โปลิศจับขโมย .... ( ตอน ๓ .... ความซื่อสัตย์ )

กระทู้สนทนา
""                                                                                                                                                                              ""









        เราสองคน  - ฉัน กับ ภาสกร เราตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันฉันสามีภรรยา หลังจากคบหาดูใจกันมาได้สองปี ในวันครบรอบของเรา

เขาเอ่ยปากชวนฉันให้ย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านด้วยกัน หลังจากคิดและตัดสินใจอยู่ไม่นานฉันก็ตอบตกลง ความจริงฉันก็ไม่ใช่ผู้หญิงหัวสมัยใหม่

อะไรมากนัก แต่ฉันพยายามเป็นผู้หญิงที่อยู่ในโลกแห่งความจริง ในเมื่อทุกวันนี้สังคมเมืองกรุงฯทุกสิ่งทุกอย่างต่างเคลื่อนไหวแข่งกับเวลา ดัง

นั้นฉันจึงไม่อาจมานั่งเพ้อฝันคิดถึงเรื่องราวของความรักดั่งในนิยาย ที่ต้องมีงานแต่งงานหรูหรามีชุดแต่งงานฟูฟ่อง มีแขกเหรื่อมาร่วมงาน

มากมาย เพียงแค่ตอนนี้ฉันรักและอยากใช้ชีวิตร่วมกับเขาเท่านี้มันก็น่าจะเพียงพอ และอีกอย่างภาสกรเขาก็ไม่ได้เป็นคนเลวร้ายอะไร



             ภาสกร เป็นชายหนุ่มที่หน้าตาดีคนหนึ่ง แต่เขาไม่ค่อยจะรู้จักดูแลตัวเองปล่อยให้มันกร้านแดดกร้านลม ในวัย 27 ปีเขามีอาชีพที่

มั่นคงมีรายได้ที่แน่นอน และมันก็มากพอที่จะทำให้เขาสามารถผ่อนบ้านผ่อนรถยนต์ และมีเงินเหลือใช้จ่ายมีเงินเก็บก้อนหนึ่งเอาไว้ใช้ในยาม

ฉุกเฉิน ชีวิตของเขาดูจะมีระเบียบเรียบร้อยเหมือนถูกวางแผนมาเป็นอย่างดี ต่างกับชีวิตของฉันที่ดูแล้วออกจะสะเปะสะปะ หลังจากเรียนจบมา

สามปี ปีแรกใช้เวลาไปกับการเดินทางท่องเที่ยวส่วนสองปีหลังก็เปลี่ยนงานเป็นว่าเล่น แม้ถึงตอนนี้งานที่ฉันทำอยู่ก็เป็นงานที่ไม่ค่อยจะมั่นคง

สักเท่าไหร่ เรียกได้ว่าชีวิตฉันพร้อมที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา



            ………………………………………………………………..



             “ อร เราสองคนมาใช้ชีวิตร่วมกันไหม  เค้าอยากให้เรามีเวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น เค้าอยากดูแลตัวเองให้ได้มากกว่านี้ ”
            

              หลังจากเราทานดินเนอร์กันเสร็จเรียบร้อย ในวันครบรอบสองปีที่เราตกลงคบหาเป็นแฟนกัน เขาเอ่ยคำชวนพร้อมกับยื่นมือข้างหนึ่ง

มากุมมือฉันไว้ ก่อนที่มืออีกข้างหนึ่งจะล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงหยิบแหวนวงหนึ่งขึ้นมา แล้วค่อยๆดึงมือฉันเข้าไปใกล้ๆบรรจงสวมแหวนวง

นั้นที่นิ้วนางข้างซ้าย  หากใครเข้ามาใกล้ๆตอนนี้ คงจะได้ยินเสียงหัวใจของฉันกำลังเต้นโครมครามด้วยความรู้สึกดีที่มันอัดแน่นอยู่ในใจ ก่อน

ที่มันจะระเบิดออกมาฉันค่อยๆดึงมือตัวเองกลับมา แกล้งทำเป็นก้มหน้าก้มตาดูแหวนวงนั้น แต่แท้ที่จริงแล้วไม่อาจทนสบสายตาลึกซึ้งคู่นั้น

ของเขาได้อีกต่อไป



             “ จะบ้าไงลูกเขาก็มีพ่อมีแม่ อยู่ดีๆก็มาชวนเค้าให้หนีตามกันไปกับตัวเอง ”   ฉันแกล้งพูดแก้อาการเขินอายที่กำลังทำให้แก้มทั้งสอง

