คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 71
1. "เรา" เป็นสรรพนสบุรุษที่เท่าไร : ซนจังนะเราน่ะ
2. พระกับสีกาอยู่ในห้องสองต่อสอง : มีคนอยู่ในห้องกี่คน
3. วันหน้ามาอีกนะ วันหลังพบกันใหม่ : วันหลังเป็นอดีตกาลหรืออนาคตกาล
4. ไม่ไ้ด้ทำอะไรกับเด็กหญิงผิดกฎหมายหรือไม่ : เขาถูกจับเพราะทำมิดีมิร้ายกับเด็กผู้หญิง
5. ไม่เป็นไรมิได้ : อ้าว ต้องเป็นเหรอ จะเอาเรื่องเหรอ
6. นี่ หนู ต้องส่งรายงานประจำเดือนด้วยนะ : มีอย่างนี้ด้วยเหรอหัวหน้า หนูไม่ส่ง หนูจะลาออก
7. คุณมีท้องกับผม : ใช่ค่ะ แต่ยังไม่ลงพุง และผมก็หยิก ต้องไปเหยียดทุก3 เดือน
8. คุณกล้าไหมที่จะไปตลาดโดยใส่กางเกงในตัวเดียว : กล้าค่ะ ทำเป็นประจำอยู่แล้ว
9. "อะไรเอ่ยสองหัวพันขา" "ไม่ทราบ ยอมแพ้" "ก็สัตวฺ์ประหลาดไงล่ะ" "อะไรเอ่ยสองขาพันหัว" "สัตว์ประหลาด" "ไม่ใช่ ก็ แขกไงล่ะ"
10. "คุณเชื่อไหม ตับห่านขาว ไม่มีนะ" "ไม่เชื่อ ห่านขาวไม่มีตับ ก็ตายสิ" "จริงๆ ตับห่านขาวไม่มี ดูทีไรมีแต่ตับสีแดงเข้มๆออกน้ำตาล"
11. "คุณเชื่อไหม ตุ๊กแก ไม่ร้องกลางวัน" "เชื่อ มันร้อง ต๊กแก ตุ๊กแก ไม่ร้อง กลางวัน กลางวัน"
12. หน่อย "นิด ชั้นจ่ายค่าโดยสารแล้วนะ"
กระเป๋าระเมล์ "ขอเก็บค่าโดยสารหน่อยค่ะ "
นิด "เพื่อนจ่ายให้แล้วค่ะ"
หน่อย "นิด ค่าโดยสารของฉันน่ะฉันจ่ายแล้ว เธอไม่ต้องจ่ายให้ฉัน"
13. ต้องการบ้านเช่า ติดต่อที่ เบอร์ 085xxxxxxx
"ฮัลโหล บ้านที่จะให้เช่าอยู่ที่ไหนครับ"
"ไม่มีบ้านให้เช่า แต่ผมต้องการบ้านเช่านะ คุณมีหรือเปล่า"
14. "เมื่อกี้ที่เดินผ่านห้องแถว ชํ้นเห็นผู้หญิงนั่งแก้ผ้าหละ"
"คงจะรายได้ดีพอสมควรนะ เห็นเสื้อผ้าที่คนนำมาให้แก้เยอะเลย"
15. เสด็จให้มาเรียนถามเสด็จว่าจะเสด็จหรือไม่เสด็จ ถ้าเสด็จจะเสด็จ เสด็จจะได้เสด็จไปด้วย
16. ยังมีอีกครับ
นี่คือเสน่ห์ของภาษาไทยที่หาภาษาใดเสมอเหมือนไม่มี
ดิ้นได้ จับไม่ได้ไล่ไม่ทัน
2. พระกับสีกาอยู่ในห้องสองต่อสอง : มีคนอยู่ในห้องกี่คน
3. วันหน้ามาอีกนะ วันหลังพบกันใหม่ : วันหลังเป็นอดีตกาลหรืออนาคตกาล
4. ไม่ไ้ด้ทำอะไรกับเด็กหญิงผิดกฎหมายหรือไม่ : เขาถูกจับเพราะทำมิดีมิร้ายกับเด็กผู้หญิง
5. ไม่เป็นไรมิได้ : อ้าว ต้องเป็นเหรอ จะเอาเรื่องเหรอ
