ขอโทษผู้อ่านทุกๆท่านนะคะ ไม่ได้มาอัพนานมาก ช่วงนี้ จขกท ยุ่งมากจริงๆค่ะ พึ่งกลับมาจากญี่ปุ่นด้วย มีผู้อ่านหลายๆท่านแอดเฟสมาได้เพื่อนใหม่มาเยอะแยะเลย ^___^ ขอบคุณสำหรับทุกๆกำลังใจและการติดตามนะคะ พร้อมแล้ว มาต่อกันเลยจ้า~~~ \(^O^)/
____________________________________________________________________________________________________
เมื่อคืน... ไม่รู้ว่าเราเผลอหลับไปตอนไหน สะดุ้งตื่นมาอีกทีก็เกือบเช้าแล้ว เรารู้สึกเพลียมากอยากนอนต่อเพราะรู้สึกว่าพึ่งหลับไปได้ไม่กี่ชั่วโมง หนุ่มญี่ปุ่นยังคงหลับสนิท เค้านอนหันหลังให้เรา นอนแบบชิดขอบเตียงมากเลยทำให้มือห้อยตกอยู่ข้างเตียง เราเอื้อมมือไปกดมือถือดูเวลา ตี 05:47 นาที เราค่อยๆลุกขึ้นจากเตียง พยายามเงียบเสียงให้มากที่สุด ไม่อยากให้เค้าตื่น เราหากระดาษโน๊ตของโรงแรมมาเขียน บอกเค้าว่ากลับบ้าน วันนี้คงไม่ได้กลับมาหา แต่จะมาพรุ่งนี้ตอนเช็คเอ้าท์แทน ให้เค้ารออยู่ที่ล็อบบี้ เขียนเสร็จก็เก็บของเปลี่ยนเสื้อและออกจากโรงแรมไป...
พอกลับมาถึงบ้านเราก็ทิ้งตัวลงนอนอย่างเหนื่อยอ่อน พลางครุ่นคิดถึงเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมา เค้าเหลือเวลาอีก 2 วันสุดท้าย ในวันพรุ่งนี้ตอน 3 ทุ่ม เค้าก็ต้องกลับญี่ปุ่นแล้ว... เมื่อนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น มันก็ตกใจนะเรื่องเมื่อคืน พยายามคิดว่ามันเป็นเรื่องของอุบัติเหตุ ถ้าคืนนั้นมีโซฟา... ถ้าคืนนั้นเรานอนที่เตียงดีๆตั้งแต่ทีแรก... ถ้าคืนนั้นเราไม่ได้ใส่เสื้อคอกว้างของเค้า... และถ้าคืนนั้นบราเจ้ากรรมของเราไม่โผล่ออกมา... พวกเราอาจไม่ต้องมาเป็นแบบนี้ก็ได้... TT' แต่อีกใจของเราก็บอกว่าเหมือนเป็นการพิสูจน์อย่างนึง การที่ผู้ชายกับผู้หญิงอยู่ในห้องด้วยกันสองต่อสอง จริงๆแล้วมันไม่ง่ายเลยสำหรับผู้ชายสินะ... เราก็พยายามที่จะเข้าใจตรงจุดนี้ อีกอย่าง...เราก็พาตัวเองเข้าไปอยู่ในสถานะการณ์ที่เสี่ยงเอง จะไปโทษเค้าอย่างเดียวก็คงไม่ถูก...
เห้ออออ~~~ แต่ช่างเถอะ มันผ่านมาแล้ว อย่างน้อยเค้าก็เป็นคนดีอยู่นะ...
