ราอูลล์ สุภาพบุรุษสุดป่วน ตอนที่ 17 : มหาปราชญ์ เดบริส


ความเดิม ปฐมภาค มหาเวทย์ป่วนฟ้า 1-16
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

**************************************

ผ่านพ้นช่วย ปฐมภาค มาแล้ว ต่อจากนี้ไป อะไรจะเกิดขึ้นกับสองหนุ่มสาว พี่อูลล์กับน้องรินซ์ โปรดติดตามในภาค

ทุติยภาค สุภาพบุรุษป่วนปฐพี

เรียนเชิญทั้งแฟนคลับ มิตรเดิมมิตรใหม่ นักอ่านเผยเงา เร้นเงา ซ่อนเงาทุกท่าน ติดตามแฟนตาซีอารมณ์ดีเรื่องนี้ต่อไปด้วยกันนะคะ

************************

ขอบคุณนักอ่านทุกท่านสำหรับการติดตาม ราอูลล์ มหาเวทย์ป่วนฟ้า

ขอบคุณมากมายสำหรับทุกกิ๊บ ทุกโหวตกำลังใจ


จากหัวกระทู้ที่แล้ว
GTW ทึ่ง, ออมอำพัน ทึ่ง, สมาชิกหมายเลข 1182478 ทึ่ง

จากความคิดเห็นที่1
GTW ซึ้ง, ออมอำพัน ซึ้ง, สมาชิกหมายเลข 1182478 ซึ้ง

ขอบคุณเป็นพิเศษสำหรับทุกความคิดเห็น
http://pantip.com/topic/34360919
ยกมาตอบในกระทู้นี้เลยนะคะ

ตอบคุณ สมาชิกหมายเลข 1182478
แม่เฒ่าปลิวล่วงหน้าไปเสร็จสรรพ บทนี้จะได้เริ่มการผจญภัยบนผืนแผ่นดินใหญ่กันบ้างแล้วนะคะ
คิดว่ามีเรื่องให้พี่รากับน้องซี ตื่นเต้นกันได้อีกหลายสิ่งอย่างเลยเชียวละค่ะ

ตอบคุณ ออมอำพัน
ดีใจนะคะที่คนอ่านรู้สึกตามสิ่งที่คนเขียนสื่อสารออกมา เพราะไม่มีอะไรจะทำให้ภูมิใจ เท่ากับเรื่องนี้ได้อีกแล้ว

ตอบคุณ GTW
วางตัวราอูลล์เป็นพระเอกแบบพร่องๆ น่ะค่ะ ออกแนวน่ารักน่าตบ ระคนน่าเห็นใจและน่ารำคาญ
แต่จริงๆ คิดว่าเขาเป็นคนจิตใจดีคนหนึ่งเลยละค่ะ แต่เพราะความเป็นคนอย่างนี้ ออกมาเผชิญโลกกว้าง
ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นอีกบ้าง และเขาจะรับสถานการณ์ยังไงก็ไม่รู้นะคะ  เรื่องน่าคิดว่าน่าสนใจไม่น้อยเลยละ

ขอบคุณสำหรับการติดตามกันสม่ำเสมอค่ะ เป็นกำลังใจมากๆ สำหรับคนเขียน จริงๆ นะคะ

*********************************





ราอูลล์ สุภาพบุรุษป่วนปฐพี
017


มหาปราชญ์ เดบริส







               ดวงจันทร์แจ่มจ้า ฉายเงาทาบทาท้องทะเลสีเงินกระจ่าง ผืนน้ำตลอดสุดสายตา แลคล้ายโปรยไว้ด้วยเกล็ดอัญมณีงามระยับ เสียงคลื่นกระทบชายฝั่งและเชิงผา เสียงแมลงกลางคืนระงมร้องมาจากด้านหลัง ทำให้ราตรีกลางหาดทรายไม่เงียบเหงาจนเกินไปนัก

เพราะถูกวิ่งราวถุงเงินนั่นไป เป็นเงินส่วนใหญ่สำหรับค่าเดินทาง เวลานี้ราอูลล์กับซีรินซ์จึงตกลงใจ ค้างแรมที่ชายทะเล อาจเพลินนั่นชมดาว ฟังเสียงคลื่นอยู่ด้วยกันไปจนเช้า

ฝ่ายหญิงกลับมาครั่นเนื้อครั่นตัว เหมือนจะเป็นไข้อีกครั้ง จึงทำได้เพียงช่วยก่อไฟ ระหว่างรออีกฝ่าย ซึ่งกำลังใช้ดาบคู่ จัดการล่าปลาสักสามสี่ตัวขึ้นมาเป็นมื้อค่ำ

