.........ก่อนอื่นเราจะต้องมาทำความเข้าใจกับคำว่า “ปรุงแต่ง” เสียก่อน จึงจะเข้าใจถึงกฎสูงสุดนี้ได้ถูกต้อง คือคำว่า ปรุงแต่ง หมายถึง การที่ธรรมชาติได้นำเอาสิ่งต่างๆหลายๆสิ่งมารวมตัวกันแล้วเกิดเป็นสิ่งใหม่ขึ้นมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ และสิ่งที่เกิดขึ้นมานี้ก็เรียกว่าเป็น “สิ่งปรุงแต่ง” อย่างเช่น ต้นแอปเปิลได้นำเอาดิน (ปุ๋ย), น้ำ, แสงแดด (ความร้อน), และก๊าซมารวมตัวกันจนเกิดเป็นลูกแอปเปิลขึ้นมา หรือการที่เชื้อของพ่อมาผสมกับไข่ของแม่ จึงเกิดเป็นร่างกายของเราขึ้นมา หรือเมื่อเอาไม้มาเคาะระฆัง จึงเกิดเสียงระฆังขึ้นมา หรือเมื่อเราจุดเทียนจึงเกิดแสงเทียนขึ้นมา เป็นต้น ซึ่งทั้งลูกแอปเปิล, ร่างกาย, เสียงระฆัง, และแสงเทียน ล้วนเป็น “สิ่งปรุงแต่ง” ทั้งสิ้น
การปรุงแต่งนี้ก็คล้ายกับการประกอบ หรือกระทำ หรือสร้างในทางวัตถุ เพียงแต่ต่างกันตรงที่การปรุงแต่งนี้เมื่อปรุงแต่งเสร็จแล้วจะเกิดเป็นสิ่งใหม่ขึ้นมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ จนแทบไม่หลงเหลือลักษณะเดิมของสิ่งที่นำมาปรุงแต่งนั้นเลย อย่างเช่น ลูกแอปเปิลนั้นแทบไม่หลงเหลือลักษณะของดิน, น้ำ, แสงแดด, และก๊าซเลย ซึ่งการปรุงแต่งของธรรมชาตินี้นับว่าเป็นสิ่งอัศจรรย์ หรือแปลกประหลาดที่สุดของธรรมชาติ ที่เหมือนการใช้อำนาจวิเศษบันดาลสิ่งธรรมดาๆให้กลายมาเป็นสิ่งแปลกใหม่ได้อย่างน่าอัศจรรย์ (ส่วนการประกอบ หรือสร้าง หรือกระทำทางวัตถุโดยคนหรือสัตว์นั้น จะยังคงหลงเหลือลักษณะเดิมของสิ่งที่นำมาประกอบนั้นให้พบเห็นได้ อย่างเช่น โต๊ะไม้ก็ยังเห็นลักษณะของไม้ที่นำมาประกอบเหมือนเดิม เป็นต้น)
สิ่งปรุงแต่งทั้งหลายนั้นจะมีลักษณะสำคัญให้เราสังเกตได้คือ จะมีการเกิดขึ้น, จะต้องอาศัยสิ่งอื่นมาเป็นเหตุให้เกิดขึ้นและตั้งอยู่, และจะมีการแตกสลาย (ใช้กับวัตถุ) หรือดับหายไป (ใช้กับจิต) คือถ้าสิ่งใดมีการเกิดขึ้น หรือต้องอาศัยสิ่งอื่นมาเป็นเหตุให้เกิดขึ้นและตั้งอยู่ หรือมีการแตกสลายหรือดับหายไปให้สังเกตได้ ก็แสดงว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งปรุงแต่งทันที ซึ่งสิ่งที่เป็น “สิ่งปรุงแต่ง” นั้นก็ได้แก่ทุกสิ่งทั้งที่เป็นวัตถุและจิตใจ จะมีก็เพียง ความว่าง, กฎของธรรมชาติ, และความดับ เท่านั้นที่เป็น “สิ่งไม่ปรุงแต่ง” เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่มีอยู่แล้วตลอดเวลา ไม่มีการเกิดหรือดับ และไม่ต้องมีสิ่งใดมาเป็นเหตุให้มันมีอยู่
(จาก
http://www.whatami.net/for/bud.html )
อัศจรรย์แห่งการปรุงแต่ง
การปรุงแต่งนี้ก็คล้ายกับการประกอบ หรือกระทำ หรือสร้างในทางวัตถุ เพียงแต่ต่างกันตรงที่การปรุงแต่งนี้เมื่อปรุงแต่งเสร็จแล้วจะเกิดเป็นสิ่งใหม่ขึ้นมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ จนแทบไม่หลงเหลือลักษณะเดิมของสิ่งที่นำมาปรุงแต่งนั้นเลย อย่างเช่น ลูกแอปเปิลนั้นแทบไม่หลงเหลือลักษณะของดิน, น้ำ, แสงแดด, และก๊าซเลย ซึ่งการปรุงแต่งของธรรมชาตินี้นับว่าเป็นสิ่งอัศจรรย์ หรือแปลกประหลาดที่สุดของธรรมชาติ ที่เหมือนการใช้อำนาจวิเศษบันดาลสิ่งธรรมดาๆให้กลายมาเป็นสิ่งแปลกใหม่ได้อย่างน่าอัศจรรย์ (ส่วนการประกอบ หรือสร้าง หรือกระทำทางวัตถุโดยคนหรือสัตว์นั้น จะยังคงหลงเหลือลักษณะเดิมของสิ่งที่นำมาประกอบนั้นให้พบเห็นได้ อย่างเช่น โต๊ะไม้ก็ยังเห็นลักษณะของไม้ที่นำมาประกอบเหมือนเดิม เป็นต้น)
สิ่งปรุงแต่งทั้งหลายนั้นจะมีลักษณะสำคัญให้เราสังเกตได้คือ จะมีการเกิดขึ้น, จะต้องอาศัยสิ่งอื่นมาเป็นเหตุให้เกิดขึ้นและตั้งอยู่, และจะมีการแตกสลาย (ใช้กับวัตถุ) หรือดับหายไป (ใช้กับจิต) คือถ้าสิ่งใดมีการเกิดขึ้น หรือต้องอาศัยสิ่งอื่นมาเป็นเหตุให้เกิดขึ้นและตั้งอยู่ หรือมีการแตกสลายหรือดับหายไปให้สังเกตได้ ก็แสดงว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งปรุงแต่งทันที ซึ่งสิ่งที่เป็น “สิ่งปรุงแต่ง” นั้นก็ได้แก่ทุกสิ่งทั้งที่เป็นวัตถุและจิตใจ จะมีก็เพียง ความว่าง, กฎของธรรมชาติ, และความดับ เท่านั้นที่เป็น “สิ่งไม่ปรุงแต่ง” เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่มีอยู่แล้วตลอดเวลา ไม่มีการเกิดหรือดับ และไม่ต้องมีสิ่งใดมาเป็นเหตุให้มันมีอยู่
(จาก http://www.whatami.net/for/bud.html )