
ต้องตัดสินใจอยู่นานว่าจะลงนิยายเรื่องนี้ให้ทุกคนอ่านดีหรือไม่?
เรื่องนี้แต่งไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว สัญญากับตนเองว่าเขียนถึงบทที่ 10 จะนำลงพันทิป
นักเขียนที่ดีต้องไม่กลัวยาแรง ผมเลยนำเรื่องนี้มาลงให้ทุกคนได้ติและชม(ถ้ามี)
บทที่ 1
ตายแล้ว…ไปไหน?
พระจันทร์ที่แหว่งเว้าและดับแสงในคืนแรมคือผม...
น้ำค้างที่งดงามราวกับเพชร สุดท้ายก็ต้องระเหยเมื่อต้องแสงตะวันคือเขา...
ขอแจ้งให้ทุกท่านที่รู้จักกับคุณพงษ์ชิษณุ สุริยะกุล ผมคือเจฟเป็นคู่ชีวิตของเขา เราสองคนคบกันมานานหลายปีแล้ว ตอนนี้พงษ์ชิษณุ สุริยะกุลได้เสียชีวิตแล้ว ด้วยภาวะหัวใจล้มเหลวเนื่องจากโรคแพ้ภูมิตนเองหรือเอสแอลอี ผมขอยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง ผมยังได้แนบใบมรณบัตรของไว้เป็นหลักฐาน ศพของเขาตั้งบำเพ็ญกุศลศพ เป็นเวลา 3 วันเริ่มพิธีการ 19.30 น. และในวันที่ 4 จะมีพิธีการในเวลา 12.30 น. แสดงพระธรรมเทศนา1 กัณฑ์และสวดมาติกาบังสุกุลก่อนจะเคลื่อนศพไปยังภาควิชากายวิภาคศาสตร์ มหาวิทยาลัยแพทย์ต่อไป
รถตู้ของภาควิชากายวิภาคศาสตร์จอดถอยเข้าศาลาบำเพ็ญกุศลศพในฌาปนสถานของวัด ผมลงจากรถตู้ มือทั้งสองข้างอุ้มกระถางธูปเชิญวิญญาณอย่างระมัดระวังแล้วไปวางลงบนถาดหน้าธูปเทียน สีหน้าของผมดูเรียบเฉยแต่ความเศร้าระทมที่ซ่อนอยู่ภายในแสดงออกมาผ่านดวงตาที่บวมแดงและมีคราบน้ำตา เจ้าหน้าที่ผู้ชายจากภาควิชาช่วยกันหามร่างของแบงค์ลงจากรถไปไว้ที่ตั่งไม้อัดสีแดงตกแต่งลวดลายดอกไม้สีทองรอบขอบและขาของตั่งมีผ้าขาวรองทับเอาไว้ เจ้าหน้าที่ได้นัดแนะและให้พี่นุ พี่ชายคนโตของแบงค์เซ็นเอกสารเล็กๆ น้อยๆ ก่อนที่อีกสามวันเขาจะมารับศพของเขาเพื่อไปเป็นอาจารย์ใหญ่ให้นักศึกษาแพทย์ได้ศึกษาสรีระวิทยาผ่านร่างไร้วิญญาณของเขา พี่น้ำพี่สาวคนที่สองของแบงค์เทน้ำอบน้ำปรุงลงในขันที่พี่บอยสัปเหร่อของวัดตระเตรียมไว้ให้ เธอยังคงร้องไห้กระซิกๆ ผมวางกระถางธูปตรงถาดธูปเทียนหน้าโลงศพที่รอการบรรจุร่างของแบงค์ พระในวัดที่ทราบข่าวก็ทยอยกันมาชุมนุมมารอพิธีการรดน้ำศพ แบงค์เคยบวชเรียนที่นี่มาตั้งหลายปี พระหลายๆ รูปผมคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดีเพราะบางท่านเป็นสหายธรรมของแบงค์
“เจฟ พี่ช่วยแชร์ข่าวการตายของแบงค์ในเฟสบุ๊คแล้วนะ แมนก็ช่วยกระจายข่าวในหน้าเฟสวจก. ให้แล้ว” พี่นพเพื่อนเรียนสาขาเดียวที่มหาวิทยาลัยและเป็นที่ปรึกษาความรักมือหนึ่งของแบงค์ช่วยแจ้งข่าวการเสียชีวิตของแบงค์ให้เพื่อนๆ ได้ทราบกัน “ฮัลโลวเบียร์ อีกชั่วโมงนึงถึงเหรอ พี่อยู่ที่วัดแล้ว” พี่นพหลบไปรับสายโทรศัพท์เบียร์ ผมแอบหลบมานั่งที่ม้านั่งไม้ทาสีฟ้าข้างๆ ศาลาไว้ศพอีกศาลาหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ กัน นาทีนี้...ผมต้องยอมรับความจริงว่าผมได้สูญเสียเขาไปแล้ว ความตายแม้จะเป็นสัจธรรมที่มนุษย์ทุกผู้ สรรพสัตว์ทั้งหลายในโลกใบนี้จะต้องได้พบเจอ เพราะมีการเกิดก็ย่อมต้องมีการดับ เกิด-ดับ...เกิด-ดับ... ไม่รู้จักจบจักสิ้น มันเป็นอิทัปปัจจยตาที่แบงค์อธิบายให้ผมฟังก่อนเขาตายจากผมไป
(Y) น้ำค้างมองพระจันทร์ บทที่ 1.1 ตายแล้ว...ไปไหน? เขียนโดย... กัลปังหา
ต้องตัดสินใจอยู่นานว่าจะลงนิยายเรื่องนี้ให้ทุกคนอ่านดีหรือไม่?