ข้างแดงเป็นลูกตำลึง


            “ ถ้าตัวเองไม่ยอมมาอยู่กับเค้า เดี๋ยวถ้าเกิดเค้าเหงาๆขึ้นมา เค้าพาใครมาอยู่ที่บ้านไม่รู้ด้วยน่ะ ”
          

           “ ก็ลองดูสิ เค้าจะตามไปอาละวาดให้บ้านแตกเลย ”  ฉันหลงกลคำที่เขาแกล้งยั่ว ทั้งๆที่รู้อยู่ในใจว่าเขารักฉันมากมายสักเพียงใด และ

ฉันเองก็เช่นกัน ตอนนี้ฉันอยากจะใช้ชีวิตร่วมกับเขามากมายเหลือเกิน



            ..................................................................................................

    


          วันนี้เป็นวันจันทร์แรกของเดือนกุมภาพันธ์ และเป็นวันแรกที่ฉันตัดสินใจย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านของเขา ดอกไม้ในแจกันหลายใบที่เพิ่งถูก

เปลี่ยนส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วบ้าน บนฝาผนังห้องรับแขกมีภาพถ่ายที่ถูกขยายจนใหญ่เกือบเท่าตัวจริงถูกแขวนขึ้นมาใหม่เป็นภาพคู่ของเราสอง

คน บนโต๊ะอาหารเล็กๆ ถูกจัดวางไว้ด้วยจานช้อนสองชุดที่เข้ากัน แก้วไวน์สองใบ และไวน์แดงหนึ่งขวด ดอกกุหลาบแดงช่อใหญ่ที่วางอยู่ใกล้ๆ

กันกับเชิงเทียน การ์ดสีชมพูน่ารักๆที่เหน็บไว้ที่ช่อดอกไม้มีข้อความซึ้งๆเขียนว่า “ ผมจะรักและซื่อสัตย์กับคุณตลอดไป ” ลงชื่อ “กร”  ภาสกร

เขาคงจะเตรียมการทั้งหมดนี้ไว้เพื่อต้อนรับฉันในค่ำวันนี้  



           “ ทำยังไงดีละ เราดันรีบร้อนมาก่อนเวลา แล้วนี่เขาจะงอนไหมน่ะ ”  ฉันบ่นเบาๆกับตัวเอง ก็ใครจะไปรู้ล่ะว่าคนที่ไม่จะเคยทำอะไรโร

แมนติกอย่างเขา อยู่ดีๆจะลุกขึ้นมาทำอะไรหวานๆอย่างนี้ถึงสองครั้งสองหนติดๆกัน


         ……………………………………………………………………………..



             สองทุ่มกว่าแล้ว ฉันกำลังเก็บเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้หลายอย่างออกจากกระเป๋า ใส่ในตู้เก็บของและตู้เสื้อผ้า  เสียงเครื่องยนต์

รถดังๆที่เคลื่อนมาจอดหน้าบ้านพร้อมกับเสียงเบรกล้อแรงๆ  สั่งฉันให้หยุดมือจากทุกอย่างที่กำลังทำรีบเดินลงบันไดมายังห้องรับแขก เสียง

ประตูรั้วที่เพิ่งถูกเลื่อนปิดไม่นาน  ภาสกรก็เปิดประตูด้านในเดินเข้ามาในบ้าน



             “ ที่รักผมกลับมาแล้วนะ คุณอยู่ที่ไหนเหรอ ”  เขาเอ่ยคำดังๆ พร้อมเลื่อนมือไปกดสวิทซ์ไฟข้างบานประตูเปลี่ยนระดับแสงไฟให้ลด

ลง จนทำให้ตอนนี้แสงไฟภายในบ้านกลายเป็นสีส้มสลัวๆ แต่ยังสามารถมองเห็นบรรยากาศภายใน



           “ เค้าอยู่ในห้องรับแขก ตัวเองมีอะไรจะเซอไพรส์เค้าอีกล่ะ แหมเดี๋ยวนี่กลายเป็นโรแมนติกแมนไปเลยน่ะ ไปแอบกินอะไรหวานๆมาละ

ทีเมื่อก่อนไม่เห็นมาทำหวานกับเค้าอย่างนี้บ้างเลย ”
    


          “ ผมบอกว่าจะไปรับคุณที่บ้านไง ทำไมคุณไม่ยอมรอ ผมกะจะทำเซอไพรส์ให้คุณซึ้งจนน้ำตาไหลซ่ะหน่อย ดูสิเนี่ยเสียแผนหมดเลย

อุตส่าห์คิดเอาไว้ตั้งหลายวัน ”  เขาเอ่ยคำ ก่อนเดินไปที่เปียโนเรือนเก่าที่ตั้งอยู่มุมหนึ่งของห้องรับแขก



