มาตราฐานของ กกต

การเลือกตั้ง ผู้ว่า กทม อีงวดนี้ พรรคการเมืองได้ สร้างมิติใหม่
ของการหาเสียง ไว้ หลายอย่าง วันนี้ เห้น มีการร้องเรียน เรื่อง
การใส่ร้ายป้ายสี ผู้สมัครบางคน ที่ใช้คำ ที่ คนทั่วไป ที่มีการศึกษา
หรือไม่มีการศึกษา ก้สามารถบอกได้ว่า เป้นคำให้ร้าย ฝ่ายตรงข้าม
อันที่จริง เรื่องนี้ มิใช่เรื่องใหม่ เพราะเมือ่การเลือกตั้งทั่วไป เมื่อ เดือน
กรกฏา 54  ก็ใช้คำ เช่นเผาบ้านเผาเมือง  ก่อการร้าย จะปล้น ประเทศ
รวมทั้งคำใหม่  สัตว์ร้ายทางการเมืองจาก คำของนายแขนคอก  ครับ
คำใส่ร้ายเหล่านี้ ถูกร้องเรียนไปเรียบร้อยแล้ว
คณะกรรมการการเลือกตั้งเป็น ผู้ออกระเบียบ ในการหาเสียง  ที่ผมจำได้
ห้ามมิให้ มีการหาเสียง ชนิดให้ร้ายป้ายสี
การพิจารณา คำร้องในเรื่องนี้ ของ กกต นับเป้นการวัดความเป็นมาตราฐาน
ของ องค์กร ที่บอกว่าเป็นกลางในการเลือกตั้ง  การให้ความเป็นกลางนั้น สำคัญ
อย่างยี่งในระบอบประชาธิปไตย เพราะถ้า องค์กรที่ควบคุม มีมาตราฐาน ที่
ไม่เป็นโล้เป็นพาย แล้วจะให้ประชาชน เชื่อได้อย่างไร  ที่แล้วมา  กกต คณะ นี้ ได้
สร้างความสงสัยให้กับ ประชาชน ผู้มีสิทธิเลือกตั้งหลายครั้ง หลายหน เช่นกรณี
เงิน บริจาก ให้พรรคการเมือง  เงิน ที่ กกต ให้กับ พรรคการเมือง กกต ชุดนี้ ได้สร้างความ
สงสัย ให้กับ ประชาชน อย่างที่สุด  ผมไม่พอใจ ที่ ผมต้องเสียภาษีให้กับ คณะใดคณะหนึ่ง
ที่ ตั้งอยู่ในความเป็นกลางที่น่า สงสัย วันนี้ มีเรื่องร้องเรียน แบบนี้เกิดขึ้น ก็หวังว่า
คณะ กกต ชุดนี้ จะได้สร้างมาตราฐาน ให้กับ สังคม ของประชาธิปไตย ให้บริสุทธิ
ยุติธรรม มิฉนั้น แล้ว ถ้ามีการกล่าวกันต่อไปในการหาเสียง ว่า มีคนหนึ่งเป็นสัตว์ร้าย
มาจาก จังหวัดหนี่ง ก็ได้ การเมือง คงมิต่างกับ การสาด โคลน สาดน้ำเน่า ใส่กัน
ไม่ต้อง หานโยบาย มาให้ประชาชนตัดสินใจอะไร แล้วเราจะมี กกต ไว้ทำอะไรครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่