ดาบที่บิดาราอูลล์ทิ้งไว้ให้ คล้ายมีมนต์อัศจรรย์ เสมือนพอมันได้อาบแสงเดือนสุกสกาว แล้วจะวาวแสงขึ้นมาได้ เขาจึงได้ความคิดใหม่ แทนที่จะต้องตามล่าสัตว์น้ำมีครีบอะไรสักอย่าง เขากลับใช้มันจ่อกับผืนน้ำ หลอกล่อให้หมึกทะเล ว่ายเข้ามาใกล้ แล้วปักฉึกด้วยดาบเล่มดั้งเดิมของตน ซึ่งไม่นานก็ได้มาหลายตัว

พอขึ้นถึงฝั่ง สองหนุ่มสาวรีบเตรียมการสำหรับซีฟู้ดมื้อโต กลิ่นหมึกย่างนั้น แทบเรียกว่าหอมหวนทวนลม ซ้ำยังมีกุ้งก้ามใหญ่ตัวเขื่องอีกสอง ที่ราอูลล์เผอิญคว้าไว้ได้โดยไม่สนใจว่ามันจะหลงทางมาจากไหน และตอนนี้ก็ไปค้างอยู่บนไม้เสียบ ส่งกลิ่นหอมฟุ้งไม่แพ้กัน

ความเศร้าโศกของซีรินซ์คลี่คลายไปได้อีกมาก เพราะราอูลล์เข้าใจสรรหาวิธีการปลอบใจ ทั้งท่าทางและคำพูดตลกๆ ที่หลอกล่อให้หล่อนยิ้ม หรือกระทั่งหัวเราะออกมาได้หลายครั้ง

จังหวะหนึ่งที่พูดคุย หางตาแลคล้ายเงาเล็กๆ มาแอบซุ่มอยู่หลังโคนมะพร้าว ราอูลล์แสร้งเป็นมองไม่เห็น อึดใจต่อมา เด็กชายวัยไม่เกินเจ็ดแปดขวบคนหนึ่ง ก็ถลามาฉกหมึกย่างไปสองไม้ ตั้งท่าจะตะกายหนี แต่ราอูลล์คอยระวังอยู่แล้ว แค่ยืดเท้าออกไป เด็กชายก็ถูกขัดขา ล้มคะมำบนผืนทราย

“ไอ้เมืองเทอร์กิสนี้มันอะไรกันนักหนา วิ่งราวเงินทองยังไม่พอ กระทั่งข้าวปลาอาหารก็ไม่ละเว้น”

ราอูลล์บ่นอย่างหัวเสีย หลังจากคุมตัวเด็กชายท่าทางหิวโหยเอาไว้ได้ ตอนเขาดึงไม้ปลาหมึกกลับมา มันยังมีท่าไขว่คว้า พอหมดทางก็ทำคล้ายจะขาดใจเสียให้ได้

“ท่านพี่ ท่านพี่ใจดีมีเมตตา ได้โปรด ได้โปรดเถอะนะ  ข้าหิว ข้าหิวเหลือเกินน่ะ”

เด็กชายร้องรำพัน แต่ราอูลล์กลับส่งเสียงฮึในลำคอ

“ลูกไม้เดิมๆ ข้าไม่หลงกลหรอกนะ ไอ้ที่วิ่งราวถุงเงินข้าไป ก็พูดอะไรๆ แบบนี้ละ หรือ...เออสิ! หรือว่าเจ้าเป็นพวกเดียวกัน ดี... ดีละ บอกมานะ พ่อแม่เจ้าอยู่ที่ไหน”

เขาทำเป็นขึ้นเสียงข่มขู่ แกล้งเพิ่มแรงบีบที่ต้นคอให้อีกฝ่ายรับสารภาพ

แต่เด็กน้อยคงเจ็บปวดจริงๆ จนร้องไห้ฮือๆ ออกมา

“ไม่มี... ข้าไม่มีพ่อแม่ เขาไล่ข้าออกจากบ้าน ข้าไม่มีใครแล้ว”

“อะไรกัน พ่อแม่ชนิดไหน ที่ไล่ลูกของตัวเองออกจากบ้าน เท่าที่ข้าเคยพบเจอ ก็จะมีแต่พ่อแม่เท่านั้น ที่หนีลูกออกจากบ้าน”

ราอูลล์สบตาซีรินซ์ เมื่อเห็นหล่อนพยักหน้า เชื่อถือคำพูดของหัวขโมยตัวน้อยเช่นกัน เขาก็ยิ่งรู้สึกถึงหัวอกเด็กกำพร้า

“หิวใช่ไหมล่ะ! งั้นไปกินอะไรกันก่อน พออิ่มดีแล้วเดี๋ยวข้าจะไปจัดการพ่อแม่ของเจ้าให้เอง”

