ว่าด้วยเรื่อง การขอโทษ และการถอนคำพูด ตามหัวมู้เลยค่ะ
คือ จขม สงสัยมานานแล้ว ว่า ในสภาเมื่อทุกครั้งที่เกิดการอภิปราย ถ้าหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งพูดสิ่งใดผิด หรือตามที่คนถูกพาดพิงคิดว่าผิด
เราก็จะเห็น มีการยกมือคัดค้านเพื่อขอให้ " ถอนคำพูด" กันเสมอ และประธานสภา ก็มักจะพิณาว่า การให้ฝ่ายอภิปราย นั้นบอกกล่าว
หรือ ถอนคำพูด ตามที่อีกฝ่ายร้องขอ
ประเด็นคือ การถอนคำพูดนี้ ใช่หมายรวมถึงการขอโทษ ด้วยหรือป่าว เพราะเท่าที่เห็น และสังเกตุ หากถอนคำพูด
ก็มักจะไม่มีการขอโทษตามมา แล้วแบบนี้ เราจะตีความความหมายของการถอนคำพูดว่าอย่างไร
ในเมื่อการพูดผิด จะถือเป็นการใส่ความ โดยจงใจหรือไม่จงใจก็ตามได้หรือไม่ ก็น่าจะสร้างความเสียหายขึ้นแล้ว
ดังนั้น ส่วนตัวก็เห็นว่า น่าจะมีการขอโทษตามมานะ
อีกมุมคือ ถ้าถือว่า คำพูดนั้นๆ ไม่มีเจตนาจะทำให้ผู้ถูกพาดพิงเสียหาย จนกระทั่งนำมาซึ่งการฟ้องร้อง
แล้วจำเป็นไหม ต้องขอโทษ...
แล้ว ต่อยอดจากความคิด ห้องราชฯเอง ก็เหมือน กับสนามการเมืองเล็กๆ ที่จำลองมาจากสนามใหญ่
หากสมช ในห้องราชฯ จะพาดพิงบุคคลใด โดยไม่เจตนา หรือเสียหายให้เกิดการฟ้องร้อง แบบนี้ การใช้ คำว่า " ถอนคำพูด"
จะเหมาะสม มากว่า คำว่าขอโทษ หรือไม่?
ก็เลยคิดต่อประเด็น มาให้เพื่อนๆคิดกันเล่นๆ แบบไม่ต้องซีเรียสนะค่ะ
ไหนๆวันนี้ ตั้งมาสองมูแล้ว ขอ ใช้เวทีนี้ สื่อสารตอบเรื่องส่วนตัว ถึงคุณจี และ คุณข้างบูรพา ซะหน่อยค่ะ
เพราะเห็นว่าไปเม้นถึง จขม ไว้ในเม้นนี้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

บอกจากใจและความจริงที่ไม่มาสตอเลยนะคะ ทั้งสองท่าน
เรื่องใครต้มใคร นี่อิชั้นไม่รู้จริงเลยค่ะ จะมาจิกหาความจริงกับอิชั้น หรืออยากรู้เรื่องใดมากนัก
อิชั้นก็ก็ไม่อาจทราบได้จริงๆค่าาา ว่า ใครต้มใคร แดงต้มแดง หรือสลิ่มต้มสลิ่ม
เพราะเล่นแบบคนเดียว หยุดรับหลังไมค์ หยุดให้ความสนใจเรื่องส่วนตัวชาวบ้านมานานแล้วค่ะ
ตั้งแต่เห็นหัว เห็นหางของใครหลายคน ก็เลยคิดว่า อยู่เจ๋ยๆ นั่งบนภู น่าจะแฮปปี้ที่สุด
เพราะไม่ปวดหมอง กับเรื่องที่เราไม่อยากรับรู้
แต่ก็ยอมรับนะ ว่าบางทีก็หมั่นมากกับพวกแอ๊บ พวก ดจร หรือไม่ก็พวกมโน พวกยกหาง
ก็เลย เหน็บๆบ้าง เพราะคิดว่าเฉยๆเด๋วก็หาว่าหงอ แรงส์มาก เด๋วก็หาว่าเป็นกระทิงวิ่งชนด่ะ
ก็เลย ตามเทรนด์ไปบ้างไม่ให้หมองมันฝ่อน่ะค่ะ อืมส์...เล็กๆน้อยๆ เราก็ยอมกันปาย ฮิฮิ...