เรานอนพลิกตัวไปมา ด้วยความเหนื่อยล้าและง่วงงุน ทำให้เราเผลอหลับไปในที่สุด... (-_-) zzz
วันนี้เราอยู่บ้านทั้งวัน พอตื่นขึ้นมาก็ดูหนังฟังเพลงไปเรื่อยเปื่อย หนุ่มญี่ปุ่นส่ง e-mail มาตอนบ่าย 3 โมง บอกว่า ตอนนี้มานั่งเล่นคอมของล็อบบี้โรงแรม จริงๆแล้วเค้าก็อยากเจอเราวันนี้ แต่ไม่เป็นไรเจอกันพรุ่งนี้ก็ได้ เราก็ได้แต่อ่านและไม่ได้ตอบกลับอะไรไป (เพราะไม่รู้จะคุยอะไร)
จนเวลาล่วงเลยมาจนถึง 2 ทุ่ม คุณแม่ของเรากลับมาจากที่ทำงาน (ปกติเราไม่ค่อยอยู่บ้าน ส่วนใหญ่จะอยู่คอนโด หรือวันไหนมีส่งของก็จะอยู่อาพาร์ทเม้นท์เก็บของ) นั่งกินข้าวกับแม่ก็คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย พอ 4 ทุ่ม แม่ของเรากำลังจะเข้านอน เราก็หอบหมอนขอไปนอนห้องแม่ด้วย (´▽`) ช่วงนี้แม่คงเห็นว่าเราเงียบๆหงอยๆไป แถมยังมาขอนอนห้องแม่อีก มันเลยดูแปลกๆพิกล
Mom : "มีอะไรไม่สบายใจรึเปล่า?" ปกติแม่ไม่ค่อยถามเซ้าซี้อยู่แล้ว แต่ครั้งนี้เราคงดูแปลกไปจริงๆมั้ง เราก็ลังเลอยู่พักนึง ก่อนที่จะเล่าให้ฟัง (ยกเว้นเรื่องไปค้างด้วยกันนะ -....-)
Mom : "แยกให้ออกระหว่างความรัก กับ ความสงสารนะ ดูเค้าท่าทางจริงจังแต่ถ้าหนูไม่ได้จริงจังคิดไกลด้วย ก็อย่าไปให้ความหวังเค้า"
โอย~~~ จี๊ดดดดด โดนใจมากค่ะ คุณแม่ข๋าาา~~~ T____T แม่ฟังเรื่องของเรามาก็เยอะ เห็นด้วยบ้าง ไม่เห็นด้วยบ้าง รู้ว่าเราชอบหนุ่มต่างชาติ เวลาคบใครก็จะบอกหมด (แต่กับหนุ่มญี่ปุ่นคนนี้แม่บอกไม่เห็นด้วย) แต่ถ้าจะคบก็พามาเจอแม่ด้วย -....-
ไม่หรอก ไม่คบ เป็นเพื่อนกันอ่ะดีแล้ว ยังเจ็บกับความรักอยู่ แต่ก็พอรู้ว่าที่เราทำไปเพราะความสงสารปนเห็นแก่ตัวของเราเอง (เพราะไม่มีใคร) TT มีเค้าเข้ามา มันก็ไม่เหงา ไม่ต้องคิดมากเรื่องเก่าๆ แต่ก็คงพอแล้วแหละ... ไม่อยากคิดไกล กลัวห่าง... กลัวเจ็บ... กลัวอะไรอีกหลายๆอย่าง... การที่ต้องเริ่มต้นใหม่ มันไม่ง่ายเลยสำหรับเรา... เจ็บมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า... สุดท้ายก็ต้องอยู่กับตัวเราเองอยู่ดี... โอเค... เราตัดสินใจแล้ว... พรุ่งนี้เราต้องทำให้ได้ สู้ๆ นอนค่ะ นอน.
วันต่อมาเรามาถึงโรงแรมตอนเที่ยงกว่าๆ เห็นเค้ากำลังนั่งเล่นคอมตรงล็อบบี้ เรายืนทำใจ ปลอบตัวเองอยู่พักนึงก่อนที่จะเดินไปทัก แล้วพากันออกไปกินข้าวเที่ยงด้วยกัน พอกินเสร็จเราก็ไปพาเดินห้าง เผื่อเค้าอยากซื้อของฝากกลับญี่ปุ่น พี่เค้าคงสังเกตเห็นว่าเราดูแปลกไป ไม่ค่อยพูด ไม่ค่อยยิ้มเหมือนก่อน เค้าถามเราว่าเรายังโกรธเค้าเรื่องเมื่อคืนอยู่ใช่มั้ย? เราบอกเปล่า ไม่ได้โกรธอะไรแล้ว (ก็ไม่ได้โกรธจริงๆนะ) เค้าบอกเค้ารู้สึกไม่ดีเลย เวลาเค้าพูดอะไรถามอะไรเราก็ไม่ค่อยตอบ ไม่หือไม่อือด้วย พวกเราอยู่กับบรรยากาศที่ชวนอึดอัดตลอดทั้งวัน มันเหมือนมีรังสีแห่งความกดดันแผ่ออกมา เราก็ได้แต่บอกตัวเองว่า ทำดีแล้ว เราต้องทำให้เค้ารู้สึกแย่กับเราให้มากที่สุด อย่าสงสาร อย่าใจอ่อน...
วันนี้เป็นวันที่แย่สุดๆของพวกเราอีกวันนึง หน้าพี่เค้าดูไม่มีความสุขเลย เวลายิ้มก็ยิ้มแบบฝืนๆ เวลากินข้าวก็ตักกินไม่เกิน 5 คำ เรามาด้วยกันแต่เดินแบบห่างไกลกันมาก... ขอโทษนะ... ขอโทษที่ต้องทำให้มันเป็นแบบนี้... เราไม่ควรที่จะรู้จักกันเลยด้วยซ้ำ แต่ถ้าเราไม่คิดที่จะตัดตอนนี้ นานไปเค้าอาจจะเจ็บปวดมากกว่านี้ก็ได้....
เราพากันขึ้น BTS ตอน 4โมงเย็น กำลังพากันไปสนามบิน ตอนอยู่ในขบวนหนุ่มญี่ปุ่นเค้าก็ชำเลืองมองเราบ่อยๆ เหมือนจะรอให้เราพูดอะไรสักอย่าง แต่พอเห็นว่าเราคงไม่พูดด้วยแล้ว ในที่สุดเค้าเลยเป็นฝ่ายพูดออกมาเอง
K : "ผมขอโทษนะครับที่ทำให้คุณโกรธ ผมรู้ว่าผมรบกวนคุณ.... รบกวนเวลาของคุณ... และทำเรื่องไม่ดีกับคุณไว้ ผมขอโทษจริงๆ... ผม... ผมอยากจะบอกว่าขอบคุณ.... ขอบคุณมากนะครับ... ขอบคุณที่ช่วยผมไว้หลายๆอย่าง....ขอบคุณที่ใจดีมากกับผม...."
--- BTS --- สถานีต่อไป พญาไท ---
เราเหลือเวลาอีกไม่มาก เพราะสถานีหน้า เค้าก็จะต้องลงแล้วไปต่อ Airport Link ส่วนเราก็ตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไม่ไปส่ง เราจะนั่ง BTS ยาวต่อไปจนกว่าจะถึงสถานีใกล้บ้าน เค้าชำเลืองมองเรา คงอยากให้เราพูดอะไรตอบกลับไปบ้าง แต่เราไม่พูด ตอนนี้ในหัวของเรากำลังสู้กันอย่างดุเดือด อีกใจก็อยากพูด แต่อีกใจก็บอกว่าอย่า
...ทำแบบนี้เราจะดูใจร้ายไปมั้ยนะ?... แต่คงไม่หรอก เค้ามาเที่ยวไทยเค้าก็มาคนเดียว ตอนกลับเค้ากลับคนเดียวก็ถูกแล้ว แต่เราจะไม่พูดอะไรกับเค้าหน่อยหรอ?.... ไม่สิ... เราตั้งใจแล้วนิ ว่าจะให้เค้ารู้สึกแย่กับเรา เราอย่าไปให้ความหวังเค้าเลยจะดีกว่า...
หนุ่มญี่ปุ่นมองหน้าเราอยู่นาน แต่เราก็เอาแต่ก้มลงมองพื้น ไม่สบตา ไม่มองหน้า ไม่อะไรทั้งนั้น อย่าใจอ่อนนะ...
--- BTS --- พญาไท ---
ประตูเปิดออก
เรารีบเงยหน้าขึ้นมองเค้า รู้สึกใจหายวาบ ใจเหมือนตกไปอยู่ตาตุ่ม ทั้งๆที่เตรียมใจมาแล้วนะ แต่ทำไมรู้สึกว่าเวลามันผ่านไปเร็วนักล่ะ? เวลาแห่งการจากลา.... อยากจะพูดว่าขอให้เดินทางปลอดภัย แต่ก็พูดไม่ออก... เค้ามองหน้าเราแล้วพูดครั้งสุดท้ายว่า "I will come back again..." ด้วยสีหน้าเศร้าๆ เรามองหน้ากันครั้งสุดท้าย เค้ามีสีหน้าอมทุกข์... แต่พยายามฝืนยิ้มให้เรา...ก่อนที่เค้าจะเดินออกไป...
เรามองตามแผ่นหลังของเค้า... ในใจอยากวิ่งไปกอดรั้งเค้าไว้... แต่ตอนนี้มันก้าวขาไม่ออกเลย... ได้แต่ยืนแข็งทื่ออยู่ที่เดิม และความรู้สึกที่มันเริ่มชาไปทั้งตัว..
ประตูปิดแล้ว และรถไฟก็แล่นต่อ.....
ไม่มีคำร่ำลาใดๆระหว่างเรา.... ทุกอย่างมันจบแล้วใช่มั้ย... เราทำได้แล้วนะ... แต่ทำไมเรารู้สึกเหมือนไม่ชนะเลยล่ะ.... เราควรที่จะสบายใจสิ... เพราะทุกอย่างที่ทำอยู่นี่มันดีสำหรับเราทั้งคู่.... เค้าจะได้ไม่ต้องมายึดติดกับเราไง.... ยิ้มสิเนเน่... ตอนนี้ต้องยิ้มแล้วสิ... แต่ทำไมความรู้สึกเราถึงตรงกันข้ามล่ะ.... ภาพเรื่องราวของพวกเราย้อนกลับมา... ตอนที่ทักทาย ตอนที่ยิ้ม ตอนที่หัวเราะสนุกกัน... ถึงแม้มันจะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ... ตอนนี้ทุกอย่างกำลังจะกลับมาสู่จุดเดิม... ที่ที่เราเคยเป็น... ใบหน้าของเค้าที่เราได้เห็นครั้งสุดท้าย... เค้าดูเจ็บปวดนะ... เราก็เจ็บปวดเหมือนกัน... ใจมันหวิวๆบอกไม่ถูก.... น้ำตาไหลออกมา... แล้วทำไมมันต้องไหลไม่หยุดด้วย... รถไฟยังคงแล่นต่อไป เราได้แต่ยืนมองวิวนอกหน้าต่างไปเรื่อยๆ.... ไม่รู้เลยว่าถึงสถานีไหนแล้ว และเราต้องลงที่สถานีไหน..... ได้แต่แหงนมองท้องฟ้า... ก้อนเมฆ... แสงแดด... วันนี้ท้องฟ้าดูปลอดโปร่งสดใส.... ได้แต่ภาวนาในใจพร้อมน้ำตา....
เดินทางปลอดภัยนะ... K....
อ่านย้อนหลังได้ที่
http://pantip.com/topic/35323982
อ่านตอนต่อไปได้ที่
http://pantip.com/topic/35565761
✿✿แชร์ประสบการณ์ ♥ริรักกับหนุ่มญี่ปุ่น♥ เมื่อความบังเอิญทำให้เราได้มาเจอกัน✿✿ (●^o^●) ตอนที่ 4
____________________________________________________________________________________________________
เมื่อคืน... ไม่รู้ว่าเราเผลอหลับไปตอนไหน สะดุ้งตื่นมาอีกทีก็เกือบเช้าแล้ว เรารู้สึกเพลียมากอยากนอนต่อเพราะรู้สึกว่าพึ่งหลับไปได้ไม่กี่ชั่วโมง หนุ่มญี่ปุ่นยังคงหลับสนิท เค้านอนหันหลังให้เรา นอนแบบชิดขอบเตียงมากเลยทำให้มือห้อยตกอยู่ข้างเตียง เราเอื้อมมือไปกดมือถือดูเวลา ตี 05:47 นาที เราค่อยๆลุกขึ้นจากเตียง พยายามเงียบเสียงให้มากที่สุด ไม่อยากให้เค้าตื่น เราหากระดาษโน๊ตของโรงแรมมาเขียน บอกเค้าว่ากลับบ้าน วันนี้คงไม่ได้กลับมาหา แต่จะมาพรุ่งนี้ตอนเช็คเอ้าท์แทน ให้เค้ารออยู่ที่ล็อบบี้ เขียนเสร็จก็เก็บของเปลี่ยนเสื้อและออกจากโรงแรมไป...
พอกลับมาถึงบ้านเราก็ทิ้งตัวลงนอนอย่างเหนื่อยอ่อน พลางครุ่นคิดถึงเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมา เค้าเหลือเวลาอีก 2 วันสุดท้าย ในวันพรุ่งนี้ตอน 3 ทุ่ม เค้าก็ต้องกลับญี่ปุ่นแล้ว... เมื่อนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น มันก็ตกใจนะเรื่องเมื่อคืน พยายามคิดว่ามันเป็นเรื่องของอุบัติเหตุ ถ้าคืนนั้นมีโซฟา... ถ้าคืนนั้นเรานอนที่เตียงดีๆตั้งแต่ทีแรก... ถ้าคืนนั้นเราไม่ได้ใส่เสื้อคอกว้างของเค้า... และถ้าคืนนั้นบราเจ้ากรรมของเราไม่โผล่ออกมา... พวกเราอาจไม่ต้องมาเป็นแบบนี้ก็ได้... TT' แต่อีกใจของเราก็บอกว่าเหมือนเป็นการพิสูจน์อย่างนึง การที่ผู้ชายกับผู้หญิงอยู่ในห้องด้วยกันสองต่อสอง จริงๆแล้วมันไม่ง่ายเลยสำหรับผู้ชายสินะ... เราก็พยายามที่จะเข้าใจตรงจุดนี้ อีกอย่าง...เราก็พาตัวเองเข้าไปอยู่ในสถานะการณ์ที่เสี่ยงเอง จะไปโทษเค้าอย่างเดียวก็คงไม่ถูก...
เห้ออออ~~~ แต่ช่างเถอะ มันผ่านมาแล้ว อย่างน้อยเค้าก็เป็นคนดีอยู่นะ...
เรานอนพลิกตัวไปมา ด้วยความเหนื่อยล้าและง่วงงุน ทำให้เราเผลอหลับไปในที่สุด... (-_-) zzz
วันนี้เราอยู่บ้านทั้งวัน พอตื่นขึ้นมาก็ดูหนังฟังเพลงไปเรื่อยเปื่อย หนุ่มญี่ปุ่นส่ง e-mail มาตอนบ่าย 3 โมง บอกว่า ตอนนี้มานั่งเล่นคอมของล็อบบี้โรงแรม จริงๆแล้วเค้าก็อยากเจอเราวันนี้ แต่ไม่เป็นไรเจอกันพรุ่งนี้ก็ได้ เราก็ได้แต่อ่านและไม่ได้ตอบกลับอะไรไป (เพราะไม่รู้จะคุยอะไร)
จนเวลาล่วงเลยมาจนถึง 2 ทุ่ม คุณแม่ของเรากลับมาจากที่ทำงาน (ปกติเราไม่ค่อยอยู่บ้าน ส่วนใหญ่จะอยู่คอนโด หรือวันไหนมีส่งของก็จะอยู่อาพาร์ทเม้นท์เก็บของ) นั่งกินข้าวกับแม่ก็คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย พอ 4 ทุ่ม แม่ของเรากำลังจะเข้านอน เราก็หอบหมอนขอไปนอนห้องแม่ด้วย (´▽`) ช่วงนี้แม่คงเห็นว่าเราเงียบๆหงอยๆไป แถมยังมาขอนอนห้องแม่อีก มันเลยดูแปลกๆพิกล
Mom : "มีอะไรไม่สบายใจรึเปล่า?" ปกติแม่ไม่ค่อยถามเซ้าซี้อยู่แล้ว แต่ครั้งนี้เราคงดูแปลกไปจริงๆมั้ง เราก็ลังเลอยู่พักนึง ก่อนที่จะเล่าให้ฟัง (ยกเว้นเรื่องไปค้างด้วยกันนะ -....-)
Mom : "แยกให้ออกระหว่างความรัก กับ ความสงสารนะ ดูเค้าท่าทางจริงจังแต่ถ้าหนูไม่ได้จริงจังคิดไกลด้วย ก็อย่าไปให้ความหวังเค้า"
โอย~~~ จี๊ดดดดด โดนใจมากค่ะ คุณแม่ข๋าาา~~~ T____T แม่ฟังเรื่องของเรามาก็เยอะ เห็นด้วยบ้าง ไม่เห็นด้วยบ้าง รู้ว่าเราชอบหนุ่มต่างชาติ เวลาคบใครก็จะบอกหมด (แต่กับหนุ่มญี่ปุ่นคนนี้แม่บอกไม่เห็นด้วย) แต่ถ้าจะคบก็พามาเจอแม่ด้วย -....-
ไม่หรอก ไม่คบ เป็นเพื่อนกันอ่ะดีแล้ว ยังเจ็บกับความรักอยู่ แต่ก็พอรู้ว่าที่เราทำไปเพราะความสงสารปนเห็นแก่ตัวของเราเอง (เพราะไม่มีใคร) TT มีเค้าเข้ามา มันก็ไม่เหงา ไม่ต้องคิดมากเรื่องเก่าๆ แต่ก็คงพอแล้วแหละ... ไม่อยากคิดไกล กลัวห่าง... กลัวเจ็บ... กลัวอะไรอีกหลายๆอย่าง... การที่ต้องเริ่มต้นใหม่ มันไม่ง่ายเลยสำหรับเรา... เจ็บมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า... สุดท้ายก็ต้องอยู่กับตัวเราเองอยู่ดี... โอเค... เราตัดสินใจแล้ว... พรุ่งนี้เราต้องทำให้ได้ สู้ๆ นอนค่ะ นอน.
