‘ภคมน’ จี้ ศป.กฉ. เร่งสาง 5 ข้อเสนอแก้เหตุน้ำท่วม เตือนหาดใหญ่เสี่ยงวิกฤตฝุ่นพิษ PM 10 ซ้ำเติมชาวบ้าน

.
วันนี้ (3 ธันวาคม) ภคมน หนุนอนันต์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(สส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เปิดเผยว่า ขณะนี้แม้ระดับน้ำในพื้นที่หาดใหญ่และอำเภอรอบนอกจะลดลงจนแห้งแล้ว แต่ประชาชนกำลังเผชิญกับปัญหาใหม่ที่ตามมาคือ ฝุ่น PM 10 ซึ่งเกิดจากตะกอนดินโคลน ขยะ และสิ่งปฏิกูลที่แห้งกรังหลังน้ำท่วม เมื่อเกิดลมพัด หรือมีการสัญจรของรถยนต์ ฝุ่นเหล่านี้จะฟุ้งกระจายไปทั่วเมืองทันที
.
“คนใต้อาจจะไม่คุ้นชินกับ PM 2.5 เหมือนพื้นที่อื่น แต่ตอนนี้ PM 10 ซึ่งเป็นฝุ่นหยาบกำลังเล่นงานชาวหาดใหญ่ แม้จะไม่ซึมลึกเท่า PM 2.5 แต่การสูดดมฝุ่นจากซากความเสียหายหลังน้ำท่วมต่อเนื่อง ส่งผลเสียอย่างรุนแรงต่อระบบทางเดินหายใจ โดยเฉพาะในกลุ่มเปราะบาง” ภคมน กล่าว
.
ภคมน เสนอแนะให้ภาครัฐและท้องถิ่นดำเนินการทันที ดังนี้:
.
• ระดมรถฉีดน้ำ: เร่งฉีดล้างทำความสะอาดถนนและพื้นที่สาธารณะทั่วเมือ
• เพิ่มกำลังคน: ระดมเจ้าหน้าที่เข้าทำความสะอาดและจัดเก็บขยะตกค้าง
• แข่งกับเวลา: หากปล่อยช้า ฝุ่นตะกอนจะยิ่งกระจายวงกว้าง ส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนในระยะยาว
.
สส.พรรคประชาชน ได้กล่าวพาดพิงถึง ภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินอุทกภัย (ศป.กฉ.) โดยทวงถามถึงข้อเสนอ 5 ข้อ ที่ได้รวบรวมจากปัญหาหน้างานจริงและส่งมอบให้เมื่อวานนี้ (2 ธันวาคม)
.
ภคมน ย้ำว่า ข้อเสนอดังกล่าวสรุปจากความเดือดร้อนจริงของประชาชน สามารถนำไปปฏิบัติได้เลยโดยไม่ต้องรอประชุมหรือกลัวเสียหน้า เพราะทำด้วยเจตนาดีที่ต้องการเห็นการแก้ปัญหาที่รวดเร็ว หากวันนี้ยังไม่เริ่มดำเนินการ ปัญหาฝุ่น PM 10 จะกลายเป็นวิกฤตซ้อนวิกฤตทันที
.
ภคมน ตั้งข้อสังเกตทิ้งท้ายจากการลงพื้นที่ว่า เหตุใดเจ้าหน้าที่รัฐที่มีทั้งอำนาจและงบประมาณ จึงยังไม่สามารถบรรเทาความเดือดร้อนได้ทันท่วงที ในขณะที่ภาคประชาชนและคนตัวเล็กๆ ที่ไม่มีเครื่องมือ กลับออกมาช่วยเหลือกันอย่างแข็งขัน
.
.
ภิญญาพัชญ์ แนะตั้งวันสต๊อปเซอร์วิส ช่วยเยียวยาน้ำท่วม ถามให้ 9,000 เท่าเทียมกัน จริงหรือไม่
https://www.matichon.co.th/politics/news_5485946
.
ภิญญาพัชญ์ แนะตั้งวันสต๊อปเซอร์วิส ช่วยเยียวยาน้ำท่วม ถามให้ 9,000 เท่าเทียมกัน จริงหรือไม่
.
เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.2668 ที่รัฐสภา น.ส.ภิญญาพัชญ์ ศันสนียชีวิน ส.ว. ในฐานะรองโฆษกคณะกรรมาธิการติดตามการบริหารงบประมาณวุฒิสภา กล่าวถึงมติของที่ประชุมกรรมาธิการบริหารงบว่า ในเรื่องงบประมาณการชดเชยเยียวยาผู้ประสบภัยพิบัติทั้งระยะสั้น ระยะปานกลาง และระยะยาว ซึ่งช่วงปีที่ผ่านมา ประเทศไทยได้ประสบกับปัญหาภัยพิบัติจำนวนมาก ทั้งน้ำท่วมหลายพื้นที่ ปีนี้ที่เห็นชัดๆ ก็ที่จังหวัดน่าน กลุ่มจังหวัดภาคกลาง และล่าสุดคือทางภาคใต้
โดยที่ประชุมได้มีการพิจารณาด้านระเบียบกฎหมายข้อบังคับที่เกี่ยวข้องว่า ควรปรับปรุง แก้ไข และพัฒนาเพื่อให้สอดคล้องกับปัญหา และความต้องการของประชาชนตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น การใช้งบประมาณในกรณีเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินควรมีความรวดเร็ว และความเพียงพอต่อการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นหรือไม่ และเตรียมความพร้อมถึงภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเช่น ภัยสงคราม ภัยไซเบอร์ ภัยจากสภาพอากาศ และภัยอื่นๆ โดยมอบหมายให้เลขานุการคณะกรรมาธิการจัดทำรายละเอียดโครงการดังกล่าว เสนอในการประชุมในวันอังคารที่ 9 ธันวาคม 2568 และเร็วๆ นี้ ทางกรรมาธิการจะมีโครงการสัมมนาเพื่อปรับปรุงโครงการ การจัดสรรงบประมาณในเรื่องดังกล่าวอีกด้วย
.
ทั้งนี้ทางกรรมาธิการขอเป็นกำลังใจให้ผู้ประสบอุทกภัย ทั้งในภาคกลางที่ระดับน้ำยังไม่ลดเป็นปกติ รวมถึงภาคใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ที่ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการฟื้นฟูเยียวยา ในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติ กรรมาธิการติดตามบริหารงบประมาณ วุฒิสภา ยินดีอย่างยิ่ง และเราจะตรวจสอบและส่งข้อเสนอแนะไปยังฝ่ายบริหารต่อไป
.
เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่ขณะนี้มีเสียงสะท้อนจากประชาชน เรื่องเอกสารการขอรับเงินเยียวยาที่ยุ่งยากและเหมือนซ้ำเติมประชาชน น.ส.ภิญญาพัชญ์กล่าวว่า เรื่องนี้ควรจัดตั้งศูนย์ One Stop Service หรือศูนย์ให้บริการแบบครบวงจร และให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบ ซึ่งตนเคยให้ความเห็นส่วนตัวไปว่าการเยียวยา 9,000 บาท เท่าเทียมหรือไม่ เพราะในบางพื้นที่ท่วมเป็นระยะเวลานาน เท่ากับบ้านเสียหายทั้งหลัง แต่บางที่ท่วมไม่นานความเสียหายไม่มาก ควรมีการปรับเกณฑ์หรือไม่
.
ส่วนเรื่องเอกสารการรับเงินเยียวยา ควรมีเจ้าหน้าที่ลงถึงพื้นที่เพื่อช่วยจัดเตรียมเอกสารและถ่ายภาพ เพราะประชาชนยังไม่สามารถจัดการได้ และขอฝากรัฐบาลให้เร่งจัดสรรงบประมาณเยียวยาถึงประชาชนโดยเร็วที่สุด
.
เมื่อถามว่ารัฐบาลแก้ปัญหาล่าช้าหรือไม่ น.ส.ภิญญาพัชญ์กล่าวว่า การทำงานของรัฐบาลมองว่ามีความรวดเร็วตามศักยภาพตอนนี้ที่มีในการลงพื้นที่และเยียวยา แต่ถ้ามองในมุมระยะยาวในมาตรการต่างๆ การช่วยเหลือในอนาคตการปรับปรุงแผนการระบายน้ำ เพื่อรองรับอุทกภัยในภายภาคหน้าก็มองว่าอยากให้รัฐบาลเร่งพิจารณา
.
.
กกต.เปิดเอกสาร มีแค่ 2 พรรค ส่งผู้สมัครเลือกตั้ง 69 ได้ทั่วปท. เพื่อไทยได้แค่ 59 จังหวัด
https://www.matichon.co.th/politics/election69/news/news_5486446
.
กกต.เปิดเอกสาร มีแค่ 2 พรรค ส่งผู้สมัครเลือกตั้ง 69 ได้ทั่ว ปท. เพื่อไทยได้แค่ 59 จังหวัด
.
เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สืบเนื่องจากเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เรื่องจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบแบ่งเขตเลือกตั้งและเขตเลือกตั้งของแต่ละจังหวัดจะพึงมี โดยมีจำนวนราษฎรทั่วราชอาณาจักร ตามหลักฐานการทะเบียนราษฎร ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 ที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2568
.