เรื่องนี้แต่งไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว สัญญากับตนเองว่าเขียนถึงบทที่ 10 จะนำลงพันทิป
นักเขียนที่ดีต้องไม่กลัวยาแรง ผมเลยนำเรื่องนี้มาลงให้ทุกคนได้ติและชม(ถ้ามี)
บทที่ 1
ตายแล้ว…ไปไหน?
พระจันทร์ที่แหว่งเว้าและดับแสงในคืนแรมคือผม...
น้ำค้างที่งดงามราวกับเพชร สุดท้ายก็ต้องระเหยเมื่อต้องแสงตะวันคือเขา...
ขอแจ้งให้ทุกท่านที่รู้จักกับคุณพงษ์ชิษณุ สุริยะกุล ผมคือเจฟเป็นคู่ชีวิตของเขา เราสองคนคบกันมานานหลายปีแล้ว ตอนนี้พงษ์ชิษณุ สุริยะกุลได้เสียชีวิตแล้ว ด้วยภาวะหัวใจล้มเหลวเนื่องจากโรคแพ้ภูมิตนเองหรือเอสแอลอี ผมขอยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง ผมยังได้แนบใบมรณบัตรของไว้เป็นหลักฐาน ศพของเขาตั้งบำเพ็ญกุศลศพ เป็นเวลา 3 วันเริ่มพิธีการ 19.30 น. และในวันที่ 4 จะมีพิธีการในเวลา 12.30 น. แสดงพระธรรมเทศนา1 กัณฑ์และสวดมาติกาบังสุกุลก่อนจะเคลื่อนศพไปยังภาควิชากายวิภาคศาสตร์ มหาวิทยาลัยแพทย์ต่อไป
รถตู้ของภาควิชากายวิภาคศาสตร์จอดถอยเข้าศาลาบำเพ็ญกุศลศพในฌาปนสถานของวัด ผมลงจากรถตู้ มือทั้งสองข้างอุ้มกระถางธูปเชิญวิญญาณอย่างระมัดระวังแล้วไปวางลงบนถาดหน้าธูปเทียน สีหน้าของผมดูเรียบเฉยแต่ความเศร้าระทมที่ซ่อนอยู่ภายในแสดงออกมาผ่านดวงตาที่บวมแดงและมีคราบน้ำตา เจ้าหน้าที่ผู้ชายจากภาควิชาช่วยกันหามร่างของแบงค์ลงจากรถไปไว้ที่ตั่งไม้อัดสีแดงตกแต่งลวดลายดอกไม้สีทองรอบขอบและขาของตั่งมีผ้าขาวรองทับเอาไว้ เจ้าหน้าที่ได้นัดแนะและให้พี่นุ พี่ชายคนโตของแบงค์เซ็นเอกสารเล็กๆ น้อยๆ ก่อนที่อีกสามวันเขาจะมารับศพของเขาเพื่อไปเป็นอาจารย์ใหญ่ให้นักศึกษาแพทย์ได้ศึกษาสรีระวิทยาผ่านร่างไร้วิญญาณของเขา พี่น้ำพี่สาวคนที่สองของแบงค์เทน้ำอบน้ำปรุงลงในขันที่พี่บอยสัปเหร่อของวัดตระเตรียมไว้ให้ เธอยังคงร้องไห้กระซิกๆ ผมวางกระถางธูปตรงถาดธูปเทียนหน้าโลงศพที่รอการบรรจุร่างของแบงค์ พระในวัดที่ทราบข่าวก็ทยอยกันมาชุมนุมมารอพิธีการรดน้ำศพ แบงค์เคยบวชเรียนที่นี่มาตั้งหลายปี พระหลายๆ รูปผมคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดีเพราะบางท่านเป็นสหายธรรมของแบงค์
“เจฟ พี่ช่วยแชร์ข่าวการตายของแบงค์ในเฟสบุ๊คแล้วนะ แมนก็ช่วยกระจายข่าวในหน้าเฟสวจก. ให้แล้ว” พี่นพเพื่อนเรียนสาขาเดียวที่มหาวิทยาลัยและเป็นที่ปรึกษาความรักมือหนึ่งของแบงค์ช่วยแจ้งข่าวการเสียชีวิตของแบงค์ให้เพื่อนๆ ได้ทราบกัน “ฮัลโลวเบียร์ อีกชั่วโมงนึงถึงเหรอ พี่อยู่ที่วัดแล้ว” พี่นพหลบไปรับสายโทรศัพท์เบียร์ ผมแอบหลบมานั่งที่ม้านั่งไม้ทาสีฟ้าข้างๆ ศาลาไว้ศพอีกศาลาหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ กัน นาทีนี้...ผมต้องยอมรับความจริงว่าผมได้สูญเสียเขาไปแล้ว ความตายแม้จะเป็นสัจธรรมที่มนุษย์ทุกผู้ สรรพสัตว์ทั้งหลายในโลกใบนี้จะต้องได้พบเจอ เพราะมีการเกิดก็ย่อมต้องมีการดับ เกิด-ดับ...เกิด-ดับ... ไม่รู้จักจบจักสิ้น มันเป็นอิทัปปัจจยตาที่แบงค์อธิบายให้ผมฟังก่อนเขาตายจากผมไป