วันต่อมาเรามาถึงโรงแรมตอนเที่ยงกว่าๆ เห็นเค้ากำลังนั่งเล่นคอมตรงล็อบบี้ เรายืนทำใจ ปลอบตัวเองอยู่พักนึงก่อนที่จะเดินไปทัก แล้วพากันออกไปกินข้าวเที่ยงด้วยกัน พอกินเสร็จเราก็ไปพาเดินห้าง เผื่อเค้าอยากซื้อของฝากกลับญี่ปุ่น พี่เค้าคงสังเกตเห็นว่าเราดูแปลกไป ไม่ค่อยพูด ไม่ค่อยยิ้มเหมือนก่อน เค้าถามเราว่าเรายังโกรธเค้าเรื่องเมื่อคืนอยู่ใช่มั้ย? เราบอกเปล่า ไม่ได้โกรธอะไรแล้ว (ก็ไม่ได้โกรธจริงๆนะ) เค้าบอกเค้ารู้สึกไม่ดีเลย เวลาเค้าพูดอะไรถามอะไรเราก็ไม่ค่อยตอบ ไม่หือไม่อือด้วย พวกเราอยู่กับบรรยากาศที่ชวนอึดอัดตลอดทั้งวัน มันเหมือนมีรังสีแห่งความกดดันแผ่ออกมา เราก็ได้แต่บอกตัวเองว่า ทำดีแล้ว เราต้องทำให้เค้ารู้สึกแย่กับเราให้มากที่สุด อย่าสงสาร อย่าใจอ่อน...
วันนี้เป็นวันที่แย่สุดๆของพวกเราอีกวันนึง หน้าพี่เค้าดูไม่มีความสุขเลย เวลายิ้มก็ยิ้มแบบฝืนๆ เวลากินข้าวก็ตักกินไม่เกิน 5 คำ เรามาด้วยกันแต่เดินแบบห่างไกลกันมาก... ขอโทษนะ... ขอโทษที่ต้องทำให้มันเป็นแบบนี้... เราไม่ควรที่จะรู้จักกันเลยด้วยซ้ำ แต่ถ้าเราไม่คิดที่จะตัดตอนนี้ นานไปเค้าอาจจะเจ็บปวดมากกว่านี้ก็ได้....
เราพากันขึ้น BTS ตอน 4โมงเย็น กำลังพากันไปสนามบิน ตอนอยู่ในขบวนหนุ่มญี่ปุ่นเค้าก็ชำเลืองมองเราบ่อยๆ เหมือนจะรอให้เราพูดอะไรสักอย่าง แต่พอเห็นว่าเราคงไม่พูดด้วยแล้ว ในที่สุดเค้าเลยเป็นฝ่ายพูดออกมาเอง
K : "ผมขอโทษนะครับที่ทำให้คุณโกรธ ผมรู้ว่าผมรบกวนคุณ.... รบกวนเวลาของคุณ... และทำเรื่องไม่ดีกับคุณไว้ ผมขอโทษจริงๆ... ผม... ผมอยากจะบอกว่าขอบคุณ.... ขอบคุณมากนะครับ... ขอบคุณที่ช่วยผมไว้หลายๆอย่าง....ขอบคุณที่ใจดีมากกับผม...."
