ไม่น่าเชื่อว่าจะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น เมื่อปี 2554 รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
อนุมัติโครงการก่อสร้างที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน) หลังเก่า 396 หลัง
ด้วยงบประมาณกว่า 6 พันล้าน เนื่องจากสถานีตำรวจส่วนใหญ่คับแคบ หมด
อายุการใช้งาน หลายๆ แห่ง สามารถรองรับการเติบโตของชุมชน แต่เวลาผ่าน
ไป 2 ปีเศษแล้ว การก่อสร้างสถานีตำรวจทั้ง 396 แห่งทั่วประเทศ ยังไม่มีที่
ไหนสร้างสำเร็จแม้แต่แห่งเดียว ตรงกันข้ามกลับเกิดสภาพที่สถานีตำรวจเดิม
ถูกทุบทิ้ง ขณะที่สถานีแห่งใหม่ที่จะก่อสร้างก็ยังทิ้งค้างอยู่ ส่วนมากมีแต่ฐาน
ราก เสาเข็ม และโครงเหล็กเส้น เพราะผู้รับเหมาก่อสร้างทิ้งงาน กลายเป็นเครื่อง
ประจานปัญหาที่เกิดขึ้น
ประเด็นสำคัญที่ทำให้การก่อสร้างไม่สำเร็จ เนื่องจากรัฐบาลขณะนั้นได้เปลี่ยน
แปลงระบบประมูลงาน จากที่กระจายให้กองบัญชาการภาคดำเนินการ เพื่อไป
เปิดประมูลตามพื้นที่ ให้ได้บริษัทก่อสร้าง หรือผู้รับเหมาก่อสร้างในพื้นที่หรือ
นอกพื้นที่ที่มีขีดความสามารถได้เข้าประมูล ให้มารวมศูนย์ หรือรวมเป็นสัญญา
เดียวอยู่ที่ส่วนกลางทำให้มีเพียงบริษัทรับเหมาบริษัทเดียวชนะการประมูล แต่
กลับไม่มีศักยภาพเพียงพอ หรือมีปัญหา ทำให้การก่อสร้างโรงพักทั้ง 396 แห่ง
ชะงัก สัญญาก่อสร้างให้เริ่มงานวันที่ 26 มีนาคม 2554 แล้วเสร็จใน
วันที่ 17 มิถุนายน 2555 แต่มีการขยายเวลาให้อีกหลายครั้ง จากเหตุน้ำท่วมใหญ่
เมื่อปลายปี 2554 สุดท้ายมากำหนดวันสิ้นสุดอายุสัญญาในวันที่ 14 มีนาคม 2556 นี้
ผลที่ตามมา ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีที่ทำงาน ต้องอพยพย้ายสิ่งของไปใช้
สถานที่ต่างๆ ตามสภาพ อาทิ เช่าอาคารของเอกชน ขอใช้สถานที่ของวัดวาอาราม
หรือสถานที่ราชการที่พอมีพื้นที่ บางแห่งถึงกับต้องกางเต็นท์เป็นสำนักงาน ส่วน
ผู้ต้องหาที่ขังไว้ในสถานีตำรวจ ต้องส่งตัวไปฝากตามเรือนจำ หรือสถานีตำรวจ
ใกล้เคียง บางแห่งดัดแปลงสถานที่ให้มีลักษณะเป็นห้องขัง แล้วใช้ขังผู้ต้องหา
ไปตามมีตามเกิด นับเป็นสภาพอันทุลักทุเล ไม่เพียงสร้างความยากลำบากในการ
ทำงานของเจ้าหน้าที่เท่านั้น หากยังทำให้ประชาชนที่ต้องไปติดต่อประสบปัญหา
ไปด้วย
กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ ได้เข้าไปสอบสวนกรณีที่เกิดขึ้น และลงพื้นที่
เก็บข้อมูลเกี่ยวกับการก่อสร้างอีกหลายแห่ง คาดว่าน่าจะได้ข้อสรุปในอนาคตอันใกล้
แต่ข้อมูลเบื้องต้นระบุว่าเป็นความรับผิดชอบของนักการเมืองที่เคยทำหน้าที่ดูแล
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กับผู้บริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผลของการรวม
สัญญาทำให้เบิกเงินล่วงหน้าในโครงการเป็นเงินก้อนใหญ่นับพันล้านได้ ส่วนจะมี
ใครได้ประโยชน์อย่างไรหรือไม่ จะต้องสอบสวนต่อไป ปัญหาสำคัญที่มีความเร่งด่วน
ได้แก่ การที่จะต้องจัดการก่อสร้างสถานีตำรวจให้เสร็จ เพื่อกลับมาให้บริการ
ประชาชนได้ในเวลาอันรวดเร็ว
http://www.matichon.co.th/daily/view_news.php?newsid=01edi01280156§ionid=0102&selday=2013-01-28
น่าแปลกใจ ....ที่เรื่องนี้ ฝ่ายปชป.นิ่งสนิท ทั้งในสื่ออย่าง "แนวหน้า"
หรือแม้แต่ในห้องรดน. ก็ไม่มีใครเข้ามาตอบกระทู้ อ้อ ...มีคุณม่วงคัน
ค่ะ ...ที่ยืนยันว่าเรื่องนี้ปกติ ... ค่ะ กับการทำสัญญาเดียวที่ส่วนกลาง
ก็ลองดูนะคะ อีกสักกระทู้ ดูว่า คุณอดีตหัวหน้าเผ่า คุณ Lpg_horse
คุณ TFEX รวมถึง คุณวอน แฟนขับ..สาวเหลือน้อย อีกคนก็ได้
จะ comment เรื่องนี้บ้างไหม ? ...หรือว่าเรื่องไหน ที่ไม่ปกติของ
รัฐบาลปชป. ไม่ comment จะ comment เฉพาะรัฐบาลเพื่อไทย
เท่านั้น ....55555
ไม่คิดว่านี่ จะเสี้ยม หรือ เกรียน แค่ถามกันเท่านั้นเอง ....
กรณี 396 โรงพัก.....บทนำ....มติชนออนไลน์
อนุมัติโครงการก่อสร้างที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน) หลังเก่า 396 หลัง
ด้วยงบประมาณกว่า 6 พันล้าน เนื่องจากสถานีตำรวจส่วนใหญ่คับแคบ หมด
อายุการใช้งาน หลายๆ แห่ง สามารถรองรับการเติบโตของชุมชน แต่เวลาผ่าน
ไป 2 ปีเศษแล้ว การก่อสร้างสถานีตำรวจทั้ง 396 แห่งทั่วประเทศ ยังไม่มีที่
ไหนสร้างสำเร็จแม้แต่แห่งเดียว ตรงกันข้ามกลับเกิดสภาพที่สถานีตำรวจเดิม
ถูกทุบทิ้ง ขณะที่สถานีแห่งใหม่ที่จะก่อสร้างก็ยังทิ้งค้างอยู่ ส่วนมากมีแต่ฐาน
ราก เสาเข็ม และโครงเหล็กเส้น เพราะผู้รับเหมาก่อสร้างทิ้งงาน กลายเป็นเครื่อง
ประจานปัญหาที่เกิดขึ้น
ประเด็นสำคัญที่ทำให้การก่อสร้างไม่สำเร็จ เนื่องจากรัฐบาลขณะนั้นได้เปลี่ยน
แปลงระบบประมูลงาน จากที่กระจายให้กองบัญชาการภาคดำเนินการ เพื่อไป
เปิดประมูลตามพื้นที่ ให้ได้บริษัทก่อสร้าง หรือผู้รับเหมาก่อสร้างในพื้นที่หรือ
นอกพื้นที่ที่มีขีดความสามารถได้เข้าประมูล ให้มารวมศูนย์ หรือรวมเป็นสัญญา
เดียวอยู่ที่ส่วนกลางทำให้มีเพียงบริษัทรับเหมาบริษัทเดียวชนะการประมูล แต่
กลับไม่มีศักยภาพเพียงพอ หรือมีปัญหา ทำให้การก่อสร้างโรงพักทั้ง 396 แห่ง
ชะงัก สัญญาก่อสร้างให้เริ่มงานวันที่ 26 มีนาคม 2554 แล้วเสร็จใน
วันที่ 17 มิถุนายน 2555 แต่มีการขยายเวลาให้อีกหลายครั้ง จากเหตุน้ำท่วมใหญ่
เมื่อปลายปี 2554 สุดท้ายมากำหนดวันสิ้นสุดอายุสัญญาในวันที่ 14 มีนาคม 2556 นี้
ผลที่ตามมา ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีที่ทำงาน ต้องอพยพย้ายสิ่งของไปใช้
สถานที่ต่างๆ ตามสภาพ อาทิ เช่าอาคารของเอกชน ขอใช้สถานที่ของวัดวาอาราม
หรือสถานที่ราชการที่พอมีพื้นที่ บางแห่งถึงกับต้องกางเต็นท์เป็นสำนักงาน ส่วน
ผู้ต้องหาที่ขังไว้ในสถานีตำรวจ ต้องส่งตัวไปฝากตามเรือนจำ หรือสถานีตำรวจ
ใกล้เคียง บางแห่งดัดแปลงสถานที่ให้มีลักษณะเป็นห้องขัง แล้วใช้ขังผู้ต้องหา
ไปตามมีตามเกิด นับเป็นสภาพอันทุลักทุเล ไม่เพียงสร้างความยากลำบากในการ
ทำงานของเจ้าหน้าที่เท่านั้น หากยังทำให้ประชาชนที่ต้องไปติดต่อประสบปัญหา
ไปด้วย
กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ ได้เข้าไปสอบสวนกรณีที่เกิดขึ้น และลงพื้นที่
เก็บข้อมูลเกี่ยวกับการก่อสร้างอีกหลายแห่ง คาดว่าน่าจะได้ข้อสรุปในอนาคตอันใกล้
แต่ข้อมูลเบื้องต้นระบุว่าเป็นความรับผิดชอบของนักการเมืองที่เคยทำหน้าที่ดูแล
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กับผู้บริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผลของการรวม
สัญญาทำให้เบิกเงินล่วงหน้าในโครงการเป็นเงินก้อนใหญ่นับพันล้านได้ ส่วนจะมี
ใครได้ประโยชน์อย่างไรหรือไม่ จะต้องสอบสวนต่อไป ปัญหาสำคัญที่มีความเร่งด่วน
ได้แก่ การที่จะต้องจัดการก่อสร้างสถานีตำรวจให้เสร็จ เพื่อกลับมาให้บริการ
ประชาชนได้ในเวลาอันรวดเร็ว
http://www.matichon.co.th/daily/view_news.php?newsid=01edi01280156§ionid=0102&selday=2013-01-28
น่าแปลกใจ ....ที่เรื่องนี้ ฝ่ายปชป.นิ่งสนิท ทั้งในสื่ออย่าง "แนวหน้า"
หรือแม้แต่ในห้องรดน. ก็ไม่มีใครเข้ามาตอบกระทู้ อ้อ ...มีคุณม่วงคัน
ค่ะ ...ที่ยืนยันว่าเรื่องนี้ปกติ ... ค่ะ กับการทำสัญญาเดียวที่ส่วนกลาง
ก็ลองดูนะคะ อีกสักกระทู้ ดูว่า คุณอดีตหัวหน้าเผ่า คุณ Lpg_horse
คุณ TFEX รวมถึง คุณวอน แฟนขับ..สาวเหลือน้อย อีกคนก็ได้
จะ comment เรื่องนี้บ้างไหม ? ...หรือว่าเรื่องไหน ที่ไม่ปกติของ
รัฐบาลปชป. ไม่ comment จะ comment เฉพาะรัฐบาลเพื่อไทย
เท่านั้น ....55555
ไม่คิดว่านี่ จะเสี้ยม หรือ เกรียน แค่ถามกันเท่านั้นเอง ....