
กระทู้นิยายบทก่อนๆ
http://pantip.com/topic/30447400
http://pantip.com/topic/30448112
http://pantip.com/topic/30452010
http://pantip.com/topic/30456248
“แบงค์อยู่ไหน พงษ์ชิษณุที่ตายไปแล้วอยู่ที่ไหน” ผมเดินบ่นพิลาปรำพันรอบๆ เมรุในป่าช้าวัดราวกับคนบ้าเสียสติ ความมืดมิดทำให้ทั่วอาณาบริเวณป่าช้าดูน่ากลัวเงาทะมึนของเมรุและศาลาไว้ศพดูราวกับปีศาจร่างมมาที่ยืนตระหง่านหลอกหลอนอยู่ร่ำไป แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ทำให้ผมกลัวเลยสักนิดเดียว ด้วยเหตุว่าความอาลัยและความปรารถนาที่จะพบคนรักซึ่งได้ตายไปแล้วปิดกั้นความกลัวไม่ให้กำเริบเสิบสาน
“แบงค์ของผมอยู่ไหน พงษ์ชิษณุที่ตายไปอยู่ที่ไหนกัน?” ผมยังคงเดินบ่นรำพันในความมืดมิด “แบงค์...” ผมใช้พลังทั้งหมดตะโกนเรียกชื่อเขาแล้วทรุดตัวลงคุกเข่าบนพื้นลานซีเมนต์ ผมเงยหน้ามองท้องฟ้าด้วยสายตาเว้าวอน ทันใดนั้นมีผีพุ่งไต้จากท้องฟ้าสีดำตกลงมา แสงว้าบสีทองทำให้ทั่วอาณาบริเวณป่าช้า จนกลายเป็นป่าช้าในยามกลางวันที่ผมเคยเห็น เมื่อแสงนั้นหายไปก็ปรากฏเป็นร่างของแบงค์ยืนอยู่ตรงชานศาลาตาหลุยส์ข้างๆ เมรุ เขาดูสดใสในเสื้อเชิ้ตสีเขียวอ่อนๆ ไม่มีลายทับด้วยเสื้อไหมพรมสีส้มอ่อนและกางเกงสีน้ำตาลอันเป็นชุดที่ผมเลือกให้ร่างไร้ลมหายใจของเขาสวมใส่จากห้องดับจิตในโรงพยาบาล ผมลุกขึ้นวิ่งมาหาเขาทันทีด้วยความดีใจ
“ผมบอกแล้วไงว่า อย่าร้องไห้เพื่อผม” แบงค์เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ดวงตาคู่นั้นที่ซ่อนอยู่หลังเลนส์แว่นตาของเขาดูเศร้าๆ นี่แหละแบงค์ของผม แม้ว่าคนอื่นๆ จะมองว่าเขาเป็นคนที่ตลกสนุกสนาน แต่ผมมองเห็นแววตาแห่งความเศร้าระทมซ่อนอยู่ลึกๆ
“ก็เราทำใจไม่ได้นิแบงค์ อย่าห้ามเราซะให้ยากเลย” ผมบอกกับเขา
“สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ คุณเป็นแบบนี้ก็ไม่ต่างจากการตกนรกเลย”
“สวรรค์ที่ไม่มีแบงค์ มันไม่มีความหมาย เราแทบจะไม่อยากมีชีวิตอยู่เลย ทุกสิ่งทุกทุกอย่างราวกับพังทลายลง” ผมบอกความรู้สึกของผมไป
“หยุดซะทีนันทพงษ์” เขาแผดเสียงใส่ผม “ผมก็เคยพูดอย่างชัดเจนแล้ว ถ้าคุณฆ่าตัวตาย เราสองคนก็จะไม่มีวันได้พบเจอกันอีก ทำใจให้ได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข คุณก็ได้ฟังเรื่องมัฏฐกุณฑลีแล้ว คุณจะเอาเยี่ยงอย่างอทินนปุพพกะพราหมณ์ที่ร้องไห้คร่ำครวญราวกับคนบ้าอย่างนั้นหรือ?”
“แล้วจะให้เราทำยังไง?” ผมเดินมาจับมือเขาแต่ก็ไม่อาจจับได้ ไม่สามารถสัมผัสได้ ราวกับว่าเขาเป็นอากาศธาตุไปเสียแล้ว
“ก่อนที่ผมจะไปเป็นอาจารย์ใหญ่ คุณช่วยเล่นดนตรีหน้าศพได้ไหม?”
