ต่อจาก
(Y) น้ำค้างมองพระจันทร์ บทที่ 1.1 ตายแล้ว...ไปไหน? เขียนโดย... กัลปังหา
http://pantip.com/topic/30447400
และ
(Y) น้ำค้างมองพระจันทร์ บทที่ 1.2 ตายแล้ว... ไปไหน? เขียนโดย... กัลปังหา
http://pantip.com/topic/30448112
"เจฟ พรันผรือลูก เห็นเงียบไปตั้งนาน” เสียงของแม่ทำให้ผมตื่นห้วงความคิดในช่วงเวลาที่แบงค์จากไป สัมผัสอุ่นๆ จากร่างของแบงค์ยังคงรู้สึกได้
“ไม่มีไหรครับแม่” ผมพูดปด “งั้น! พอแค่นี้ก่อนครับ เดี๋ยวค่อยเจอกัน” ผมกดวางสายโทรศัพท์มานั่งคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าร่างของแบงค์ ชุดสูทสีดำขับใบหน้าแบงค์ให้ขาวซีดให้เด่นขึ้น และมีผ้าห่มแพรสีเหลืองห่มร่างของเขาไว้ถึงหน้าอก มือขวาของแบงค์ถูกจัดให้แบไว้เพื่อรับน้ำอบน้ำปรุง เขาดูเหมือนคนที่หลับไปมากกว่า ร่างของดูผอมกว่าเมื่อก่อนไปโข เขาเป็นคนร่างใหญ่แต่เมื่อป่วยก็ซูบผอมลงเพราะกินอะไรไม่ได้ถึงกินเข้าไปก็สำรอกอาเจียนออกมา มีพระสงฆ์ชรารูปหนึ่งเดินเข้ามาในศาลา ท่านนุ่งห่มสีแตกต่างจากพระรูปอื่นคือท่านนุ่งห่มสบงจีวรสีเหลืองหม่นๆ แบงค์เคยบอกว่าจีวรสีเช่นนี้มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่าสีพระราชนิยม หรือที่เรียกอย่างสามัญว่า สีราช พระรูปอื่นