ทำไมต้องออกกำลัง อย่างน้อยเป็นเวลา 30 นาที

กระทู้สนทนา
เมื่อมีคำถาม ...... อยากลดความอ้วน ทำยังไง ?
ก็มีคำตอบว่า ..... ก็ออกกำลังกายซิ

เมื่อมีคำถาม ...... แล้วต้องออกกำลังกายนานเท่าไหร่
ก็มีคำตอบว่า ..... 30 นาทีขึ้นไป .. ร่างกายก็จะหันมาใช้ไขมันที่เราสะสมไว้ใต้ชั้นผิวหนัง เองแหระ

แล้วทำไม ต้อง 30 นาที .............
เป็นคำถามที่ ... ถ้าตอบ คงต้องเรียนเชิญ นักวิชาการ มาตอบแบบจริงจัง ......

แล้วอธิบายได้หรือเปล่า ????
อยู่ที่ว่า จะเข้าใจกันหรือเปล่าด้วยนะซิ

เอาแบบง่ายๆหละ .........
มันจะไม่ค่อยตรงตามหลักจริงๆซักเท่าไหร่ เป็นแบบคร่าวๆนะ ......

..เกริ่นยาวดีมะ ...

ผมว่าทุกคนคงสงสัย ทำไมต้อง 30 นาทีขึ้นไป แล้วต่อเนื่องนี่นับยังไง ไม่ต้องหยุดเลยเหรอ? เหนื่อยมากเลย แค่ 10 นาที  ก็ไม่ไหวแล้ว

30 นาที มันก็ไม่ได้มาจากอะไรมากมาย แต่มันคือค่าเฉลี่ย ที่คนทั่วๆไป หากออกกำลังแล้ว .. ร่างกายจะเริ่มดึงเอาพลังงานที่เราสะสมไว้มาใช้ ....

งั้นก็แปลว่า ไม่ต้องยึดกับเลข 30 หละซิ ......

ถูกครับ ไปยึดทำไม แต่ .... เราต้องรู้ว่าทำไม ถึงไม่ยึด แล้ว ถ้าไม่ยึด เราจะยึดอะไรกันดี .......
พึ่งยึดที่มั่นด้วยความดี ........ (เย้ยยยย เหอะๆ)

เราต้องรู้ก่อนว่า ... แหล่งใช้พลังงานของเรา ..คือ ......................
ถูกต้องแล้วครับ .. แหล่งการใช้พลังงานที่สำคัญสุดในร่างกายเราคือ ..........
คือ .
คือ .
ตอบซะทีเถอะ หลายคือแล้วนะ
คือ สมองครับ ..........
งั้นคิดทั้งวัน ก็ใช้พลังงานซิ ........ สมองมันก็ใช้พลังงานของมันแบบนั้น มาตั้งแต่เราเกิดจนเราตายนั่นแหระ อย่าไปนับเลย .....
เรามาดูแหล่งการใช้พลังงานแหล่งที่สองดีกว่า ระบบกล้ามเนื้อทั้งหมดของร่างกาย มันรวมถึงหัวใจด้วยนะ กล้ามเนื้อลาย เรียบ ก็รวมด้วย ......

แต่เราพูดกันในหัวข้อฟิตเนส ....... แน่นอน เราจะเน้นที่กล้ามโครงสร้างมากกว่า

กล้ามเนื้อเรา เหมือนแหล่งเผาพลังงานชั้นเลิศ .. เราสามารถเพิ่มอัตราการเผาพลาญ หรือลดอัตราการเผาพลาญพลังงานได้ก็จากตรงนี้แหระ
อ่าว แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการออกกำลังกาย 30 นาที ........

สมมติ (ขี้เกียจหาบทความในเชิงวิทยาศาสตร์มาแปะให้ดูหนะ)
นาย A มีมวลกล้ามเนื้อ 20 กิโลกรัม ......
นาย B มีมวลกล้ามเนื้อ 40 กิโลกรัม ......
ต้องทำกิจกรรมเดียวกัน ....... แน่นอนว่า นาย B ต้องการพลังงานมากกว่านาย A แต่อาจจะไม่ถึง 2 เท่า .....