6. นี่ หนู ต้องส่งรายงานประจำเดือนด้วยนะ : มีอย่างนี้ด้วยเหรอหัวหน้า หนูไม่ส่ง หนูจะลาออก
7. คุณมีท้องกับผม : ใช่ค่ะ แต่ยังไม่ลงพุง และผมก็หยิก ต้องไปเหยียดทุก3 เดือน
8. คุณกล้าไหมที่จะไปตลาดโดยใส่กางเกงในตัวเดียว : กล้าค่ะ ทำเป็นประจำอยู่แล้ว
9. "อะไรเอ่ยสองหัวพันขา" "ไม่ทราบ ยอมแพ้" "ก็สัตวฺ์ประหลาดไงล่ะ" "อะไรเอ่ยสองขาพันหัว" "สัตว์ประหลาด" "ไม่ใช่ ก็ แขกไงล่ะ"
10. "คุณเชื่อไหม ตับห่านขาว ไม่มีนะ" "ไม่เชื่อ ห่านขาวไม่มีตับ ก็ตายสิ" "จริงๆ ตับห่านขาวไม่มี ดูทีไรมีแต่ตับสีแดงเข้มๆออกน้ำตาล"
11. "คุณเชื่อไหม ตุ๊กแก ไม่ร้องกลางวัน" "เชื่อ มันร้อง ต๊กแก ตุ๊กแก ไม่ร้อง กลางวัน กลางวัน"
12. หน่อย "นิด ชั้นจ่ายค่าโดยสารแล้วนะ"
กระเป๋าระเมล์ "ขอเก็บค่าโดยสารหน่อยค่ะ "
นิด "เพื่อนจ่ายให้แล้วค่ะ"
หน่อย "นิด ค่าโดยสารของฉันน่ะฉันจ่ายแล้ว เธอไม่ต้องจ่ายให้ฉัน"
13. ต้องการบ้านเช่า ติดต่อที่ เบอร์ 085xxxxxxx
"ฮัลโหล บ้านที่จะให้เช่าอยู่ที่ไหนครับ"
"ไม่มีบ้านให้เช่า แต่ผมต้องการบ้านเช่านะ คุณมีหรือเปล่า"
14. "เมื่อกี้ที่เดินผ่านห้องแถว ชํ้นเห็นผู้หญิงนั่งแก้ผ้าหละ"
"คงจะรายได้ดีพอสมควรนะ เห็นเสื้อผ้าที่คนนำมาให้แก้เยอะเลย"
15. เสด็จให้มาเรียนถามเสด็จว่าจะเสด็จหรือไม่เสด็จ ถ้าเสด็จจะเสด็จ เสด็จจะได้เสด็จไปด้วย
16. ยังมีอีกครับ
นี่คือเสน่ห์ของภาษาไทยที่หาภาษาใดเสมอเหมือนไม่มี
ดิ้นได้ จับไม่ได้ไล่ไม่ทัน
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 13
ด้วยความเคารพค่ะ จขกท.
เราไม่เห็นความยากลำบากของภาษาไทยอย่างที่คุณว่ามาเลยค่ะ
ภาษาทุกภาษามีฉันทลักษณ์ มีการสะกดคำเป็นแบบฉบับของตน
หากคุณอ่านภาษาไทยไม่แตก ไม่ได้แปลว่าภาษาไทยไม่ดีหรอกนะคะ
แต่แปลว่า
"คุณไม่รู้เรื่องฉันทลักษณ์ไทย" มากกว่าค่ะ
ส่วนเรื่องการใช้คำยืมมาจากภาษาบาลี สันสกฤต
เกือบทุกภาษามีการยืมคำมาจากภาษาอื่นทั้งนั้น แม้แต่ภาษาอังกฤษเองก็ยืมศัพท์มาจากภาษาละติน
อย่างคำว่า "credit" มาจากรากศัพท์ว่า "cred" แปลว่า เชื่อถือ
ศัพท์ทางการแพทย์และทางจิตวิทยามากมายก็ยืมมาจากตำนานกรีก-โรมัน
หากคุณไม่เข้าใจภาษา อย่าเพิ่งเหมารวมว่าภาษาไม่ดีเลยค่ะ มองที่ตัวเองก่อนดีกว่า ว่าคุณมีความสามารถในการ "เรียนรู้" และ "รับรู้" แค่ไหน
