เมื่อวันที่ 17 มี.ค.นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เตรียมนำ ร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. ...หรือพ.ร.บ.เงินกู้วงเงิน 2.2 ล้านล้านบาท เข้าสู่สภาฯ นั้นว่า สังคมต้องร่วมกันตรวจสอบเงื่อนงำและวาระซ่อนเร้นของ ร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวว่าใครได้ประโยชน์กันแน่ เพราะเงินกู้ 2.2 ล้านล้านบาทจะไม่ถูกใช้จ่ายผ่านระบบงบประมาณตามหลักปฏิบัติปกติ ให้เม็ดเงินก้อนนี้อยู่นอกระบบงบประมาณรายจ่ายประจำปี
โดยจัดสรรผ่านวิธีพิเศษภายใต้ พ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ ซึ่งกำลังจะเป็นกฎหมาย เพราะผ่านการพิจารณาของสภาอยู่ระหว่างการทูลเกล้าฯ เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย ซึ่งร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ วางระบบการจัดการงบประมาณแผ่นดินที่พิสดาร รวบรัดและขึ้นต่อคณะกรรมการที่ ครม.แต่งตั้ง และไม่จำเป็นต้องประมูล
นายสุริยะใส กล่าวต่อว่า หากสังคมไทยปล่อยให้พ.ร.บ.เงินกู้วงเงิน 2.2 ล้านล้านบาท
และร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ ผ่านสภาตราเป็นกฎหมาย ต่อไปก็ไม่มีความจำเป็นต้องมีร่างพ.ร.บ.ประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ.2557 เปิดช่องให้ฝ่ายการเมืองแอบอ้างความจำเป็นในการพัฒนา การลงทุนในโครงสร้างสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ขอกู้เงินและหากินหาประโยชน์กันง่ายๆไม่ต้องผ่านการตรวจสอบ การมีส่วนร่วมของประชาชนหรือไม่ต้องคำนึงถึงความโปร่งใสตามรัฐธรรมนูญกันอีกต่อไป ทั้งๆ ที่นักการเมืองมาแล้วก็ไป หาประโยชน์หากินจากเมกะโปรเจกต์ แต่ประชาชนต้องแบกหนี้ไปชั่วลูกชั่วหลาน ถ้าลองคำนวณจากฐานตัวเลขและงานวิจัยที่พบว่าการลงทุนของภาครัฐเงินจะหายไปอย่างต่ำ 30%เพราะฉะนั้นเงินกู้ 2.2ล้านล้านบาท จะมีเงินหายไปอย่างน้อย6.6แสนล้านบาท ถามว่าใครได้เงินก้อนนี้ไป
"
ร่างพ.ร.บ.ทั้ง2 ฉบับนี้เลวร้ายและน่ากลัวกว่าคำประกาศคณะรัฐประหารด้วยซ้ำไปผมถือว่านี่เป็นเสมือนการทำรัฐประหารทางการเงินของประเทศ สถาปนาอำนาจเผด็จการเหนือรัฐธรรมนูญซึ่งร่าง พ.ร.บ.ทั้ง2ฉบับเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 169 วรรคหนึ่ง ในเรื่องการจ่ายเงินแผ่นดินจะกระทำได้ก็เฉพาะที่ได้อนุญาตไว้ในกฎหมายว่าด้วยงบประมาณรายจ่าย กฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ เว้นแต่เป็นเรื่องเร่งด่วน ซึ่งกรณีนี้ไม่เข้าข่ายเป็นกรณีจำเป็นเร่งด่วน"นายสุริยะใส กล่าวและว่าทางกลุ่มกรีนจะหาช่องทางในการตรวจสอบเรื่องนี้ด้วยการรณรงค์ต่แผ่เปิดโปงให้ประชาชนเห็นข้อเท็จจริงและจะยื่นเรื่องให้หลายองค์กรเข้ามาตรวจสอบ เช่น ผู้ตรวจการแผ่นดิน ศาลรัฐธรรมนูญ ป.ป.ช.เป็นต้น
บางคนที่ไม่ได้ติดตามข่าวสารอ่าน อ่านจะคล้อยตามนะครับ เฮ้ย! มันจะรัฐประหาร'ทางการเงิน'เราแล้ว น่ากลัวจริงๆ
ประเด็นหลักสำคัญคือ บักใสพยายามจับแพะชนแกะ (เป่าหู) ให้คนส่วนใหญ่ฟัง
ที่ใสกำลังพูดถึง คือ พ.ร.บ. 2 ฉบับครับ
1. พ.ร.บ. กู้เงิน 2 ล้านล้าน
2.