--- BTS --- สถานีต่อไป พญาไท ---
เราเหลือเวลาอีกไม่มาก เพราะสถานีหน้า เค้าก็จะต้องลงแล้วไปต่อ Airport Link ส่วนเราก็ตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไม่ไปส่ง เราจะนั่ง BTS ยาวต่อไปจนกว่าจะถึงสถานีใกล้บ้าน เค้าชำเลืองมองเรา คงอยากให้เราพูดอะไรตอบกลับไปบ้าง แต่เราไม่พูด ตอนนี้ในหัวของเรากำลังสู้กันอย่างดุเดือด อีกใจก็อยากพูด แต่อีกใจก็บอกว่าอย่า
...ทำแบบนี้เราจะดูใจร้ายไปมั้ยนะ?... แต่คงไม่หรอก เค้ามาเที่ยวไทยเค้าก็มาคนเดียว ตอนกลับเค้ากลับคนเดียวก็ถูกแล้ว แต่เราจะไม่พูดอะไรกับเค้าหน่อยหรอ?.... ไม่สิ... เราตั้งใจแล้วนิ ว่าจะให้เค้ารู้สึกแย่กับเรา เราอย่าไปให้ความหวังเค้าเลยจะดีกว่า...
หนุ่มญี่ปุ่นมองหน้าเราอยู่นาน แต่เราก็เอาแต่ก้มลงมองพื้น ไม่สบตา ไม่มองหน้า ไม่อะไรทั้งนั้น อย่าใจอ่อนนะ...
--- BTS --- พญาไท ---
ประตูเปิดออก
เรารีบเงยหน้าขึ้นมองเค้า รู้สึกใจหายวาบ ใจเหมือนตกไปอยู่ตาตุ่ม ทั้งๆที่เตรียมใจมาแล้วนะ แต่ทำไมรู้สึกว่าเวลามันผ่านไปเร็วนักล่ะ? เวลาแห่งการจากลา.... อยากจะพูดว่าขอให้เดินทางปลอดภัย แต่ก็พูดไม่ออก... เค้ามองหน้าเราแล้วพูดครั้งสุดท้ายว่า "I will come back again..." ด้วยสีหน้าเศร้าๆ เรามองหน้ากันครั้งสุดท้าย เค้ามีสีหน้าอมทุกข์... แต่พยายามฝืนยิ้มให้เรา...ก่อนที่เค้าจะเดินออกไป...
เรามองตามแผ่นหลังของเค้า... ในใจอยากวิ่งไปกอดรั้งเค้าไว้... แต่ตอนนี้มันก้าวขาไม่ออกเลย... ได้แต่ยืนแข็งทื่ออยู่ที่เดิม และความรู้สึกที่มันเริ่มชาไปทั้งตัว..
ประตูปิดแล้ว และรถไฟก็แล่นต่อ.....
ไม่มีคำร่ำลาใดๆระหว่างเรา.... ทุกอย่างมันจบแล้วใช่มั้ย... เราทำได้แล้วนะ... แต่ทำไมเรารู้สึกเหมือนไม่ชนะเลยล่ะ.... เราควรที่จะสบายใจสิ... เพราะทุกอย่างที่ทำอยู่นี่มันดีสำหรับเราทั้งคู่.... เค้าจะได้ไม่ต้องมายึดติดกับเราไง.... ยิ้มสิเนเน่... ตอนนี้ต้องยิ้มแล้วสิ... แต่ทำไมความรู้สึกเราถึงตรงกันข้ามล่ะ.... ภาพเรื่องราวของพวกเราย้อนกลับมา... ตอนที่ทักทาย ตอนที่ยิ้ม ตอนที่หัวเราะสนุกกัน... ถึงแม้มันจะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ... ตอนนี้ทุกอย่างกำลังจะกลับมาสู่จุดเดิม... ที่ที่เราเคยเป็น... ใบหน้าของเค้าที่เราได้เห็นครั้งสุดท้าย... เค้าดูเจ็บปวดนะ... เราก็เจ็บปวดเหมือนกัน... ใจมันหวิวๆบอกไม่ถูก.... น้ำตาไหลออกมา... แล้วทำไมมันต้องไหลไม่หยุดด้วย... รถไฟยังคงแล่นต่อไป เราได้แต่ยืนมองวิวนอกหน้าต่างไปเรื่อยๆ.... ไม่รู้เลยว่าถึงสถานีไหนแล้ว และเราต้องลงที่สถานีไหน..... ได้แต่แหงนมองท้องฟ้า... ก้อนเมฆ... แสงแดด... วันนี้ท้องฟ้าดูปลอดโปร่งสดใส.... ได้แต่ภาวนาในใจพร้อมน้ำตา....
เดินทางปลอดภัยนะ... K....
อ่านย้อนหลังได้ที่ http://pantip.com/topic/35323982
อ่านตอนต่อไปได้ที่ http://pantip.com/topic/35565761