ใครเป็นเหมือนเราบ้าง กินสับปะรดทีไร ลิ้นพังทุกที! แบบว่าอร่อยนะ แต่พอกินไปสักพักก็เริ่ม
แสบลิ้น ยิบ ๆ เหมือนถูกกัด จนต้องหยุดกิน
สรุปแบบเข้าใจง่ายได้ประมาณนี้
- ในสับปะรดมีเป็นผลึกเล็ก ๆ รูปเข็ม คือ
ผลึกแคลเซียมออกซาเลต ที่พบได้ในพืชหลายชนิด เช่น เผือก ดอกไม้อบางชนิด และ
พบได้ในสับปะรดบางส่วนด้วย แต่ปริมาณขึ้นอยู่กับ
สายพันธุ์ ความสุก และกระบวนการปลูก
- ผลึกนี้สามารถทำให้เกิดความรู้สึก
คัน–ยิบ–แสบในปาก ได้ เพราะเหมือนเป็นเข็มเล็ก ๆ ทิ่มเยื่อบุในปาก
แล้วสับปะรดทำให้แสบลิ้นเพราะผลึกนี้ไหม?
เป็นไปได้ ว่ามีส่วน แต่
ไม่ใช่สาเหตุหลัก งานวิจัยส่วนใหญ่ชี้ว่า
1. เอนไซม์บรอมีเลน (Bromelain) → สาเหตุหลัก
- เป็นเอนไซม์ที่อยู่ในสับปะรด มีหน้าที่ย่อยโปรตีน พอเราเคี้ยวหรือปล่อยให้เนื้อสับปะรดโดนลิ้น–กระพุ้งแก้ม เอนไซม์ตัวนี้ก็จะ “ย่อยโปรตีนในปากเรา แบบเบาๆ”
2.
กรดในสับปะรดสูง
- สับปะรดมีความเปรี้ยวตามธรรมชาติ โดยเฉพาะพันธุ์ที่ยังไม่สุกเต็มที่ → ความเป็นกรดจะไประคายเคืองพื้นผิวลิ้น
3. ผลึกแคลเซียมออกซาเลต
- ทำให้เกิดความรู้สึก
คัน–ยิบ–แสบในปาก ได้
ที่มา
ฉันอยู่ในห้องแล็บ
ิกินสับปะรด ทำไมถึงแสบลิ้น มีหนามจริงไหม? มาส่องกล้องดูกัน
สรุปแบบเข้าใจง่ายได้ประมาณนี้
- ในสับปะรดมีเป็นผลึกเล็ก ๆ รูปเข็ม คือ ผลึกแคลเซียมออกซาเลต ที่พบได้ในพืชหลายชนิด เช่น เผือก ดอกไม้อบางชนิด และ พบได้ในสับปะรดบางส่วนด้วย แต่ปริมาณขึ้นอยู่กับ สายพันธุ์ ความสุก และกระบวนการปลูก
- ผลึกนี้สามารถทำให้เกิดความรู้สึก คัน–ยิบ–แสบในปาก ได้ เพราะเหมือนเป็นเข็มเล็ก ๆ ทิ่มเยื่อบุในปาก
แล้วสับปะรดทำให้แสบลิ้นเพราะผลึกนี้ไหม?
เป็นไปได้ ว่ามีส่วน แต่ ไม่ใช่สาเหตุหลัก งานวิจัยส่วนใหญ่ชี้ว่า
1. เอนไซม์บรอมีเลน (Bromelain) → สาเหตุหลัก
- เป็นเอนไซม์ที่อยู่ในสับปะรด มีหน้าที่ย่อยโปรตีน พอเราเคี้ยวหรือปล่อยให้เนื้อสับปะรดโดนลิ้น–กระพุ้งแก้ม เอนไซม์ตัวนี้ก็จะ “ย่อยโปรตีนในปากเรา แบบเบาๆ”
2. กรดในสับปะรดสูง
- สับปะรดมีความเปรี้ยวตามธรรมชาติ โดยเฉพาะพันธุ์ที่ยังไม่สุกเต็มที่ → ความเป็นกรดจะไประคายเคืองพื้นผิวลิ้น
3. ผลึกแคลเซียมออกซาเลต
- ทำให้เกิดความรู้สึก คัน–ยิบ–แสบในปาก ได้
ที่มา ฉันอยู่ในห้องแล็บ