แล้ว  30 นาที ละ ...........
ส่วนใหญ่ก็มาจาก อาหารที่เราทาน
สมมติอีก ..... หาก นาย A และนาย B กินอาหารเหมือนกันเดะ ..... ได้รับพลังงาน มา 500 Cal
เมื่อเวลาใช้พลังงาน ในส่วนนี้ ซึ่ง มันอยู่ในระบบกระแสเลือดนั่นแหระ ..... นาย A ที่มีเตาเผาพลังงาน น้อยกว่านาย B
ก็ต้องใช้เวลาเผาเชื้อเพลิงมากกว่านาย B

แล้วต้องเผาพลังงานเกือบ 500 Cal แน่นอนร่างกายมันไม่ปล่อยให้เผา 500 Cal ไปกับแค่กล้ามเนื้อ แน่นอน เพราะสมองมันต้องการเช่นกัน ... ที่ผมจัดให้เป็นอันดับ 1 เพราะ ... ร่างกายมันให้สมองขาดพลังงานไม่ได้ .. แม้จะต้องยอมตัดกล้ามเนื้อทิ้งไปบางส่วนก็ตาม

เมื่อระดับพลังงานในกระแสเลือดเรามันเหลือน้อยแหระ ....... มันก็จะไปดึงเอาส่วนอื่นแทน ..... ไขมันก็เริ่มนำมาใช้ ......
แล้วทำไงละ ..... ไม่เข้าใจ แล้ว 30 นาทีหละว่าไง ...ต้องต่อเนื่องหรือเปล่า  ..

หากระหว่างที่เรากำลังออกกำลังกาย ... ไม่ได้รับพลังงานใดๆเข้าไปเลย ..... เราก็มีติดตัวจาก 500 Cal นั่นแหระ .... ร่างกายมันไม่ได้ อยู่ดีๆ ก็มีพลังพิเศษ ประดุจปลุกเสกออกมาจากเวทมนย์ ..... มันก็เอาไขมันมาสลาย ส่งเป็นพลังงานเข้ากระแสเลือดไปนั่นแหระ ......

แบบนี้เราก็ไม่ต้องต่อเนื่องซิ ........... ไม่เชิงไม่ต่อเนื่องครับ แต่เหนื่อยก็พัก เท่านั้นเอง .......... ไม่ต้องลากยาวไป จน 45 นาที แบบไม่พัก ...แบบนั้น ตาย ......

เราเล่นยังไงละ .....
จะวิ่ง ปั่นจักรยาน เวท เดิน กระโดดเชือก ....
ช่วงเวลาการออกกำลังของเรา ร่างกายมันก็ดึงพลังงานมาใช้เรื่อยๆ
มวลกล้ามเนื้อมาก เวลาเราเคลื่อนตัวหรือทำอะไรทีก็ใช้พลังงานมากไปด้วย ... จะเห็นว่า หากเราให้คน ที่ มีกล้ามใหญ่กว่า มาวิ่ง กับคนตัวเล็กกว่า .... คนตัวใหญ่กว่า จะเริ่มหมดแรงได้เร็วกว่าคนตัวเล็กนั่นแหระ ..... (แต่หมายถึงว่า ได้รับพลังงานจากอาหารในอัตราที่เท่ากันนะ)

แต่การพักในทีนี้ สำหรับการออกกำลังแล้ว มันคือการวอร์มดาว .....หมายถึง..... การควบคุมให้หัวใจมันเต้นช้าลง .......... ส่วนใหญ่ที่เราจะขาดใจตายไม่ใช่เพราะ หมดแรงหรอก แต่หัวใจมันทำงานต่อเนื่องเกินกว่าที่มันจะทำได้ไหว เราจึงต้องให้มันลดลง ... (กรณียกเวท เป็นข้อยกเว้น เพราะเราบริหารด้วยระบบ เซ็ท ..... นั่นนหมายถึงการทำคาร์ดิโอด้วย)

หากเราวิ่ง ติดต่อกัน 10 นาที แล้ว เราไม่ไหวแล้ว ... เราแค่วอร์ม เดินช้าๆ พักไป 5 นาที ก็ได้ครับ แค่เรายังเคลื่อนไหวตัวอยู่ ร่างกายก็ใช้พลังงานอยู่เช่นกัน .. แค่มันไม่ได้ใช้พลังงานมากเท่ากับวิ่งเท่านั้นเอง ..........