พ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ ฉบับใหม่ (ยกเลิกฉบับเดิม พ.ศ. 2535)
เราคงรู้จักเรื่อง 2 ล้านล้าน กันแล้ว แต่อีกฉบับเราไม่ค่อยรู้จักกัน ใสมันก็เอาช่องว่างตรงนี้แหละ มาจับแพะชนแกะ
ใช้หลักจิตวิทยาในการพูดให้คนคล้อยตาม พยายามบอกว่า
พ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนร่วมลงทุนฯ เป็น พ.ร.บ.ที่ชั่วร้าย
รัฐบาลเพื่อไทยออก พ.ร.บ.ฉบับนี้มาเพื่อกรุยทางโกง ไว้รอ พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้าน
อยากถามใสว่า ถ้า พ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนร่วมลงทุนฯ ฉบับนี้มันชั่วร้ายจริง
ทำไมไม่ไปโวยวายตอนที่เค้าร่าง ตอนที่เค้าผ่านสภากันครับ? มาแหกปากอะไรตอนนี้
และอยากแจ้งให้ทุกท่านทราบครับ ว่า พ.ร.บ.ฉบับนี้
1. สภาผู้แทนราษฎร ได้ลงมติผ่านร่าง ด้วยมติเป็นเอกฉันท์ 380 เสียง
(พรรครัฐบาลมีเสียง 300 เสียง แน่นอนว่าที่เหลือเป็นเสียงของฝ่ายค้าน รวมถึงประชาธิปัตย์ด้วย)
2. วุฒิสภา ได้ลงมติผ่านร่าง ด้วยมติเป็นเอกฉันท์ 111 เสียง
(ส.ว.ทั้งหมดมี 125 คน ถ้ากลุ่ม 40 ส.ว. เพื่อนบักใส ไม่เห็นชอบด้วย มันจะได้มามั้ยครับ 111 คะแนนเนี่ย?)
ถ้า พ.ร.บ.นี้มันชั่วจริง เท่ากับชั่วกันทั้งสภาเลยนะครับเนี่ย
ถ้า พ.ร.บ.ฉบับนี้เปรียบเหมือนการรัฐประหารทางการเงิน จะเป็นการรัฐประหารที่น่ากลัวที่สุดเลยนะครับ เพราะมีแนวร่วมถึง 2 สภา (ฮา)
ถ้า พ.ร.บ.ฉบับนี้เข้าข่ายรัฐธรรมนูญ ก็ขัดกันทั้งสภาเลยนะครับคราวนี้ ศาลรัฐธรรมนูญจะเอาไงดี
แต่ถ้า 3 ข้อนี้ไม่เป็นจริง ก็แปลว่าบักใสมั่ว หลอกลวงประชาชน ใช่หรือไม่?
แล้วในเมื่อข้อกล่าวหาต่อ พ.ร.บ.ร่วมทุน เป็นเท็จไปเสียแล้ว จะเชื่อได้ยังไงว่าที่คุณวิจารณ์ พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้าน เป็นความจริง สุดท้ายก็เป็นแค่เรื่องแหกตา เอาไว้เป่าหูคนที่ไม่รู้ ใช่หรือไม่?