            เสียงบรรเลงเปียโนที่นุ่มนวล แผ่วเบา ลึกซึ้งในท่วงทำนอง ที่ลอยก้องอยู่ตอนนี้ ทำให้ฉันน้ำตาไหลได้จริงๆอย่างที่เขาบอก ฉันเดิน

เข้าไปยืนข้างหลังเขาใกล้ๆวางมือลงบนบ่าทั้งสองข้างของเขา ก่อนเอียงคอลงไปหอมที่แก้มข้างหนึ่งของเขาอย่างอ่อนหวาน นานเนิ่นนาน

กว่าที่เสียงเปียโนของเขาจะหยุดลง  แต่ฉันยังคงล่องลอยไปตามเสียงเพลงนั้นมือทั้งสองข้างโอบกอดลำคอแนบตัวกับแผ่นหลังที่อบอุ่นของ

เขาไว้ นานเนิ่นนาน



             “ เต้นรำกันไหม เราสองคนยังไม่เคยมีโอกาสได้เต้นรำกันจริงๆ เลยสักครั้ง คุณรู้ไหมว่าผมอยากเต้นรำกับคุณมากแค่ไหนในคืนนี้ ”



            พูดจบเขาก็ลุกขึ้นหันหลังกับมา กุมมือฉันไว้ข้างหนึ่งอีกข้างวางมันลงตรงรอบเอว ฉันรู้สึกเขินมากจนไม่กล้าสบตาเขา ได้ก้มหน้ามอง

เท้าของตัวเอง ที่กำลังเคลื่อนไหวไปตามจังหวะที่เขาเป็นคนนำทาง เราสองคนเต้นรำโยกย้ายกันไปมาในความเงียบ แต่ไม่รู้ว่าทำไมในใจฉัน

ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยท่วงทำนองของเพลงรักที่ลึกซึ้งมากมาย เขาทำให้ฉันรู้สึกมีความสุขเหลือเกิน



           “ ผมมีดอกกุหลาบเตรียมไว้ให้คุณด้วยน่ะ คุณเห็นแล้วใช่ไหม แล้วนี่แอบอ่านการ์ดไปก่อนแล้วด้วยใช่ไหมเนื่ย ”



         “ ก็เค้าไม่รู้นี่นา ว่าตัวเองจะมาทำเซอไพรส์อะไรหวานๆแบบนี้ เค้าก็แค่อยากรีบมาจัดข้าวของเก็บกวาดบ้านให้เรียบร้อยก่อนตัวเองกลับ

มา เค้าขอโทษทีน่ะ ”



           “ แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก ผมแค่อยากให้คำสัญญากับคุณอีกครั้ง เหมือนที่ผมเขียนไว้ในการ์ดว่า “ ผมจะรักและซื่อสัตย์กับคุณเสมอ ” ผม

รักคุณมากคุณรู้ใช่ไหม”    
            

              เขาดึงร่างฉันที่กำลังเต้นโยกย้ายอยู่เข้าไปกอดไว้นานเนิ่นนานจนฉันรู้สีกอึดอัด แต่มันก็รู้สึกอบอุ่นและมีความสุขเหลือเกิน  ก่อนที่

ครู่หนึ่งเขาจะคลายวงแขนออก จูงมือฉันเดินตามมานั่งลงบนเก้าอี้ที่โต๊ะอาหารเล็กๆที่เขาจัดไว้


            “ ผมเตรียมไวน์แดงไว้ดื่มกับคุณด้วย มันก็ไม่ใช่ของแพงอะไรหรอก แต่ผมอยากให้คุณรู้สึกประทับใจและอยากให้เราได้มีความทรงจำ

ดีๆในช่วงเวลาที่สวยงามเก็บไว้เพื่อนึกถึงในวันข้างหน้า ”


           เขารินไวน์ใส่แก้วทั้งสอง แล้วยื่นแก้วหนึ่งส่งมาให้ฉัน ก่อนยกแก้วในมือเขาเข้ามาชนกับแก้วของฉันเบาๆ  เรานั่งมองตากันและกัน ฉัน

เห็นความรักมากมายที่ซ่อนอยู่ในดวงตาคู่นั้น แต่เมื่อมองดูดีๆทำไมฉันเห็นเงาความเศร้าฉาบอยู่ในดวงตาคู่นั้นด้วยเช่นกัน



           ..............................................................................................