แล้วอีกอย่าง อิชั้นชอบเผือกเฉพาะคน เฉพาะเรื่อง อิชั้นไม่เผือกไปซะทุกเรื่อง
ถ้าใครอยากเผือกกับอิชั้น อิชั้นก็สนองนี๊ด ให้ เพราะคิดว่า คนที่เข้ามาเอ่ยชื่อหากัน
ถ้าไม่คิดถึงกัน ก็คง หมั่นๆกันมาก จนชอบแกว่งปากมาหากัน นั่นแหล๊ะ อิอิ...
บางทีก็คิดนะว่า ไอ้ประเภท ไส้ศึก ไส้อั่ว ไส้เน่าไส้กี่ขดต่อกี่ขดนี่ ไมไม่ดูกลุ่มตัวเองบ้างเล้ย
ถามหาแต่คนเห็นต่างซะงั้น บางที่กลุ่มตัวเอง ก็อาจมีทั้งไส้เน่า ไส้ศึก อยู่ก็ได้ ใครจะไปรู้เนอะ
สรุปคือ ไม่ต้องมาถามหาอะไรกับอิชั้นนะคะ อยากรู้ไปสุมหัวฟินในกลุ่มกันเองจ้าาา
ปูลู้ คุณจี เค้าว่า เผือกต้ม แห้วต้ม มันต้ม ถั่วต้ม ที่เมกา นี่ไม่อร่อยเท่าเผือกเมืองไทยเหรอคะ
ส่วนอิชั้นนะ ขอบอก เมืองไทยนี่ สุดยอดแล้ว ทั้ง ถั่วต้ม เผือกต้ม แห้วต้ม มันต้ม
ถ้าเมกา หาทานยาก เด๋วจะส่งไปให้ทาน สนใจป่ะคะ อิอิ..

ว่าด้วยเรื่องถอนคำพูด และคำขอโทษ ในสนามการเมือง และสนามห้องราชฯ
คือ จขม สงสัยมานานแล้ว ว่า ในสภาเมื่อทุกครั้งที่เกิดการอภิปราย ถ้าหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งพูดสิ่งใดผิด หรือตามที่คนถูกพาดพิงคิดว่าผิด
เราก็จะเห็น มีการยกมือคัดค้านเพื่อขอให้ " ถอนคำพูด" กันเสมอ และประธานสภา ก็มักจะพิณาว่า การให้ฝ่ายอภิปราย นั้นบอกกล่าว
หรือ ถอนคำพูด ตามที่อีกฝ่ายร้องขอ
ประเด็นคือ การถอนคำพูดนี้ ใช่หมายรวมถึงการขอโทษ ด้วยหรือป่าว เพราะเท่าที่เห็น และสังเกตุ หากถอนคำพูด
ก็มักจะไม่มีการขอโทษตามมา แล้วแบบนี้ เราจะตีความความหมายของการถอนคำพูดว่าอย่างไร
ในเมื่อการพูดผิด จะถือเป็นการใส่ความ โดยจงใจหรือไม่จงใจก็ตามได้หรือไม่ ก็น่าจะสร้างความเสียหายขึ้นแล้ว
ดังนั้น ส่วนตัวก็เห็นว่า น่าจะมีการขอโทษตามมานะ
อีกมุมคือ ถ้าถือว่า คำพูดนั้นๆ ไม่มีเจตนาจะทำให้ผู้ถูกพาดพิงเสียหาย จนกระทั่งนำมาซึ่งการฟ้องร้อง
แล้วจำเป็นไหม ต้องขอโทษ...
แล้ว ต่อยอดจากความคิด ห้องราชฯเอง ก็เหมือน กับสนามการเมืองเล็กๆ ที่จำลองมาจากสนามใหญ่
หากสมช ในห้องราชฯ จะพาดพิงบุคคลใด โดยไม่เจตนา หรือเสียหายให้เกิดการฟ้องร้อง แบบนี้ การใช้ คำว่า " ถอนคำพูด"
จะเหมาะสม มากว่า คำว่าขอโทษ หรือไม่?
ก็เลยคิดต่อประเด็น มาให้เพื่อนๆคิดกันเล่นๆ แบบไม่ต้องซีเรียสนะค่ะ
ไหนๆวันนี้ ตั้งมาสองมูแล้ว ขอ ใช้เวทีนี้ สื่อสารตอบเรื่องส่วนตัว ถึงคุณจี และ คุณข้างบูรพา ซะหน่อยค่ะ
เพราะเห็นว่าไปเม้นถึง จขม ไว้ในเม้นนี้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้