พูดแล้วเขาก็ชวนหัวขโมยตัวจ้อยเข้าร่วมวงรอบกองไฟ ไม่ได้สังเกตว่า ตอนนี้ซีรินซ์มีท่าทีผิดปกติไปอีก เหมือนหล่อนชะงักๆ หรือเห็นอะไรสักอย่าง แฝงตัวอยู่ในร่างกายของเด็กน้อยผู้หิวโหย

ความรู้สึกจากภายใน ที่อัดอั้นมาตั้งแต่เป็นเด็ก ซึ่งถูกป้าสีมาร์บังคับการกินอยู่หลับนอนมาตั้งแต่เล็กๆ ทำให้ราอูลล์เผลอพูดออกไปว่า

“เอาเลยนะ กินให้อิ่ม... กินให้เต็มที่”

คนได้รับอนุญาตยิ้มร่าขอบคุณ แล้วคว้าหมึกย่างตัวโตทันที

“เดี๋ยวๆ มันยังร้อนๆ ค่อยๆ กินสิ ไม่ต้องรีบ”

แม้ชายหนุ่มจะออกปากเตือนอย่างนั้น แต่เด็กชายก็ไม่สน เขาไม่มีท่าทางว่ากำลังกินของร้อนเลยด้วยซ้ำ

เด็กชายกัดกลืนหมึกตัวแรกหมด ในเพียงสองสามอึดใจ และโดยไม่ขออนุญาตใดๆ อีก เขาก็คว้าหมึกตัวต่อไป และต่อไป...

ราอูลล์เห็นอย่างนั้น ก็พลอยรู้สึกเอร็ดอร่อยไปด้วย แต่เกรงเด็กน้อยจะจัดการทุกอย่างจนเรียบเชียบ จึงรีบคว้ากุ้มก้ามโตให้ซีรินซ์ไว้ก่อน

แต่พอหันมาจะจัดอีกกุ้งใหญ่อีกตัวให้ตัวเอง มันก็ถูกเด็กน้อยคว้าไปแล้ว

คราวนี้ยิ่งประหลาด ไม่ใช่แค่ความร้อน แต่เปลือกกุ้งชนิดนี้แข็งพอๆ กับปูทะเลดึกดำบรรพ์ ทว่าเด็กชายกลับเคี้ยวๆ กลืนๆ คล้ายกำลังรับประทานขนมปังชิ้นนุ่มก็ไม่ปาน

พอหมดปาก เขาก็หันมองของในมือซีรินซ์

“ยังไม่อิ่ม ข้ายังหิว ยังหิวอยู่เลยนะพี่สาวคนสวย”

เด็กชายอ้อนขอ ท่าทางยังหิวอยู่จริงๆ ซีรินซ์ซึ่งอยากพิสูจน์อะไรบางอย่าง จึงยอมยื่นกุ้งก้ามโต ให้เขารับไปขบก้าม เคี้ยวๆ แล้วกลืนอย่างเอร็ดอร่อย

“ไอ้เด็กคนนี้ มัน... เอ่อ?...”

ราอูลล์พูดไม่ออก มาตั้งแต่เห็นเด็กน้อย กลืนกินกุ้งก้ามแรกนั่นแล้ว

พออาหารสิ่งสุดท้าย หายเข้าไปในปากของเด็กชายจนหมด เขาก็กลับมาร่ำร้องเป็นคำเดิม

“พี่ชายใจดี พี่สาวแสนสวย ข้าหิว ข้ายังหิวเหลือเกินน่ะ”

ราอูลล์ถึงกับเอามือลูบดู ที่หน้าท้องของร่างกระจ้อยร่อย แต่ท้องห่อเหี่ยวนั่น ก็ยังแฟ่บอยู่ เหมือนไม่มีอะไรตกถึงท้องมานานจริงๆ

“โห... ตัวเล็กๆ แค่นี้ เอาทั้งหมดที่กลืนลงไป ไปเก็บไว้ที่ไหนกันเนี่ย!”

เขาถึงกับพึมพำ ไม่เชื่อว่าจะมีเด็กที่กินจุเช่นนี้ เงยขึ้นสบตาหญิงสาว ก็เห็นว่าหล่อน ทำท่าบุ้ยใบ้ ให้เขาจับสองไหล่ของเด็กชายให้อยู่นิ่งๆ

แล้วซีรินซ์ก็วาดฝ่ามือเป็นวงแคบ นิ้วเรียวยาวเวียนผ่านกันไปมาขณะร่ายเวทมนต์ อึดใจเดียวก็เสกบางอย่าง กระแทกเข้าที่กลางหลังของร่างเล็กผอมกะหร่อง

เด็กชายผวาคะมำลง ท่าทางคล้ายจะอาเจียน ร่างกระตุกสองสามครั้ง ก่อนจะสำรอกสัตว์ประหลาดชนิดหนึ่งออกมา

