ข้อแท้จริง
1 มีการรุกล้ำอธิไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของราชอาณาจักรไทย โดยการที่ทหารต่างชาติเข้ามารุกล้ำเขตแดนและขุดคูสนามเพลาะบริเวณช่องบก จ.อุบลราชธานี มีการปะทะโดยใช้กำลังรบแล้ว และทหารต่างชาติเสียชีวิต 1 นาย แม้ถอนกำลังออกไปและมีการกลบคูและสนามเพลาะนั้น แต่กองทัพได้ประกาศใช้กฎอัยการศึกแล้วและยังมีผลใช้บังคับอยู่ ขณะเกิดเหตุจนถึงปัจจุบัน
2. มีเสียงสนทนาบันทึกเทประหว่าง นายกรัฐมนตรีไทย นางสาวแพรทองธาร ชินวัตร กับ ฮุนเซนประธานวุฒิสภาและเป็นพ่อของนายกรัฐมนตรีของกัมพูชากล่าวหาท่านแม่ทัพภาคที่ 2 ว่าเป็นฝ่ายตรงข้ามกับพวกตน ในขณะที่ท่านแม่ทัพดำเนินการรบเพื่อป้องป้องผืนแผ่นดินไทยตามกฎอัยการศึก ในลักษณะสมคบคิดและมีเจตนามุ่งหมายจะยกผลประประโยชน์ให้ฝั่งกัมพูชาหากมีการร้องขอ ซึ่งนายกรัฐมนตรีแถลงยอมรับว่าได้สนทนาเช่นนั้นจริง
ข้อกฎหมาย
การกระทำดังกล่าวของนายกรัฐมนตรี และผู้สนับสนุน ไม่ว่าจะเป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รองนายกรัฐมนตรีหรือบุคคลอื่นใดที่สนับสนุนนั้นเข้าข่ายความผิด ตามประมวลหมายอาญา มาตรา 119 120 128 129 และมาตราอื่น ๆ ที่เป็นความผิดในหมวดเกี่ยวกับความมั่นคงของราชอาณาจักรไทย
มาตรา 119 ผู้ใดกระทำการใด ๆ เพื่อให้ราชอาณาจักรหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของราชอาณาจักรตกไปอยู่ใต้อำนาจอธิปไตยของรัฐต่างประเทศ หรือเพื่อให้เอกราชของรัฐเสื่อมเสียไป ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต คำพิพากษาที่เกี่ยวข้อง
มาตรา 120 ผู้ใดคบคิดกับบุคคลซึ่งกระทำการเพื่อประโยชน์ของรัฐต่างประเทศ ด้วยความประสงค์ที่จะก่อให้เกิดการดำเนินการรบต่อรัฐ หรือในทางอื่นที่เป็นปรปักษ์ต่อรัฐ ต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่สิบปีถึงยี่สิบปี
มาตรา 128 ผู้ใดตระเตรียมการ หรือพยายามกระทำความผิดใด ๆ ในหมวดนี้ ต้องระวางโทษตามที่บัญญัติไว้สำหรับความผิดนั้น
( ซึ่งหมายความว่า ผู้ที่ตระเตรียมการหรือพยายามกระทำ แม้จะยังไม่สำเร็จ ก็ถือว่ากระทำครบองค์ประกอบความผิดแล้ว)
มาตรา 129 ผู้ใดเป็นผู้สนับสนุนในการกระทำความผิดใด ๆ ในหมวดนี้ ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับตัวการในความผิดนั้น
( ซึ่งหมายความว่า ผู้ที่ให้ความช่วยเหลือหรือส่งเสริมให้ผู้อื่นกระทำความผิดในหมวดนั้นๆ จะได้รับโทษเท่าเทียมกับผู้ที่ลงมือกระทำความผิดเอง)
ดังนั้น นายกรัฐมนตรี และผู้สนับสนุน จึงควรถูกแจ้งความดำเนินคดีต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตำรวจในที่เกิดเหตุ เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลออกหมายจับและควบคุมตัวนายกรัฐมนตรีและผู้สนุบสนุนในทันที แม้ว่าจะลาออกจากตำแหน่ง ก็ไม่มีผลให้เหตุแห่งการดำเนินคดีอาญาสิ้นสุดลง
หากพนักงานเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ดำเนินการ ก็จะเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
นักศึกษามีความเห็นอย่างไร จงอธิบาย (20 คะแนน)