ทั้งนี้ จากการตรวจตรวจสอบข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ได้จัดทำข้อมูลสรุปจำนวนการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ข้อมูล ณ วันที่ 24 พฤศจิกายน 2568 จากจำนวนพรรคการเมืองที่ดำเนินการอยู่ 76 พรรคการเมือง พบว่า พรรคการเมืองที่สามารถส่งผู้สมัคร ส.ส. ได้ครบทั้ง 77 จังหวัด 400 เขตเลือกตั้ง คือ พรรคประชาชนและพรรคกล้าธรรม
.
ส่วนพรรคภูมิใจไทยและพรรคโอกาสใหม่ ส่งผู้สมัคร ส.ส.ได้ 76 จังหวัด ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ 73 จังหวัด ด้านพรรคเพื่อไทย 59 จังหวัด พรรคพลังประชารัฐ 48 จังหวัด พรรคเสรีรวมไทย 36 จังหวัด พรรคประชาธิปไตยใหม่ 26 จังหวัด พรรคทางเลือกใหม่ 21 จังหวัด พรรครวมไทยสร้างชาติ 14 จังหวัด เป็นต้น
.
มีรายงานเพิ่มเติมว่า ข้อมูลดังกล่าวเป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้นที่พรรคการเมือง ทั้ง 76 พรรค ส่งให้สำนักงาน กกต.ตรวจสอบและบันทึกเป็นข้อมูลว่าแต่ละพรรคได้ดำเนินการเรื่องการจัดตั้งสาขาพรรคการเมือง และตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด เพื่อทำไพรมารีโหวต ส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง สำหรับพรรคการเมืองที่มีจำนวนส่งผู้สมัคร ส.ส.ได้ไม่ครบ 77 จังหวัดนั้น แหล่งข่าวระบุว่า ขณะนี้บางพรรคการเมืองอาจจะดำเนินการครบถ้วนแล้ว เพียงแต่ยังไม่ได้รายงานหรือแจ้งข้อมูลเรื่องการจัดตั้งสาขาพรรคการเมือง และตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด มายังสำนักงาน กกต. หรือบางพรรคการเมืองอาจอยู่ระหว่างขั้นตอนดำเนินการ ซึ่งขณะนี้ยังมีเวลา สามารถดำเนินการได้ทันหากมีการเลือกตั้ง ส.ส.เกิดขึ้น เพราะใช้เวลาไม่นาน
.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพรรคการเมืองที่จะส่งผู้สมัคร ส.ส.ได้ในแต่ละจังหวัดจะต้องมีสาขาพรรค หรือตัวแทนพรรคการเมืองให้ครบในแต่ละจังหวัดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 กำหนดไว้ตามมาตรา 47 ระบุว่า พรรคการเมืองซึ่งประสงค์จะส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งในจังหวัดใด ต้องมีสาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทนพรรคการเมืองประจําจังหวัดในจังหวัดนั้น ในกรณีที่พรรคการเมืองใดมีสาขาพรรคการเมืองมากกว่าหนึ่งสาขาหรือตัวแทนพรรคการเมืองประจําจังหวัดมากกว่าหนึ่งตัวแทนในจังหวัดใด ให้พรรคการเมืองนั้นกําหนดว่าจะให้สาขาพรรคการเมืองสาขาใดหรือตัวแทนพรรคการเมืองประจําจังหวัดใดในจังหวัดนั้น เป็นสาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทนพรรคการเมืองประจําจังหวัดเพื่อดําเนินการตามมาตรา 50
.
อย่างไรก็ตาม ระหว่างนี้หากพรรคการเมืองใดต้องการส่งผู้สมัคร ส.ส.ให้ครบ 77 จังหวัด จำเป็นต้องจัดตั้งสาขาพรรคประจำจังหวัด หรือเลือกตัวแทนพรรคให้ครบตามจำนวนที่จะสามารถส่งผู้สมัคร ส.ส.ได้ครบทั้ง 77 จังหวัด ตามมาตรา 47 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ปี 2560 กำหนด
JJNY : ‘ภคมน’ จี้ ศป.กฉ.เร่งสาง 5 ข้อ│ภิญญาพัชญ์ถามให้เท่าเทียมกันจริงหรือไม่│กกต.เปิดเอกสาร│รัสเซียไม่รับแผนยูเครน
.
.
.
ภิญญาพัชญ์ แนะตั้งวันสต๊อปเซอร์วิส ช่วยเยียวยาน้ำท่วม ถามให้ 9,000 เท่าเทียมกัน จริงหรือไม่
https://www.matichon.co.th/politics/news_5485946
.
.
.