'ประวิทย์' อ่านเกมประมูล4Gรอบใหม่ ชี้ทรูฯอาจโดดเข้าร่วมชิงอีก ห่วงแบกหนี้ค่าไลเซ่นส์เพิ่ม
แนวหน้า ฉบับวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2559
นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กรรมการกิจการ กระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) ด้านการคุ้มครองผู้บริโภคและการส่งเสริมสิทธิเสรีภาพ ประชาชน ได้วิเคราะห์ "อนาคตตลาดมือถือไทย หลังการประมูลคลื่นครั้งใหม่ ใครรุ่ง ใครร่วง" ว่าการประมูลคลื่นความถี่ ย่าน 895-905 MHz/940-950 MHz (4G) ในวันที่ 27 พ.ค. 2559 ว่า หลายฝ่ายเริ่มห่วงกังวลว่าราคาตั้งต้นการประมูลที่สูงถึง 75,654 ล้านบาท จะมีผู้เข้าร่วมประมูลหรือไม่
"ราคาคลื่นที่สูงในครั้งก่อนเกิดจากปัจจัยการมีผู้เล่นรายใหม่เข้าร่วมแข่งขันในการประมูล ทำให้ทุกรายยืนหยัดเสนอราคาเกิน 70,000 ล้านบาท แต่ครั้งนี้ไม่น่าจะมี รายใหม่เข้าร่วม เพราะมีเวลาเตรียมตัวประมูล จำกัดมาก ความดุเดือดในการประมูลก็คงลดลงมาก"
อย่างไรก็ตามน่าจะยังมีผู้เข้าร่วมประมูล ในระดับราคาที่สูงนี้ ด้วยปัจจัย 2 ประการ คือ
1.ความจำเป็นของผู้ให้บริการรายเก่าซึ่งก็คือ กลุ่มเอไอเอส ที่ต้อง จัดการปัญหาซิมดับ ของผู้บริโภคกว่า 7 ล้านเลขหมาย ก่อนหน้านี้เคยเสนอตัว ขอรับคลื่นที่ถูกทิ้งใน ราคาชนะประมูลเดิม (ของแจส โมบายที่ไม่มารับใบอนุญาต) และหากปล่อยให้คู่แข่ง ถือครองคลื่นเพิ่มมากขึ้น จะส่งผลให้เกิดความแตกต่างอย่างชัดเจนในเรื่องคุณภาพสัญญาณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคปัจจุบันที่ผู้ใช้งานอินเตอร์เนตผ่านมือถือไม่อดทนต่อความช้าของการรับส่งข้อมูลอีกต่อไป
2.ความต้องการชิงส่วนแบ่งการตลาด ของค่ายมือถือที่กวาดคลื่นทุกย่านจากการประมูลทุกครั้งที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นย่าน 2100, 1800 และ 900 MHz ซึ่งก็คือกลุ่มทรูนั่นเอง แต่ก็คงต้องจับตาดูว่าในที่สุดกลุ่มทรูจะตัดสินใจอย่างไร โดยมีโอกาสเกิดได้ ทั้งสองด้าน คืออาจเข้าร่วมประมูล เพราะต้นทุน ที่จะเพิ่มก็มีเพียงแค่ต้นทุนค่าใบอนุญาต (ไลเซ่นส์) หากชนะประมูล ส่วนต้นทุนโครงข่าย 900 MHz อย่างไรเสียก็ต้องลงทุนตามข้อกำหนดการประมูลที่ชนะไปก่อนแล้ว และหากชนะก็ยังอาจช่วงชิงผู้บริโภคกว่า 7 ล้านเลขหมายที่ยังคงใช้งานเฉพาะคลื่น 900 MHz เท่านั้นเข้ามาเป็นลูกค้าของตน
