ทลายเหมืองบิตคอยน์ โยงจีนเทา ยึดกว่า 3 พันเครื่อง ซ่อนในตู้คอนเทนเนอร์ 3 ปีทำรัฐสูญ 3 พันล้าน

เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 3 ธ.ค.68 ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย, พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รมว.ยุติธรรม, พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสอบสวนคดีพิเศษ, นายธนะ โชคพระสมบัติ รองผู้ว่าการปฏิบัติการระบบไฟฟ้า การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค แถลงปฏิบัติการทลายเหมืองบิตคอยน์เถื่อนภายใต้ชื่อปฏิบัติการ “Operation Copperhead”



นายอนุทิน กล่าวว่า ได้รับเชิญมารับทราบความคืบหน้าจาก ดีเอสไอ กระทรวงยุติธรรม ในการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในพื้นที่สมุทรสาครและอุทัยธานี ซึ่งเป็นไปตามนโยบายรัฐบาล ที่หัวใจสำคัญคือเดินหน้าปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์ อาชญากรรมดิจิตอล สแกมเมอร์ และการกระทำผิดออนไลน์

โดยรัฐบาลให้ความมั่นใจว่าจะดำเนินการอย่างเข้มงวดจริงจังกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี จะตรวจสอบเส้นทางการเงิน การฟอกเงิน ยึดอายัดทรัพย์สินที่กระทำผิดรวมถึงบัญชีม้า วันนี้ทำให้เห็นไอเดีย เพิ่มขึ้นมากมายที่รัฐบาลต้องแก้ไข โดยได้เห็นอาชญากรรมอีกรูปแบบ กลุ่มจีนเทาหรือสัญชาติพม่า ที่เราไม่ต้องการให้อยู่ในไทย

นอกจากทำธุรกิจผิดกฏหมายแล้ว ยังอุกอาจลักลอบขโมยกระแสไฟฟ้าใช้ ทำให้รัฐสูญเสียพลังงานสูงมาก รัฐบาลจึงต้องใช้ทุกหน่วยงานสืบสวนปราบปราม เพื่อจัดการเรื่องนี้ ซึ่งจะปกป้องเศรษฐกิจและเรียกความเชื่อมั่นให้ประเทศไทย ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จะได้ให้การไฟฟ้าภูมิภาค ดำเนินการตรวจสอบเรื่องลักลอบใช้ไฟฟ้าด้วย

พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 2 ธ.ค.ที่ผ่านมา ดีเอสไอและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เขต 3 (ภาคกลาง) ปฏิบัติการทลายเหมืองบิตคอยน์เถื่อน “Operation Copperhead” ในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร จำนวน 6 จุด และ จ.อุทัยธานี จำนวน 1 จุด ประกอบด้วยโกดัง 4 จุด และบ้านพัก 3 จุด

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้อายัดเครื่องขุดบิตคอยน์ที่จากโกดัง รวมทั้งสิ้น 3,642 เครื่อง ประมาณ 270 ล้านบาท มูลค่าระบบไฟฟ้าและอุปกรณ์ประกอบ 30 ล้านบาท ประเมินมูลค่าของอุปกรณ์ทุนตั้งเหมืองขุดบิตคอยน์เถื่อนทั้งระบบรวม 4 จุด มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท ส่วนใหญ่ซุกซ่อนบิตคอยน์ไว้ในตู้คอนเทนเนอร์ ที่ถูกดัดแปลงด้วยนวัตกรรมใหม่ในการเก็บเสียง และใช้ระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบการลักลอบใช้ไฟฟ้า

จากการขยายผลการสืบสวนพบว่าผู้บงการรายใหญ่มีความเชื่อมโยงกับกลุ่ม “จีนเทา” เครือข่ายในพม่า ซึ่งโยงกับขบวนการสแกมเมอร์ข้ามชาติตรวจพบเส้นทางการเงินและผลประโยชน์ที่เกี่ยวพันกันเป็นเครือข่ายอย่างชัดเจน ดำเนินการกว่า 3 ปี ทำให้รัฐสูญรายได้กว่า 3,000 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลเพื่อขยายผลเกี่ยวกับเส้นทางการฟอกเงินและการยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้อง โดยเตรียมประสานความร่วมมือกับประเทศผู้เกี่ยวข้อง รวมถึงทางการของจีน ซึ่งมีการหารือร่วมกันเบื้องต้นแล้ว เพื่อเร่งรัดการดำเนินคดีและสกัดกั้นเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติอย่างต่อเนื่อง จากข้อมูลที่ตรวจพบ คาดว่ามีเงินหมุนเวียนภายในเครือข่ายมากกว่า 5,000 ล้านบาท

โดยเส้นทางการเงินบางส่วนโยงเข้าสู่ระบบสินทรัพย์ดิจิตอล ประเภทบิตคอยน์ ทำให้เป็นหนึ่งในช่องทางสร้างรายได้ให้กับกลุ่มจีนเทาและเครือข่ายสแกมเมอร์ดังกล่าว ก่อนหน้านี้ (31 ม.ค.) ดีเอสไอได้ปฏิบัติการ “รื้อเหมืองขุดบิตคอยน์ลับ” (Bitforge Operation) ตรวจยึดเครื่องขุดบิตคอยน์จำนวน 1,788 เครื่อง ในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร และขยายผลจนพบการลักลอบใช้ไฟฟ้าเพื่อใช้ในการขุดบิตคอยน์ในกรณีดังกล่าว

https://www.khaosod.co.th/crime/news_10045464?fbclid=IwVERDUAOdhh1leHRuA2FlbQIxMQBzcnRjBmFwcF9pZAo2NjI4NTY4Mzc5AAEedq-RhaabIgcVMUC6PzQ12JHMVXlHAImiM1yADTW8NVrbp0X-x3oHa7dqX1k_aem_u8Yp8P6blhSFJUQM0ERMoQ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่