ทำไมคนนั้นวิ่งได้นานจัง 1 ชมแล้วก็ยังไม่หยุด .......
อันนั้นเพราะร่างกายเขาปรับสภาพไปแล้วครับ ... หัวใจแข็งแรงมากขึ้น และทนต่อการเต้นในอัตราที่เร็วกว่าปกติได้นานมากขึ้น ...... ซึ่ง ทุกคน หากออกกำลังไปเรื่อยๆ ก็มีโอกาสจะพัฒนาไปถึงจุดนั้นได้ เราแค่เพิ่มความยาวต่อการฝึกวิ่งของเรา อาจจะไม่ทุกครั้งที่เราวิ่ง อาจจะ 1-2 เดือน เราพยายามผลักดันตัวเองให้ พยายามประคองร่างกายให้ทนวิ่งต่อไปได้อีกทีละ 5 นาที อะไรแบบนั้น ... มันเหมือนเป็นการฝึกให้หัวใจเราออกแรงต่อเนื่องได้นานขึ้น ....

อ่าว.... แบบนี้ หมายความว่า ไม่จำเป็นต้องวิ่งบ้าเลือดจนเกิน 30 นาที ซิ .......
ก็ตามนั้น ... แต่เราก็วัดอัตราการใช้พลังงานได้จากเครื่องวัดในตัวเครื่องวิ่ง จักรยาน นั่นแหระครับ ........ เราแค่วิ่งเร็ว พักเดิน วิ่งช้า สลับไปมาก แล้วให้ เราใช้พลังงาน ได้มากกว่าที่เราทานเข้าไป ..... เรื่องอาหาร หาดัชนีเอานะ ผมจำไม่ได้

หลังจากนั้น จะเป็นการดึงเอาไขมันมาใช้เป็นพลังงานครับ .........

หมายความว่าไงอีกละทีนี้ .........

สมมติว่า คุณวิ่งไป สลับเดิน วิ่งช้า  50 นาที แล้วใช้พลังงานไปแค่ 400 Cal ก็แปลว่าคุณอาจจะยังเหลือพลังงานที่ต้อง เอาออกไปก่อนที่ ไขมันจะถูกดึงเอามาใช้ นั่นแหระ ..... เหอะๆๆๆ .......

แบบนี้นานกว่า 30 นาทีซะอีก ........
ใช่ ... แต่ถ้าคุณมีกล้ามเนื้อที่มากกว่า ... คุณก็ใช้พลังงานมากกว่า ........

แล้วจะดีไหม ถ้าคุณ ทั้งควบคุมอาหารต่อมื้อ อย่างเหมาะสม และเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ เพื่อเป็นแหล่งเผาพลาญพลังงานเพิ่มเติม ......

แน่นอน .... เพราะมันคือหลักของการออกกำลังกายเลยทีเดียว .........

หากคุณเพิ่มมวลกล้ามเนื้อขึ้นมาได้ ...... เวลาคุณจะเบิร์นไขมัน ... กล้ามเนื้อคุณจะทำให้คุณถึงจุดนั้นได้เร็วขึ้น .......

ก็มีเท่านี้แหระครับ .....

เนื้อหาผม ไม่มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์มาโชว์ให้ดู ....... แต่ ในวงการเพาะกายแล้ว ... กล้ามเนื้อที่เยอะ เท่ากับเราต้องการพลังงานที่เยอะตาม
ตามนั้นครับ หากกล้ามเนื้อเรามาก .... เราก็ใช้พลังงานมาก
ก็ทำให้เราถึงจุดที่จะดึงเอาไขมันมาใช้ได้เร็วกว่าคนอื่นๆเช่นเดียวกัน ........

ความลับอีกอย่างของพวกเพาะกายคือ ....... ยามนอน .... กล้ามเนื้อเราก็ดึงเอาพลังงานมาใช้ด้วยเช่นกัน ..... ใช้ทำอะไรเหรอ? ...... ก็ซ่อมแซมเส้นใยกล้ามเนื้อ ที่เราเล่นไปในช่วงเวลาเล่นเวทนั่นแหระครับ

หากเราเล่นเวท ควบคู่การคุมอาหาร และการเบิร์น ..... ไขมันเราใช้ทั้งวันครับ ... ปล มื้อสุดท้ายก่อนนอน ควรรับพลังงานแต่น้อย ... เพื่อให้ร่างกายเอาไขมันไปเป็นพลังงานนะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่