ผมกำลังประสบปัญหากับเคสของลูกความกรณีหนึ่ง ซึ่งยอมรับตรงนี้เลยครับว่า เป็นเคสที่ค่อนข้างสะเทือนใจและขัดต่อความรู้สึกของคนทั่วไปมาก และยังอุบาทว์มากด้วย!
แต่ในเมื่อเขามีความทุกข์ร้อนทางกฎหมายมาปรึกษา ผมในฐานะทนายความก็ต้องพยายามหาทางออกให้ดีที่สุดภายใต้ข้อจำกัดที่มีอยู่ให้แก่ลูกความตามหน้าที่
เรื่องมีอยู่ว่าลูกความของผมคู่หนึ่ง เป็นชายหญิงและเป็นพ่อลูกกันแท้ๆ ฝ่ายชายเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยว ภรรยาตามกฎหมายเสียชีวิตไปตั้งแต่ตอนคลอดลูกสาวตน เขาจึงเลี้ยงดูลูกสาวแท้ๆ มาด้วยตัวคนเดียว และด้วยความที่พ่อมีลูกเร็วตั้งแต่อายุสิบห้า ช่องว่างระหว่างวัยของพ่อลูกคู่นี้จึงห่างกันเพียงแค่สิบห้าปีเท่านั้น ความใกล้ชิดสนิทสนมจึงพัฒนาไปในทิศทางที่ผิดแปลก จนกระทั่งลูกสาวอายุยี่สิบสามปีเรียนจบปริญญาตรีแล้ว ทั้งคู่ก็ได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งฉันชู้สาวกัน โดยเป็นการสมยอมทั้งสองฝ่ายและไม่มีการข่มขืนใจใดๆ ทั้งสิ้น และได้อยู่ในสถานะผัวเมียกันที่เป็นพ่อลูกกันแท้ๆ นับแต่นั้นเป็นต้นมา
ทั้งคู่ใช้ชีวิตภายนอกเหมือนพ่อลูกกันปกติ แต่ภายในครอบครัว สถานะของพวกเขากลับกลายเป็นสามีภรรยาในทันที
กระทั่งปัญหาเกิดขึ้น เมื่อลูกสาวตั้งครรภ์กับพ่อแท้ๆ ของตัวเอง ซึ่งเป็นเด็กที่เกิดจากความรักจากคำอ้างของพวกเขาไม่ได้เกิดจากการบังคับขืนใจใดๆ ทั้งสิ้น
ซึ่งพวกเขาก็ตัดสินใจที่จะเก็บเด็กไว้และปล่อยให้คลอดออกมา โดยโชคดีที่เด็กทารกมีความสมบูรณ์แข็งแรงดี ไม่มีความผิดปกติทางพันธุกรรมอย่างที่บทวิจัยต่างๆ กังวลเรื่องการผสมพันธุ์ระหว่างเลือดชิดทั้งของมนุษย์และสัตว์
ประเด็นข้อกฎหมายที่เป็นทางตันอยู่ตอนนี้คือ เมื่อเด็กคลอดออกมาแล้ว ฝ่ายหญิงย่อมมีสถานะเป็นแม่ที่ชอบด้วยกฎหมายทันที แต่ทางฝ่ายพ่อ (ซึ่งมีศักดิ์เป็นตาของเด็กด้วยนั้น) ต้องการให้ระบุชื่อตนเองเป็นบิดาในสูติบัตร แต่ทางโรงพยาบาลปฏิเสธที่จะดำเนินการแจ้งให้ ต่อมาเมื่อจะไปดำเนินการจดทะเบียนรับรองบุตรที่ที่ว่าการอำเภอ ทางนายทะเบียนก็ปฏิเสธคำร้องเช่นกัน โดยให้เหตุผลว่าเป็นเรื่องที่ผิดศีลธรรมร้ายแรง ตนดำเนินการให้ไม่ได้ เพราะสถานะของคุณพ่อกับลูกสาว เป็นพ่อลูกกันและเป็นบุตรในสมรสของคุณพ่อด้วย คุณตาจะมาเป็นพ่อของหลานไม่ได้
