนั่นเอง
ผมเขียนไปเรื่อยๆเขียนไปเรื่อยอย่างไร้จุดหมายเหมือนกับการเดินเมื่อคืนก่อน ยิ่งเขียนคนเดียว ดตจ๊ะรอบข้างของผมที่ตอนนั้นผมย้ายไปนั่งที่โต๊ะกลมโต๊ะตรงหน้าผมนั้นมีคนนั่งทำงานอยู่เหมือนผมงานผมนั้นเขียนด้วยมือแต่งานเขานั้นทำด้วยคอมพ์ ผมกับเขานั่งกันอยู่ตรงนั้นนานมาก(ก็ในสองชั่วโมงที่ผมทำงานนั่นแหละ มันน่าแปลกไหมล่ะนั่งห่างกันแค่ช่วงโต๊ะกั้นหนึ่งตัวแต่ไม่รู้จักกัน ไม่แปลกหรอกเพราะเมืองนี้น่ะคือเมืองแห่งความเหงาอยู่แล้ว แต่อีกโต๊ะโต๊ะที่ผมจากมานั้นไม่มีคนนั่งอยู่ คงเพราะตอนนั้นมืดแล้วคนเลยเข้าร้านกาแฟน้อยมันเป็นอย่างนี้นี่เองทำไมนะทำไมไม่มีใครเข้ามาพอให้ได้ความรู้สึกว่าผมไม่ได้อยู่คนเดียวขึ้นมาบ้าง
เขียนๆเขียนจนเพลินอย่างไม่รู้ตัวมารู้อีกที มืดแล้วเหรอ เพราะมองออกไปที่นอกกระจกหน้าร้านถึงได้รู้
แล้วคืนนี้เป็นอีกคืนที่ผมมีความรู้สึกเหมือนเมื่อคืนที่ผ่านมา.....
แต่ตอนั้นผมยังอยู่ใน โซฟ คาฟ ระหว่างที่พิมพ์ต้นฉบับเรื่องนี้อยู่นั้น เพลงความคิดดังขึ้นมาจากการเปิดเน็ตของผมในเพลงๆนี้มีความดีดีหลายอย่างทั้งท่วงทำนองนั้นชวนให้ผมคิดถึงลูกและเมีย ขึ้นมาทำให้ผมถึงกับต้องน้ำตาไหลออมาจนต้องกลั้นเอาไว้เพราะไม่อยากให้น้องๆในร้านเห็น ผมนั่งทำงาน จนใกล้ 4ทุ่ม หอม ผู้จัดการร้านเดินออกกมาพอดี ปิดหรือยัง หอม ยังค่ะ ยังมีเวลา แล้วแล้วผมก็นั่งพิมพ์งานไปเรื่อยๆ จนหอมเดินออกมาอีกที ผมถามเรื่องเดิมอีกครั้ง คราวนี้ หอมบอกปิดแล้วค่ะ แล้วผมก็เก็บอุปกรณ์ทุกอย่าง
ภาพตัดออกไปที่หน้าตึกของห้าง เหา ช่างเหงเหลือเกิน เป็นอีกคืนแล้วสิว่าจะเอายังไงกับชีวิตดี นึกถึงเพื่อนๆขึ้นมาหลายคนนึกถึงที่ที่จากมานึกถึงชีที่เคยคุยกับโตทางโทร.วันที่ผมจะจากมาจากฝาง เค้าคุยกันบอกว่าอยากไปกรุงเทพฯก็ไป แต่ชีบอกกับโตว่าถ้าผมอยากกลับไปได้ก็ไปแต่ไม่ได้พูดกับผมซักคำ ผมนึกถึงคำพูดๆนั้น เลยนึกว่าไหนๆก็ไม่มีที่ไปแล้ว ก็ไปตายข้างหน้าแล้วกัน
ภาพตัดออกไปที่หน้าโรงแรมใกล้ๆกับร้านกาแฟที่ผมมานั่ง ผมนั้นเดินออกมาจากร้านกาแฟร้านเดิมแล้วไปหยุดที่หน้าโรงแรมนั้น แล้วไปยุที่สี่แยกกลางซอยสุขุมวิท 24 วันนั้นผมเมื่อยมากเพราะอดนอนมาหลายวัน เลยเรียกวินคันหนึ่งให้ไปส่งที่ปากซอย พอวินคันนั้นวิ่งไปเกือบถึงปากซอย แต่ทำไมนะรถรายังมากมายอยู่และติดมากอีก วินคันนั้นเลยซอกแซกไปเรื่อยๆจนมาส่งผมลงที่ปากซอยจนได้ และแล้วเป็นอีกวันอีกคืนที่ผมจะจากเมืองๆนี้ไปทั้งๆที่เพิ่งกลับมาเพียงไม่กี่วัน ผมเดินๆๆเดินไปจนถึงป้ายรถเมลล์ แล้วนั่งรอด้วยความเมื่อล้าเพราะไม่ได้นอนเมอิ่ม ขนาดกินยานอนกลับเข้าไปนะ
ตอนนั้นไม่รู้ทำไมรถราบนถนนสุขุมวิทยังมากและติดอยู่อีก หรืออาจมีเทพองค์ใดดลบันดาลให้ผุ้คนเอารถออกมานอกถนนให้มากๆ แล้วไหนเจ้ารถเมลล์อีกสองคันที่ผมสามารถจะนั่งไปหัวลำๆโพง