ใส ถ้าไม่รู้ก็อยู่เงียบๆ อย่าแหกปากให้คนเค้าสมเพชเลย
อ่านเพิ่มเติม :
ผสมโรง "สุริยะใส" ขวาง พ.ร.บ.เงินกู้ 2.2 ล้านล้านบาท เปรียบเป็นรัฐประหารทางการเงิน
http://www.dailynews.co.th/politics/191119
สภาฯผ่านร่างกฎหมายร่วมทุน
http://www.isnhotnews.com/%E0%B8%AA%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%AF%E0%B8%9C%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%8E%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%99/
วุฒิสภาเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ
http://www.ryt9.com/s/iq02/1518628
ยะใสกะโชว์เหนือวิจารณ์ร่าง พ.ร.บ.2 ล้านล้าน + พ.ร.บ.ว่าด้วยการร่วมทุนฯ สุดท้ายโชว์...
นายสุริยะใส กล่าวต่อว่า หากสังคมไทยปล่อยให้พ.ร.บ.เงินกู้วงเงิน 2.2 ล้านล้านบาท และร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ ผ่านสภาตราเป็นกฎหมาย ต่อไปก็ไม่มีความจำเป็นต้องมีร่างพ.ร.บ.ประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ.2557 เปิดช่องให้ฝ่ายการเมืองแอบอ้างความจำเป็นในการพัฒนา การลงทุนในโครงสร้างสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ขอกู้เงินและหากินหาประโยชน์กันง่ายๆไม่ต้องผ่านการตรวจสอบ การมีส่วนร่วมของประชาชนหรือไม่ต้องคำนึงถึงความโปร่งใสตามรัฐธรรมนูญกันอีกต่อไป ทั้งๆ ที่นักการเมืองมาแล้วก็ไป หาประโยชน์หากินจากเมกะโปรเจกต์ แต่ประชาชนต้องแบกหนี้ไปชั่วลูกชั่วหลาน ถ้าลองคำนวณจากฐานตัวเลขและงานวิจัยที่พบว่าการลงทุนของภาครัฐเงินจะหายไปอย่างต่ำ 30%เพราะฉะนั้นเงินกู้ 2.2ล้านล้านบาท จะมีเงินหายไปอย่างน้อย6.6แสนล้านบาท ถามว่าใครได้เงินก้อนนี้ไป
"ร่างพ.ร.บ.ทั้ง2 ฉบับนี้เลวร้ายและน่ากลัวกว่าคำประกาศคณะรัฐประหารด้วยซ้ำไปผมถือว่านี่เป็นเสมือนการทำรัฐประหารทางการเงินของประเทศ สถาปนาอำนาจเผด็จการเหนือรัฐธรรมนูญซึ่งร่าง พ.ร.บ.ทั้ง2ฉบับเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 169 วรรคหนึ่ง ในเรื่องการจ่ายเงินแผ่นดินจะกระทำได้ก็เฉพาะที่ได้อนุญาตไว้ในกฎหมายว่าด้วยงบประมาณรายจ่าย กฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ เว้นแต่เป็นเรื่องเร่งด่วน ซึ่งกรณีนี้ไม่เข้าข่ายเป็นกรณีจำเป็นเร่งด่วน"นายสุริยะใส กล่าวและว่าทางกลุ่มกรีนจะหาช่องทางในการตรวจสอบเรื่องนี้ด้วยการรณรงค์ต่แผ่เปิดโปงให้ประชาชนเห็นข้อเท็จจริงและจะยื่นเรื่องให้หลายองค์กรเข้ามาตรวจสอบ เช่น ผู้ตรวจการแผ่นดิน ศาลรัฐธรรมนูญ ป.ป.ช.เป็นต้น
บางคนที่ไม่ได้ติดตามข่าวสารอ่าน อ่านจะคล้อยตามนะครับ เฮ้ย! มันจะรัฐประหาร'ทางการเงิน'เราแล้ว น่ากลัวจริงๆ