          เราสองคนนั่งดื่มไวน์ใต้แสงเทียน จนผ่านเวลาไปนานเท่าไรไม่รู้ คุยกันเรื่องความหลังเก่าๆ ของเราสองคน เราเจอกันที่ไหน เรารักกัน

เมื่อไร ใครแอบชอบใครก่อน และเรื่องตลกๆที่เขาชอบเอามาเล่าให้ฉันฟัง จนหมดไวน์ไปหลายแก้ว ฉันมองไปที่ดวงตาลึกซึ้งคู่นั้นของเขาอีก

ครา ทำไมยิ่งมองฉันยิ่งเห็นความเศร้าเสียใจที่เพิ่มมากขึ้นในตาของเขา



         “ ทำไมคุณถึงไม่ยอมรอให้ผมไปรับ ทำไมคุณดื้อดึงอย่างนั้น ผมเคยบอกคุณกี่ครั้งแล้วว่าไม่อยากให้คุณขับรถทำไมไม่เคยเชื่อกันบ้าง

เลย ขับรถก็เร็วอย่างนั้นไม่เคยยอมใคร ไม่รู้จะรีบร้อนไปไหนกันนักหนา ” อยู่ดีๆเขาก็กล่าวคำพูดแปลกๆเหล่านี้ออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ จน

ฉันตกใจ !



         “ ตัวเองเป็นอะไรไป ทำไมตัวเองถึงต้องโกรธเค้าขนาดนี้ด้วย มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเหรอ เค้าตกใจจนทำอะไรไม่ถูกแล้วน่ะ งงไปหมดแล้ว

เนี่ย  ”


        เขากระดกไวน์ที่เหลืออยู่ในขวด ลงลำคอจนหมดสิ้น ก่อนเขวี้ยงขวดไวน์ใส่ฝาผนังห้องด้านหนึ่งอย่างรุนแรง เศษแก้วที่ปลิว

กระจัดกระจายผ่านสายตา ฉันตกใจจนน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว เขาเดินเหยียบย่ำเศษแก้วที่ร่วงเกลื่อนอยู่บนพื้นห้องไปหยุดยืนนิ่งเป็นรูป

ปั้น อยู่ตรงหน้ารูปภาพของเรา น้ำตาที่รินไหลออกมาของเขาตอนนี้มันมากกว่าของฉันมากมายเหลือเกิน



       “ ทำไม ทำไม ทำไม ! –  อีกนิดเดียวเราก็จะได้อยู่ด้วยกันแล้ว คุณทำอย่างนี้แล้วผมจะอยู่กับใคร ” เขาก้มหน้าลงตรงรูปภาพของฉัน

ร้องไห้คร่ำครวญเหมือนคนเสียสติ


     “ กร ตัวเองเป็นอะไร มีอะไรเกิดขึ้นกันแน่ ทำไมตัวเองถึงเป็นอย่างนี้ ” ฉันวิ่งเข้าไปกอดเขาไว้ ร่ำไห้กับแผ่นหลังที่สั่นสะท้านของเขา



                    ..........................................................................................................




        ฉันรู้สึกแปลกๆภายในตัวของตัวเองเอง เหมือนตอนนี้มันไม่ใช่ร่างกายของฉันอีกต่อไป สัมผัสอบอุ่นที่เคยรู้สึกมันเริ่มจางหายไปทีละ

น้อยๆ ความทรงจำบางอย่างบางช่วงบางตอนที่ขาดหายไปกำลังหวนคืนมา
    



         “ เสียงบีบแตร เสียงเบรกล้ออย่างรุนแรง ภาพถนนเบื้องหน้าแสงไฟกระพริบจากรถที่สวนเข้ามา เศษกระจกหน้ารถที่แตกละเอียดยิบ

ภาพร่างที่แน่นิ่งเลือดท่วมตัวของฉัน ” สิ่งต่างๆเหล่านี้กำลังย้อนกลับเข้ามาในความทรงจำของฉันอีกครั้ง



              .............................................................................................................

        


๐ จบตอน " ความซื่อสัตย์ " แล้วพบกันใหม่ตอนต่อไป " ผู้เฒ่า "

ขอบคุณทุกท่าน ที่แวะมาอ่าน ครับ

สุขสวัสดิ์ ในวันสบายๆๆๆ .... ในเดือนแห่งความรัก ครับ      


     ............................................



ป.ล. ขอให้หัวใจทุกดวงบนโลกใบนี้ที่กำลังมีความรัก ... เก็บความรักนั้นไว้ได้ตราบนานนิรันดร์



   ...........................................................................


๐ ตอน ๑ ... ตีนแมว ครับ

http://pantip.com/topic/30080340


๐ ตอน ๒ ... นักฆ่า ครับ

http://pantip.com/topic/30099327
          




...
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่