ปฏิเวธ, โพธิปักขิยธรรม 37 ประการ, มรรคสมังคีบุคคล หรือผู้บรรลุมรรคผลนิพพาน(บรรลุมรรคญาณผลญาณ)
โพธิปักขิยธรรม 37 ประการ คือ สติปัฏญา 4 พละ 5 อิทธิบาท 4 สัมมัปปทาน 4 อินทรีย์ 5 โพชฌงค์ 7 มรรค 8 ซึ่งมีในพระไตรปิฏกแต่ขอยกไว้ ไม่นำมาแสดง เพราะได้แสดงไว้เยอะแล้ว จะทำให้เกิดข้อมูลมากไป จากจุดประสงค์
โพธิปักขิยธรรม 37 ประการเมื่อสมบูรณ์พร้อมเพียงกันแล้ว กล่าวว่าเป็น มรรคสมังคี คือบรรลุมรรคญาณผลญาณ ในวิปัสสนาญาณนั้นเอง
มรรคสมังคีบุคคล ก็ได้แก่ พระอริยะ นั้นเอง ซึ่งมีกล่าวไว้ในพระไตรปิฏก เล่มที่ 12 ดังนี้
----------------------------------------------------------
อุปมาภิกษุตัดกระแสมารเหมือนโคตัดกระแสน้ำ
[๓๙๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ....
...
...
ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกภิกษุที่เป็นมัคคสมังคีบุคคลชั้นต้น ที่เป็นธัมมานุสารี
และที่เป็นสัทธานุสารี แม้พวกภิกษุนั้น ก็ชื่อว่าตัดกระแสมารขวางไป จักถึงฝั่งโดย
สวัสดี ฉันนั้นเหมือนกัน
....
.....
--------------------------------------------------------------
จึงมีคำถามขึ้นว่า มรรคสมังคี มีการกล่าวไว้ในพระไตรปิฏกเป็นอย่างไร?
ตอบ มีกล่าวตามบัญญัติในพระไตรปิฏก
---------------------------------------
๔. โอกกันตสังยุต
๑. จักขุสูตร
ว่าด้วยสัทธานุสารีและธัมมานุสารีบุคคล
[๔๖๙] พระนครสาวัตถี. พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย จักษุไม่เที่ยง มีอัน
แปรปรวนเป็นอย่างอื่นเป็นธรรมดา หูไม่เที่ยง มีอันแปรปรวนเป็นอย่างอื่นเป็นธรรมดา จมูกไม่
เที่ยง มีอันแปรปรวนเป็นอย่างอื่นเป็นธรรมดา ลิ้นไม่เที่ยง มีอันแปรปรวนเป็นอย่างอื่นเป็น
ธรรมดา กายไม่เที่ยง มีอันแปรปรวนเป็นอย่างอื่นเป็นธรรมดา. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ผู้ใดเชื่อมั่นไม่
หวั่นไหวซึ่งธรรมเหล่านี้อย่างนี้ เรากล่าวผู้นี้ว่า สัทธานุสารี ก้าวลงสู่สัมมัตตนิยาม ก้าวลง
สู่สัปปุริสภูมิ ล่วงภูมิปุถุชน ไม่ควรเพื่อทำกรรมที่บุคคลทำแล้วพึงเข้าถึงนรก กำเนิดสัตว์
ดิรัจฉาน หรือปิตติวิสัย ไม่ควรเพื่อทำกาละตราบเท่าที่ยังไม่ทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย ธรรมเหล่านี้ ย่อมควรเพ่งด้วยปัญญา โดยประมาณอย่างนี้ แก่ผู้ใด. เราเรียกผู้นี้ว่า
ธัมมานุสารี ก้าวลงสู่สัมมัตตนิยาม ก้าวลงสู่สัปปุริสภูมิ ล่วงภูมิปุถุชน ไม่ควรเพื่อทำกรรมที่
บุคคลทำแล้วพึงเข้าถึงนรก กำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน หรือปิตติวิสัย ไม่ควรเพื่อทำกาละตราบเท่าที่ยัง
ไม่ทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ผู้ใดรู้เห็นธรรมเหล่านี้อย่างนี้. เรากล่าวผู้นี้ว่า
เป็นโสดาบัน มีความไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงที่จะตรัสรู้เป็นเบื้องหน้า.
จบ สูตรที่ ๑.