ประเด็นหลักสำคัญคือ บักใสพยายามจับแพะชนแกะ (เป่าหู) ให้คนส่วนใหญ่ฟัง
ที่ใสกำลังพูดถึง คือ พ.ร.บ. 2 ฉบับครับ
1. พ.ร.บ. กู้เงิน 2 ล้านล้าน
2. พ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ ฉบับใหม่ (ยกเลิกฉบับเดิม พ.ศ. 2535)
เราคงรู้จักเรื่อง 2 ล้านล้าน กันแล้ว แต่อีกฉบับเราไม่ค่อยรู้จักกัน ใสมันก็เอาช่องว่างตรงนี้แหละ มาจับแพะชนแกะ
ใช้หลักจิตวิทยาในการพูดให้คนคล้อยตาม พยายามบอกว่า พ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนร่วมลงทุนฯ เป็น พ.ร.บ.ที่ชั่วร้าย
รัฐบาลเพื่อไทยออก พ.ร.บ.ฉบับนี้มาเพื่อกรุยทางโกง ไว้รอ พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้าน
อยากถามใสว่า ถ้า พ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนร่วมลงทุนฯ ฉบับนี้มันชั่วร้ายจริง
ทำไมไม่ไปโวยวายตอนที่เค้าร่าง ตอนที่เค้าผ่านสภากันครับ? มาแหกปากอะไรตอนนี้
และอยากแจ้งให้ทุกท่านทราบครับ ว่า พ.ร.บ.ฉบับนี้
1. สภาผู้แทนราษฎร ได้ลงมติผ่านร่าง ด้วยมติเป็นเอกฉันท์ 380 เสียง
(พรรครัฐบาลมีเสียง 300 เสียง แน่นอนว่าที่เหลือเป็นเสียงของฝ่ายค้าน รวมถึงประชาธิปัตย์ด้วย)
2. วุฒิสภา ได้ลงมติผ่านร่าง ด้วยมติเป็นเอกฉันท์ 111 เสียง
(ส.ว.ทั้งหมดมี 125 คน ถ้ากลุ่ม 40 ส.ว. เพื่อนบักใส ไม่เห็นชอบด้วย มันจะได้มามั้ยครับ 111 คะแนนเนี่ย?)
ถ้า พ.ร.บ.นี้มันชั่วจริง เท่ากับชั่วกันทั้งสภาเลยนะครับเนี่ย
ถ้า พ.ร.บ.ฉบับนี้เปรียบเหมือนการรัฐประหารทางการเงิน จะเป็นการรัฐประหารที่น่ากลัวที่สุดเลยนะครับ เพราะมีแนวร่วมถึง 2 สภา (ฮา)
ถ้า พ.ร.บ.ฉบับนี้เข้าข่ายรัฐธรรมนูญ ก็ขัดกันทั้งสภาเลยนะครับคราวนี้ ศาลรัฐธรรมนูญจะเอาไงดี
แต่ถ้า 3 ข้อนี้ไม่เป็นจริง ก็แปลว่าบักใสมั่ว หลอกลวงประชาชน ใช่หรือไม่?
แล้วในเมื่อข้อกล่าวหาต่อ พ.ร.บ.ร่วมทุน เป็นเท็จไปเสียแล้ว จะเชื่อได้ยังไงว่าที่คุณวิจารณ์ พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้าน เป็นความจริง สุดท้ายก็เป็นแค่เรื่องแหกตา เอาไว้เป่าหูคนที่ไม่รู้ ใช่หรือไม่?
ใส ถ้าไม่รู้ก็อยู่เงียบๆ อย่าแหกปากให้คนเค้าสมเพชเลย
อ่านเพิ่มเติม :
ผสมโรง "สุริยะใส" ขวาง พ.ร.บ.เงินกู้ 2.2 ล้านล้านบาท เปรียบเป็นรัฐประหารทางการเงิน
http://www.dailynews.co.th/politics/191119
สภาฯผ่านร่างกฎหมายร่วมทุน
http://www.isnhotnews.com/%E0%B8%AA%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%AF%E0%B8%9C%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%8E%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%99/
วุฒิสภาเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ
http://www.ryt9.com/s/iq02/1518628