ผมก็ให้คำแนะนำไปว่า ในทางกฎหมายแพ่ง ทั้งคู่ไม่สามารถจดทะเบียนสมรสกันได้เนื่องจากเป็นบุพการีและผู้สืบสันดานโดยตรง ทำให้เด็กมีสถานะเป็นบุตรนอกสมรส
แต่ปัญหาคือพ่อเด็กต้องการจะจดทะเบียนรับรองบุตรเพื่อแสดงสิทธิ์ความเป็นพ่อ แต่ติดขัดที่เจ้าหน้าที่ไม่ยอมรับรองให้เนื่องจากสถานะที่ทับซ้อนกันระหว่างความเป็นพ่อและเป็นตา
ตอนนี้ผมค่อนข้างมืดแปดด้าน เพราะลูกความยืนกรานว่า ไม่อยากขึ้นศาลเนื่องจากเกรงว่าเรื่องราวความสัมพันธ์ในครอบครัวจะถูกเปิดเผยสู่สาธารณะ และเขาก็ไม่ยอมให้ญาติพี่น้องหรือคนอื่นจดทะเบียนรับรองบุตรแทนด้วย เพราะคุณตาต้องการจะเป็นพ่อที่ถูกต้องตามกฎหมายด้วยตนเองเท่านั้น
จนปัจจุบัน เด็กทารกอายุหกเดือนแล้ว แต่ยังไม่มีชื่อบิดาในเอกสารราชการเลย
จึงอยากขอคำแนะนำจากผู้รู้ หรือเพื่อนร่วมวิชาชีพว่า พอจะมีช่องทางกฎหมาย หรือแนวทางปฏิบัติใดบ้างที่จะช่วยคลี่คลายสถานการณ์นี้ได้ โดยที่ไม่ต้องนำเรื่องขึ้นสู่ชั้นศาล เพราะกรณีศึกษาจากข่าวต่างๆ มักจะมีแต่เคสการกระทำชำเราที่จบลงด้วยการยุติการตั้งครรภ์ทั้งสิ้น
แต่ไม่เคยเจอเคสที่เลี้ยงดูกันมาจนถึงขั้นจะจดทะเบียนรับรองบุตรแบบนี้ครับ
มีลูกความมาขอความช่วยเหลือ คือ ลูกสาวกับพ่อรักกันฉันชู้สาวจนมีสัมพันธ์แล้วท้อง คลอดลูกออกมาคุณตาต้องการเป็นพ่อทางนิตินัย
แต่ในเมื่อเขามีความทุกข์ร้อนทางกฎหมายมาปรึกษา ผมในฐานะทนายความก็ต้องพยายามหาทางออกให้ดีที่สุดภายใต้ข้อจำกัดที่มีอยู่ให้แก่ลูกความตามหน้าที่
เรื่องมีอยู่ว่าลูกความของผมคู่หนึ่ง เป็นชายหญิงและเป็นพ่อลูกกันแท้ๆ ฝ่ายชายเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยว ภรรยาตามกฎหมายเสียชีวิตไปตั้งแต่ตอนคลอดลูกสาวตน เขาจึงเลี้ยงดูลูกสาวแท้ๆ มาด้วยตัวคนเดียว และด้วยความที่พ่อมีลูกเร็วตั้งแต่อายุสิบห้า ช่องว่างระหว่างวัยของพ่อลูกคู่นี้จึงห่างกันเพียงแค่สิบห้าปีเท่านั้น ความใกล้ชิดสนิทสนมจึงพัฒนาไปในทิศทางที่ผิดแปลก จนกระทั่งลูกสาวอายุยี่สิบสามปีเรียนจบปริญญาตรีแล้ว ทั้งคู่ก็ได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งฉันชู้สาวกัน โดยเป็นการสมยอมทั้งสองฝ่ายและไม่มีการข่มขืนใจใดๆ ทั้งสิ้น และได้อยู่ในสถานะผัวเมียกันที่เป็นพ่อลูกกันแท้ๆ นับแต่นั้นเป็นต้นมา