เราไม่เห็นความยากลำบากของภาษาไทยอย่างที่คุณว่ามาเลยค่ะ
ภาษาทุกภาษามีฉันทลักษณ์ มีการสะกดคำเป็นแบบฉบับของตน
หากคุณอ่านภาษาไทยไม่แตก ไม่ได้แปลว่าภาษาไทยไม่ดีหรอกนะคะ
แต่แปลว่า
"คุณไม่รู้เรื่องฉันทลักษณ์ไทย" มากกว่าค่ะ
ส่วนเรื่องการใช้คำยืมมาจากภาษาบาลี สันสกฤต
เกือบทุกภาษามีการยืมคำมาจากภาษาอื่นทั้งนั้น แม้แต่ภาษาอังกฤษเองก็ยืมศัพท์มาจากภาษาละติน
อย่างคำว่า "credit" มาจากรากศัพท์ว่า "cred" แปลว่า เชื่อถือ
ศัพท์ทางการแพทย์และทางจิตวิทยามากมายก็ยืมมาจากตำนานกรีก-โรมัน
หากคุณไม่เข้าใจภาษา อย่าเพิ่งเหมารวมว่าภาษาไม่ดีเลยค่ะ มองที่ตัวเองก่อนดีกว่า ว่าคุณมีความสามารถในการ "เรียนรู้" และ "รับรู้" แค่ไหน
แสดงความคิดเห็น
ภาษาไทยเป็นภาษาที่ใช้ยากที่สุด เข้าใจยากที่สุด อนาคตอาจสาบสูญ ถ้าไม่เปลี่ยนแปลง
เช่น สามารถ ทำให้หลายๆคนอ่านแบบสะกดคำ จะเป็น สา- มา- รถ และตัวอักษรที่ไม่อยู่ในการสะกดคำก็เอามา เช่น เครื่องหมายการันต์
นี้คือข้อเสียของภาษาเขียน
และทำไมภาษาไทยต้องใช้คำศัทพ์ทับกันด้วยครับ
เช่น
มองไปที่ตา คนหนึ่งแปลความหมายเป็น ตา กับ ยาย
อีกคน แปลความหมายเป็น ตา คือส่วนรับแสงสะท้อนของร่างกาย ทำให้สามารถมองเห็น และรับรู้สิ่งต่างๆ รอบตัวได้
ผมเหม็นมาก คนหนึ่งแปลความหมายเป็น ผมก็คือคงหมายถึงตัวคุณ ว่าตัวเองยอมรับว่าตัวเอง เหม็นมาก
อีกคนแปลความความหมายเป็น ผม ขนที่ขึ้นตามหัวของร่างกาย
มีอีกเยอะ ซึ่งความเข้าใจยากนำไปสู่ความล้าสมัยในการเรียนรู้ ผู้คนเคยบอกว่า ถ้าภาษาใด ใช้เวลาเขียนที่สั่นที่สุดแต่กินเนื้อหาได้มาก อ่านที่สั่นที่สุดแต่กินเนื้อหาได้มาก ใช้เวลาพูดน้อยที่สุดแต่กินเนื้อหาได้มาก เรียนรู้ง่ายที่สุด แยกความหมายออกชัดเจน ภาษานั้นจะทำให้ในหมู่คนใช้เก่งมากที่สุดกว่าหมู่คนใช้ภาษาอื่นๆ ยกตัวอย่างเช่น คนในหมู่ที่ใช้ภาษาแบบที่กล่าวมาใช้เวลาเรียนรู้ประวัติศาสตร์ทั้งหมดภายใน 1 วัน ส่วนคนในหมู่ที่ใช้ภาษาอื่น อาจจะต้องใช้เวลาเรียนรู้ประวัติศาสตร์ทั้งหมดถึง 1 ปี
ผมคิดว่าถึงเวลาแล้วเราควรหานักวิทยาศาสตร์ นักวิจัย ศึกษาถึงกลไกสมองของคนอย่างแท้จริง ให้เกิดความเข้าใจได้ง่ายที่สุด แล้วมาตั้ง ภาษาพูดและภาษาเขียนใหม่ดีกว่าครับ จะร่วมวิจัยทั่วโลกเลยก็ได้แล้วให้ภาษานั้นเป็นภาษาสากลอย่างมีประสิทธิภาพแท้จริง