"ได้สิแบงค์” ผมรับปากเขา “โจ้จะมาวันพรุ่งนี้ เดี๋ยวเราค่อยคุยกับมันอีกทีว่าจะเอาวงมันเล่นได้ไหม”
“ผมจะคอยคุณนะเจฟ ผมจะคอยปกป้องคุ้มครองคุณ ผมไปแล้วล่ะ” สิ้นคำลาของแบงค์ เขาก็หายวับไปกับตา เป็นเวลาเดียวกันที่ผมตกใจตื่น ผมจึงลุกจากเตียงนอนทำภารกิจส่วนตัวแล้วขับรถมาที่วัด
(Y) น้ำค้างมองพระจันทร์ บทที่ 3.1 บรื๋อ! เขียนโดย... กัลปังหา

กระทู้นิยายบทก่อนๆhttp://pantip.com/topic/30447400
http://pantip.com/topic/30448112
http://pantip.com/topic/30452010
http://pantip.com/topic/30456248
“แบงค์อยู่ไหน พงษ์ชิษณุที่ตายไปแล้วอยู่ที่ไหน” ผมเดินบ่นพิลาปรำพันรอบๆ เมรุในป่าช้าวัดราวกับคนบ้าเสียสติ ความมืดมิดทำให้ทั่วอาณาบริเวณป่าช้าดูน่ากลัวเงาทะมึนของเมรุและศาลาไว้ศพดูราวกับปีศาจร่างมมาที่ยืนตระหง่านหลอกหลอนอยู่ร่ำไป แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ทำให้ผมกลัวเลยสักนิดเดียว ด้วยเหตุว่าความอาลัยและความปรารถนาที่จะพบคนรักซึ่งได้ตายไปแล้วปิดกั้นความกลัวไม่ให้กำเริบเสิบสาน
“แบงค์ของผมอยู่ไหน พงษ์ชิษณุที่ตายไปอยู่ที่ไหนกัน?” ผมยังคงเดินบ่นรำพันในความมืดมิด “แบงค์...” ผมใช้พลังทั้งหมดตะโกนเรียกชื่อเขาแล้วทรุดตัวลงคุกเข่าบนพื้นลานซีเมนต์ ผมเงยหน้ามองท้องฟ้าด้วยสายตาเว้าวอน ทันใดนั้นมีผีพุ่งไต้จากท้องฟ้าสีดำตกลงมา แสงว้าบสีทองทำให้ทั่วอาณาบริเวณป่าช้า จนกลายเป็นป่าช้าในยามกลางวันที่ผมเคยเห็น เมื่อแสงนั้นหายไปก็ปรากฏเป็นร่างของแบงค์ยืนอยู่ตรงชานศาลาตาหลุยส์ข้างๆ เมรุ เขาดูสดใสในเสื้อเชิ้ตสีเขียวอ่อนๆ ไม่มีลายทับด้วยเสื้อไหมพรมสีส้มอ่อนและกางเกงสีน้ำตาลอันเป็นชุดที่ผมเลือกให้ร่างไร้ลมหายใจของเขาสวมใส่จากห้องดับจิตในโรงพยาบาล ผมลุกขึ้นวิ่งมาหาเขาทันทีด้วยความดีใจ
“ผมบอกแล้วไงว่า อย่าร้องไห้เพื่อผม” แบงค์เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ดวงตาคู่นั้นที่ซ่อนอยู่หลังเลนส์แว่นตาของเขาดูเศร้าๆ นี่แหละแบงค์ของผม แม้ว่าคนอื่นๆ จะมองว่าเขาเป็นคนที่ตลกสนุกสนาน แต่ผมมองเห็นแววตาแห่งความเศร้าระทมซ่อนอยู่ลึกๆ
“ก็เราทำใจไม่ได้นิแบงค์ อย่าห้ามเราซะให้ยากเลย” ผมบอกกับเขา
“สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ คุณเป็นแบบนี้ก็ไม่ต่างจากการตกนรกเลย”
“สวรรค์ที่ไม่มีแบงค์ มันไม่มีความหมาย เราแทบจะไม่อยากมีชีวิตอยู่เลย ทุกสิ่งทุกทุกอย่างราวกับพังทลายลง” ผมบอกความรู้สึกของผมไป
“หยุดซะทีนันทพงษ์” เขาแผดเสียงใส่ผม “ผมก็เคยพูดอย่างชัดเจนแล้ว ถ้าคุณฆ่าตัวตาย เราสองคนก็จะไม่มีวันได้พบเจอกันอีก ทำใจให้ได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข คุณก็ได้ฟังเรื่องมัฏฐกุณฑลีแล้ว คุณจะเอาเยี่ยงอย่างอทินนปุพพกะพราหมณ์ที่ร้องไห้คร่ำครวญราวกับคนบ้าอย่างนั้นหรือ?”
“แล้วจะให้เราทำยังไง?” ผมเดินมาจับมือเขาแต่ก็ไม่อาจจับได้ ไม่สามารถสัมผัสได้ ราวกับว่าเขาเป็นอากาศธาตุไปเสียแล้ว
“ก่อนที่ผมจะไปเป็นอาจารย์ใหญ่ คุณช่วยเล่นดนตรีหน้าศพได้ไหม?”
"ได้สิแบงค์” ผมรับปากเขา “โจ้จะมาวันพรุ่งนี้ เดี๋ยวเราค่อยคุยกับมันอีกทีว่าจะเอาวงมันเล่นได้ไหม”
“ผมจะคอยคุณนะเจฟ ผมจะคอยปกป้องคุ้มครองคุณ ผมไปแล้วล่ะ” สิ้นคำลาของแบงค์ เขาก็หายวับไปกับตา เป็นเวลาเดียวกันที่ผมตกใจตื่น ผมจึงลุกจากเตียงนอนทำภารกิจส่วนตัวแล้วขับรถมาที่วัด