ทั้งคู่ใช้ชีวิตภายนอกเหมือนพ่อลูกกันปกติ แต่ภายในครอบครัว สถานะของพวกเขากลับกลายเป็นสามีภรรยาในทันที
กระทั่งปัญหาเกิดขึ้น เมื่อลูกสาวตั้งครรภ์กับพ่อแท้ๆ ของตัวเอง ซึ่งเป็นเด็กที่เกิดจากความรักจากคำอ้างของพวกเขาไม่ได้เกิดจากการบังคับขืนใจใดๆ ทั้งสิ้น
ซึ่งพวกเขาก็ตัดสินใจที่จะเก็บเด็กไว้และปล่อยให้คลอดออกมา โดยโชคดีที่เด็กทารกมีความสมบูรณ์แข็งแรงดี ไม่มีความผิดปกติทางพันธุกรรมอย่างที่บทวิจัยต่างๆ กังวลเรื่องการผสมพันธุ์ระหว่างเลือดชิดทั้งของมนุษย์และสัตว์
ประเด็นข้อกฎหมายที่เป็นทางตันอยู่ตอนนี้คือ เมื่อเด็กคลอดออกมาแล้ว ฝ่ายหญิงย่อมมีสถานะเป็นแม่ที่ชอบด้วยกฎหมายทันที แต่ทางฝ่ายพ่อ (ซึ่งมีศักดิ์เป็นตาของเด็กด้วยนั้น) ต้องการให้ระบุชื่อตนเองเป็นบิดาในสูติบัตร แต่ทางโรงพยาบาลปฏิเสธที่จะดำเนินการแจ้งให้ ต่อมาเมื่อจะไปดำเนินการจดทะเบียนรับรองบุตรที่ที่ว่าการอำเภอ ทางนายทะเบียนก็ปฏิเสธคำร้องเช่นกัน โดยให้เหตุผลว่าเป็นเรื่องที่ผิดศีลธรรมร้ายแรง ตนดำเนินการให้ไม่ได้ เพราะสถานะของคุณพ่อกับลูกสาว เป็นพ่อลูกกันและเป็นบุตรในสมรสของคุณพ่อด้วย คุณตาจะมาเป็นพ่อของหลานไม่ได้
ผมก็ให้คำแนะนำไปว่า ในทางกฎหมายแพ่ง ทั้งคู่ไม่สามารถจดทะเบียนสมรสกันได้เนื่องจากเป็นบุพการีและผู้สืบสันดานโดยตรง ทำให้เด็กมีสถานะเป็นบุตรนอกสมรส
แต่ปัญหาคือพ่อเด็กต้องการจะจดทะเบียนรับรองบุตรเพื่อแสดงสิทธิ์ความเป็นพ่อ แต่ติดขัดที่เจ้าหน้าที่ไม่ยอมรับรองให้เนื่องจากสถานะที่ทับซ้อนกันระหว่างความเป็นพ่อและเป็นตา
ตอนนี้ผมค่อนข้างมืดแปดด้าน เพราะลูกความยืนกรานว่า ไม่อยากขึ้นศาลเนื่องจากเกรงว่าเรื่องราวความสัมพันธ์ในครอบครัวจะถูกเปิดเผยสู่สาธารณะ และเขาก็ไม่ยอมให้ญาติพี่น้องหรือคนอื่นจดทะเบียนรับรองบุตรแทนด้วย เพราะคุณตาต้องการจะเป็นพ่อที่ถูกต้องตามกฎหมายด้วยตนเองเท่านั้น
จนปัจจุบัน เด็กทารกอายุหกเดือนแล้ว แต่ยังไม่มีชื่อบิดาในเอกสารราชการเลย
จึงอยากขอคำแนะนำจากผู้รู้ หรือเพื่อนร่วมวิชาชีพว่า พอจะมีช่องทางกฎหมาย หรือแนวทางปฏิบัติใดบ้างที่จะช่วยคลี่คลายสถานการณ์นี้ได้ โดยที่ไม่ต้องนำเรื่องขึ้นสู่ชั้นศาล เพราะกรณีศึกษาจากข่าวต่างๆ มักจะมีแต่เคสการกระทำชำเราที่จบลงด้วยการยุติการตั้งครรภ์ทั้งสิ้น
แต่ไม่เคยเจอเคสที่เลี้ยงดูกันมาจนถึงขั้นจะจดทะเบียนรับรองบุตรแบบนี้ครับ