สังโยฃน์10 กับการบำเพ็ญฌาน, ญาน

ออกตัวก่อนครับว่า  เป็นผู้ที่้พื่งจะมาสนใจธรรมะไม่นานมานี่เอง ( แก่จะตายแล้วเพิ่งมาสนใจ 555)
สนใจใน สังโยขน์10  ที่ว่าด้วยหนทางแห่งการหลุดพ้น จากการละกิเลส10 อย่าง  เพราะล้ามากแล้วกับการดำเนินชีวิต
มาติดใจในข้อที่ 6, 7  ที่ให้ละ รูปราคะ ( รูปฌาน ) และ อรูปราคะ ( อรูปฌาน )

ซึ่งการบำเพ็ญ ฌาน, ญาน ก็ต้องจะต้องเริ่มด้วย การนั่งสมาธิ, วิปัสสนา ใฃ่หรือไม่?
ในเมื่อในสังโยชน์ 10 บอกไว้ให้ละทั้งรูปและอรูปราคะที่รวมถึงเรื่องฌาน8

แล้วทำไมถึงมีการปฏิบัติกันทั่วไปครับ  ในเมื่อไม่ใช่หนทางของการหลุดพ้น

ไม่ใฃ่กระทู้ล่อเป้าครับ  สงสัยจริงๆ  
ผมจะกลับมาอ่านได้อีกครั้งก็ศุกร์หน้าครับ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 6
ขอโฮกาสท่าน จขกท. ตอบตามความเข้าใจ

การภาวนา..ต้องทำใจให้สงบ  จิตปรับระดับให้ละเอียดขึ้นไปตามลำดับ  การที่จิตจะรู้อย่างเป็นอิสระ..รู้สักแต่ว่ารู้  เพื่อจะได้เห็นสัจจะพิจารณาธรรมทั้งหลายได้อย่างไม่มีสิ่งติดข้องยึดเหนี่ยวใดๆ  และระดับรู้สักแต่ว่ารู้นี้ดังที่ท่านว่าพร้อมออกรู้นั่นเอง  ระดับนี้ก็ต้องผ่านความสงบระดับรูปฌาน (อิ่มอารมณ์ฌาน 4 แล้วถอยออก..มาออกรู้)

การทำใจให้สงบผ่านรูปฌาน จนพร้อมออกรู้นอกจากจะเพื่อให้จิตเป็นอิสระจากสิ่งใดๆแล้ว  ยังให้จิตได้ประจักษ์แก่ตนเองว่า  กามภพ และรูปภพ ล้วนไม่เที่ยงเกิดดับไป  ในระหว่างภาวนาอาการเกิดดับของกามภพและรูปภพจะแสดงให้เห็น ซึ่งยังความเบื่อหน่ายในภพทั้ง 2 นี้ว่าไม่เที่ยงเป็นทุกข์เป็นอนัตตา สว่นหากนักปฏิบัติท่านใดสงสัยในอรูปภพก็ฝึกฝนเจริญอรูปฌานต่อไปเพื่อให้ได้ประจักษ์ใจในการเกิดดับลักษณะเดียวกัน

หากจิตยังไม่เคยเห้นถึงอาการเกิดดับใดๆอย่างไรแล้ว  จิตจะเบื่อหน่ายคลายกำหนัดได้อย่างไร...สมองละกิเลสไม่ได้  ใจต้องประจักษ์และยอมรับเท่านั้น  แต่ในท่านผู้มีบารมีมากดังน้ำเต็มเขื่อนก็อาจจะไม่ต้องพิจารณาการเกิดดับของ กามภพ รูปภพ อรูปภพ ..ข้ามไปพิจารณาผู้รู้เลย


ขอโปรดพิจารณา...
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่