"แต่การชนะประมูลครั้งใหม่นี้ ก็หมายความว่า หนี้ที่เกิดจากการประมูลคลื่น 1800 และ 900 MHz ของค่ายนี้ในระยะเวลาประมาณครึ่งปีที่ผ่านมา จะสูงถึงเกือบสองแสนล้านบาท ถ้าไม่นับประโยชน์จากการ ครอบครองคลื่น 900 MHz แต่เพียงผู้เดียวแล้ว ก็อาจเป็นภาระที่หนักเกินความจำเป็น เพราะ ไม่ว่าจะชนะหรือไม่ กลุ่มทรูก็มีคลื่นแทบทุกย่าน ไว้ให้บริการในแทบทุกพื้นที่ของประเทศไทยได้อยู่แล้ว" นายประวิทย์ กล่าว
ส่วนกลุ่มดีแทคนั้น เป็นรายแรกที่ออก จากการประมูลครั้งที่ผ่านมา และหลังจากประมูล ไม่ชนะ ก็ได้ลงทุนเพิ่มเติมบนคลื่นภายใต้สัมปทานที่มีอยู่เดิม การประมูลครั้งใหม่นี้ แม้จะไม่เข้าร่วมประมูลก็จะไม่ส่งผลเปลี่ยนแปลง ต่อแผนธุรกิจที่วางไว้ ขณะที่ใบอนุญาตของคลื่น 2100 MHz ก็ยังมีอายุถึงปี 2570
แหล่งข่าว
หนังสือพิมพ์แนวหน้า ฉบับวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2559 (หน้า 9, 10)
ข่าวอื่นเพิ่มเติม
ชำแหละ 4 ประเด็น กสทช.ต้องปรับปรุง ไร้แผนงานบริหารคลื่นความถี่ สบตกคุมค่าโทร
http://pantip.com/topic/35065898
'ทีทีแอนด์ที' จ่อเลิกจ้าง 500 - ไร้ชดเชย
http://pantip.com/topic/35067144
คลิปสอนผู้หญิงตรวจมะเร็งเต้านมที่เผยแพร่บนโซเชียลฯได้โดยไม่ถูกแบน ‘ทั้งที่เห็นหัวนม’
http://pantip.com/topic/35069532
'ประวิทย์' อ่านเกมประมูล4Gรอบใหม่ ชี้ทรูฯอาจโดดเข้าร่วมชิงอีก ห่วงแบกหนี้ค่าไลเซ่นส์เพิ่ม
'ประวิทย์' อ่านเกมประมูล4Gรอบใหม่ ชี้ทรูฯอาจโดดเข้าร่วมชิงอีก ห่วงแบกหนี้ค่าไลเซ่นส์เพิ่ม
แนวหน้า ฉบับวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2559
นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กรรมการกิจการ กระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) ด้านการคุ้มครองผู้บริโภคและการส่งเสริมสิทธิเสรีภาพ ประชาชน ได้วิเคราะห์ "อนาคตตลาดมือถือไทย หลังการประมูลคลื่นครั้งใหม่ ใครรุ่ง ใครร่วง" ว่าการประมูลคลื่นความถี่ ย่าน 895-905 MHz/940-950 MHz (4G) ในวันที่ 27 พ.ค. 2559 ว่า หลายฝ่ายเริ่มห่วงกังวลว่าราคาตั้งต้นการประมูลที่สูงถึง 75,654 ล้านบาท จะมีผู้เข้าร่วมประมูลหรือไม่
"ราคาคลื่นที่สูงในครั้งก่อนเกิดจากปัจจัยการมีผู้เล่นรายใหม่เข้าร่วมแข่งขันในการประมูล ทำให้ทุกรายยืนหยัดเสนอราคาเกิน 70,000 ล้านบาท แต่ครั้งนี้ไม่น่าจะมี รายใหม่เข้าร่วม เพราะมีเวลาเตรียมตัวประมูล จำกัดมาก ความดุเดือดในการประมูลก็คงลดลงมาก"
อย่างไรก็ตามน่าจะยังมีผู้เข้าร่วมประมูล ในระดับราคาที่สูงนี้ ด้วยปัจจัย 2 ประการ คือ