หน้าตาของมันคล้ายหนอนทะเล แต่มีขาหนุบหนับหลายคู่ ตลอดตัวมีสีสันและปุ่มเล็กๆ คล้ายลิ้นมนุษย์ที่มีลูกตากลมโตสีชมพูสด กลิ้งกลอกตลอดเวลา

พริบตาถัดมา มันม้วนตัวเป็นลูกกลมนุ่มๆ แต่ซีรินซ์รู้ทันว่าจะกลิ้งหนี เลยร่ายมนต์อีกบท ทำให้เจ้าตัวน่าขยะแขยง หนีไปไหนไม่ได้อีก

หญิงสาว ซึ่งเคยได้ยินชื่อปิศาจชั้นต่ำชนิดนี้ ถึงกับขยับมานั่งดูใกล้ๆ ราอูลล์ยังห่วงอาการของเด็กชาย เมื่อเห็นเขาคล้ายหลับไปแล้ว จึงมาสมทบกับซีรินซ์

“มันตัวอะไรกันล่ะเนี่ย”

“ข้าจำมันได้ แม่ฒ่าเคยเล่าให้ฟัง ไอ้ตัวนี้คือ หนอนตะกราม เป็นสัตว์เวทชนิดหนึ่ง เข้าไปอาศัยในร่างใครแล้ว คนนั้นจะหิวตลอดเวลา”

ซีรินซ์อธิบายช้าๆ

“หนอนตะกราม... หน้าตาอย่างนี้ มันจะมีประโยชน์อะไรบ้างไหม”

“ไม่รู้ซี แม่เฒ่าไม่ได้บอกไว้ คือมันไม่ค่อยปรากฏตัวง่ายๆ หรอก”

“แต่มันเป็นสัตว์เวท อย่างนั้นเราก็เก็บเอาไว้ก่อนแล้วกัน ไม่แน่หรอก ว่าเอาอาจมีทางใช้ประโยชน์จากมันได้”

อยู่ๆ ราอูลล์ก็คิดถึงเรื่องแผลงๆ สำหรับแกล้งคน เขาจัดแจงหาลำไม้ปล้องเล็กๆ มาให้ซีรินซ์เสกบรรจุมันไว้ ก่อนปิดด้วยหินก้อนกลม แล้วลงคาถาผนึกมวลสาร

จากนั้นก็มีเสียงเล็กๆ ของเด็กชาย ซึ่งกลับมามีหน้าตาแจ่มใส เหมือนเด็กวัยเดียวกันทั่วไปได้แล้ว

“พี่ชายใจดี พี่สาวคนสวย ข้าไม่หิวแล้ว ข้าไม่หิวแล้วละ”

เด็กตัวจ้อยบอกทั้งคู่ พร้อมส่งรอยยิ้มมาให้

“ทีนี้ข้าก็กลับบ้านได้แล้ว พ่อแม่บอกว่า ถ้าข้าเลิกร้องหิวๆ เมื่อไหร่ ค่อยกลับไปอยู่กับพวกท่าน...”

สองหนุ่มสาวพลอยชื่นใจ แม้ทั้งคู่ต่างตกอยู่ในสถานะต้องห่างพ่อห่างแม่ และยังไม่รู้จะได้พบเจอกันอีกเมื่อไหร่ แต่ก็ยังรู้สึกดีใจด้วย ที่เด็กชายจะได้กลับไปอยู่ในอ้อมอกอันอบอุ่น

“ไปเถอะไอ้น้อง อย่าดื้อ อย่าซน เป็นเด็กดีของพ่อแม่ด้วยล่ะ”

ราอูลล์กล่าวคำอำลา แต่ก่อนที่เด็กชายจะผละไป เขายังทำเสียงเข้มๆ สำทับว่า

“ถ้าดื้อ ถ้าซน ถ้าเป็นเด็กไม่ดี ข้าจะปล่อยไอ้ตัวยึกยือนั่น เข้าไปสิงในร่างเจ้าอีก”

เด็กชายกลัวจนตัวสั่น ยกมือไหว้ท่วมหัว สบถสาบานว่า จะเป็นเด็กดีสุดๆ ก่อนจะรีบวิ่งหายลับกลับเข้าไปในเขตเมือง

“พี่ราอูลล์เป็นคนดีจริงๆ”

เห็นเขายังมองตาม ซีรินซ์ก็กล่าวชื่นชมไปดังนั้น พอเขาหันกลับมายิ้มเขินๆ หล่อนก็พยักหน้า ยืนยันว่าไม่ได้แค่พูดเล่น

“พี่คงไม่ทำอย่างที่พูดนั่นจริงๆ...”

“ก็แน่ละซี... ถ้าข้าต้องโกหกสักคำสองคำ แล้วจะทำให้ใครสักคน เติบโตขึ้นเป็นคนดี ข้าก็จะยินยอม...”


(มีต่อ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่