ข้อสอบ การดำเนินคดีอาญากับท่านนายกรัฐมนตรี และผู้สนับสนุนทุกคน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 119 120 128 129
1 มีการรุกล้ำอธิไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของราชอาณาจักรไทย โดยการที่ทหารต่างชาติเข้ามารุกล้ำเขตแดนและขุดคูสนามเพลาะบริเวณช่องบก จ.อุบลราชธานี มีการปะทะโดยใช้กำลังรบแล้ว และทหารต่างชาติเสียชีวิต 1 นาย แม้ถอนกำลังออกไปและมีการกลบคูและสนามเพลาะนั้น แต่กองทัพได้ประกาศใช้กฎอัยการศึกแล้วและยังมีผลใช้บังคับอยู่ ขณะเกิดเหตุจนถึงปัจจุบัน
2. มีเสียงสนทนาบันทึกเทประหว่าง นายกรัฐมนตรีไทย นางสาวแพรทองธาร ชินวัตร กับ ฮุนเซนประธานวุฒิสภาและเป็นพ่อของนายกรัฐมนตรีของกัมพูชากล่าวหาท่านแม่ทัพภาคที่ 2 ว่าเป็นฝ่ายตรงข้ามกับพวกตน ในขณะที่ท่านแม่ทัพดำเนินการรบเพื่อป้องป้องผืนแผ่นดินไทยตามกฎอัยการศึก ในลักษณะสมคบคิดและมีเจตนามุ่งหมายจะยกผลประประโยชน์ให้ฝั่งกัมพูชาหากมีการร้องขอ ซึ่งนายกรัฐมนตรีแถลงยอมรับว่าได้สนทนาเช่นนั้นจริง
ข้อกฎหมาย
การกระทำดังกล่าวของนายกรัฐมนตรี และผู้สนับสนุน ไม่ว่าจะเป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รองนายกรัฐมนตรีหรือบุคคลอื่นใดที่สนับสนุนนั้นเข้าข่ายความผิด ตามประมวลหมายอาญา มาตรา 119 120 128 129 และมาตราอื่น ๆ ที่เป็นความผิดในหมวดเกี่ยวกับความมั่นคงของราชอาณาจักรไทย
มาตรา 119 ผู้ใดกระทำการใด ๆ เพื่อให้ราชอาณาจักรหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของราชอาณาจักรตกไปอยู่ใต้อำนาจอธิปไตยของรัฐต่างประเทศ หรือเพื่อให้เอกราชของรัฐเสื่อมเสียไป ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต คำพิพากษาที่เกี่ยวข้อง
มาตรา 120 ผู้ใดคบคิดกับบุคคลซึ่งกระทำการเพื่อประโยชน์ของรัฐต่างประเทศ ด้วยความประสงค์ที่จะก่อให้เกิดการดำเนินการรบต่อรัฐ หรือในทางอื่นที่เป็นปรปักษ์ต่อรัฐ ต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่สิบปีถึงยี่สิบปี
มาตรา 128 ผู้ใดตระเตรียมการ หรือพยายามกระทำความผิดใด ๆ ในหมวดนี้ ต้องระวางโทษตามที่บัญญัติไว้สำหรับความผิดนั้น
( ซึ่งหมายความว่า ผู้ที่ตระเตรียมการหรือพยายามกระทำ แม้จะยังไม่สำเร็จ ก็ถือว่ากระทำครบองค์ประกอบความผิดแล้ว)
มาตรา 129 ผู้ใดเป็นผู้สนับสนุนในการกระทำความผิดใด ๆ ในหมวดนี้ ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับตัวการในความผิดนั้น
( ซึ่งหมายความว่า ผู้ที่ให้ความช่วยเหลือหรือส่งเสริมให้ผู้อื่นกระทำความผิดในหมวดนั้นๆ จะได้รับโทษเท่าเทียมกับผู้ที่ลงมือกระทำความผิดเอง)
ดังนั้น นายกรัฐมนตรี และผู้สนับสนุน จึงควรถูกแจ้งความดำเนินคดีต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตำรวจในที่เกิดเหตุ เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลออกหมายจับและควบคุมตัวนายกรัฐมนตรีและผู้สนุบสนุนในทันที แม้ว่าจะลาออกจากตำแหน่ง ก็ไม่มีผลให้เหตุแห่งการดำเนินคดีอาญาสิ้นสุดลง
หากพนักงานเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ดำเนินการ ก็จะเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
นักศึกษามีความเห็นอย่างไร จงอธิบาย (20 คะแนน)