1.ความจำเป็นของผู้ให้บริการรายเก่าซึ่งก็คือ กลุ่มเอไอเอส ที่ต้อง จัดการปัญหาซิมดับ ของผู้บริโภคกว่า 7 ล้านเลขหมาย ก่อนหน้านี้เคยเสนอตัว ขอรับคลื่นที่ถูกทิ้งใน ราคาชนะประมูลเดิม (ของแจส โมบายที่ไม่มารับใบอนุญาต) และหากปล่อยให้คู่แข่ง ถือครองคลื่นเพิ่มมากขึ้น จะส่งผลให้เกิดความแตกต่างอย่างชัดเจนในเรื่องคุณภาพสัญญาณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคปัจจุบันที่ผู้ใช้งานอินเตอร์เนตผ่านมือถือไม่อดทนต่อความช้าของการรับส่งข้อมูลอีกต่อไป
2.ความต้องการชิงส่วนแบ่งการตลาด ของค่ายมือถือที่กวาดคลื่นทุกย่านจากการประมูลทุกครั้งที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นย่าน 2100, 1800 และ 900 MHz ซึ่งก็คือกลุ่มทรูนั่นเอง แต่ก็คงต้องจับตาดูว่าในที่สุดกลุ่มทรูจะตัดสินใจอย่างไร โดยมีโอกาสเกิดได้ ทั้งสองด้าน คืออาจเข้าร่วมประมูล เพราะต้นทุน ที่จะเพิ่มก็มีเพียงแค่ต้นทุนค่าใบอนุญาต (ไลเซ่นส์) หากชนะประมูล ส่วนต้นทุนโครงข่าย 900 MHz อย่างไรเสียก็ต้องลงทุนตามข้อกำหนดการประมูลที่ชนะไปก่อนแล้ว และหากชนะก็ยังอาจช่วงชิงผู้บริโภคกว่า 7 ล้านเลขหมายที่ยังคงใช้งานเฉพาะคลื่น 900 MHz เท่านั้นเข้ามาเป็นลูกค้าของตน
"แต่การชนะประมูลครั้งใหม่นี้ ก็หมายความว่า หนี้ที่เกิดจากการประมูลคลื่น 1800 และ 900 MHz ของค่ายนี้ในระยะเวลาประมาณครึ่งปีที่ผ่านมา จะสูงถึงเกือบสองแสนล้านบาท ถ้าไม่นับประโยชน์จากการ ครอบครองคลื่น 900 MHz แต่เพียงผู้เดียวแล้ว ก็อาจเป็นภาระที่หนักเกินความจำเป็น เพราะ ไม่ว่าจะชนะหรือไม่ กลุ่มทรูก็มีคลื่นแทบทุกย่าน ไว้ให้บริการในแทบทุกพื้นที่ของประเทศไทยได้อยู่แล้ว" นายประวิทย์ กล่าว
ส่วนกลุ่มดีแทคนั้น เป็นรายแรกที่ออก จากการประมูลครั้งที่ผ่านมา และหลังจากประมูล ไม่ชนะ ก็ได้ลงทุนเพิ่มเติมบนคลื่นภายใต้สัมปทานที่มีอยู่เดิม การประมูลครั้งใหม่นี้ แม้จะไม่เข้าร่วมประมูลก็จะไม่ส่งผลเปลี่ยนแปลง ต่อแผนธุรกิจที่วางไว้ ขณะที่ใบอนุญาตของคลื่น 2100 MHz ก็ยังมีอายุถึงปี 2570
แหล่งข่าว
หนังสือพิมพ์แนวหน้า ฉบับวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2559 (หน้า 9, 10)
ข่าวอื่นเพิ่มเติม
ชำแหละ 4 ประเด็น กสทช.ต้องปรับปรุง ไร้แผนงานบริหารคลื่นความถี่ สบตกคุมค่าโทร
http://pantip.com/topic/35065898
'ทีทีแอนด์ที' จ่อเลิกจ้าง 500 - ไร้ชดเชย
http://pantip.com/topic/35067144
คลิปสอนผู้หญิงตรวจมะเร็งเต้านมที่เผยแพร่บนโซเชียลฯได้โดยไม่ถูกแบน ‘ทั้งที่เห็นหัวนม’
http://pantip.com/topic/35069532