-----------------------------------------------
ปฏิเวธ, โพธิปักขิยธรรม 37 ประการ, มรรคสมังคีบุคคล หรือผู้บรรลุมรรคผลนิพพาน(บรรลุมรรคญาณผลญาณ)
โพธิปักขิยธรรม 37 ประการ คือ สติปัฏญา 4 พละ 5 อิทธิบาท 4 สัมมัปปทาน 4 อินทรีย์ 5 โพชฌงค์ 7 มรรค 8 ซึ่งมีในพระไตรปิฏกแต่ขอยกไว้ ไม่นำมาแสดง เพราะได้แสดงไว้เยอะแล้ว จะทำให้เกิดข้อมูลมากไป จากจุดประสงค์
โพธิปักขิยธรรม 37 ประการเมื่อสมบูรณ์พร้อมเพียงกันแล้ว กล่าวว่าเป็น มรรคสมังคี คือบรรลุมรรคญาณผลญาณ ในวิปัสสนาญาณนั้นเอง
มรรคสมังคีบุคคล ก็ได้แก่ พระอริยะ นั้นเอง ซึ่งมีกล่าวไว้ในพระไตรปิฏก เล่มที่ 12 ดังนี้
----------------------------------------------------------
อุปมาภิกษุตัดกระแสมารเหมือนโคตัดกระแสน้ำ
[๓๙๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ....
...
...
ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกภิกษุที่เป็นมัคคสมังคีบุคคลชั้นต้น ที่เป็นธัมมานุสารี
และที่เป็นสัทธานุสารี แม้พวกภิกษุนั้น ก็ชื่อว่าตัดกระแสมารขวางไป จักถึงฝั่งโดย
สวัสดี ฉันนั้นเหมือนกัน
....
.....
--------------------------------------------------------------
จึงมีคำถามขึ้นว่า มรรคสมังคี มีการกล่าวไว้ในพระไตรปิฏกเป็นอย่างไร?
ตอบ มีกล่าวตามบัญญัติในพระไตรปิฏก
---------------------------------------
๔. โอกกันตสังยุต
๑. จักขุสูตร
ว่าด้วยสัทธานุสารีและธัมมานุสารีบุคคล
[๔๖๙] พระนครสาวัตถี. พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย จักษุไม่เที่ยง มีอัน
แปรปรวนเป็นอย่างอื่นเป็นธรรมดา หูไม่เที่ยง มีอันแปรปรวนเป็นอย่างอื่นเป็นธรรมดา จมูกไม่
เที่ยง มีอันแปรปรวนเป็นอย่างอื่นเป็นธรรมดา ลิ้นไม่เที่ยง มีอันแปรปรวนเป็นอย่างอื่นเป็น
ธรรมดา กายไม่เที่ยง มีอันแปรปรวนเป็นอย่างอื่นเป็นธรรมดา. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ผู้ใดเชื่อมั่นไม่
หวั่นไหวซึ่งธรรมเหล่านี้อย่างนี้ เรากล่าวผู้นี้ว่า สัทธานุสารี ก้าวลงสู่สัมมัตตนิยาม ก้าวลง
สู่สัปปุริสภูมิ ล่วงภูมิปุถุชน ไม่ควรเพื่อทำกรรมที่บุคคลทำแล้วพึงเข้าถึงนรก กำเนิดสัตว์
ดิรัจฉาน หรือปิตติวิสัย ไม่ควรเพื่อทำกาละตราบเท่าที่ยังไม่ทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย ธรรมเหล่านี้ ย่อมควรเพ่งด้วยปัญญา โดยประมาณอย่างนี้ แก่ผู้ใด. เราเรียกผู้นี้ว่า
ธัมมานุสารี ก้าวลงสู่สัมมัตตนิยาม ก้าวลงสู่สัปปุริสภูมิ ล่วงภูมิปุถุชน ไม่ควรเพื่อทำกรรมที่
บุคคลทำแล้วพึงเข้าถึงนรก กำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน หรือปิตติวิสัย ไม่ควรเพื่อทำกาละตราบเท่าที่ยัง
ไม่ทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ผู้ใดรู้เห็นธรรมเหล่านี้อย่างนี้. เรากล่าวผู้นี้ว่า
เป็นโสดาบัน มีความไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงที่จะตรัสรู้เป็นเบื้องหน้า.
จบ สูตรที่ ๑.
-----------------------------------------------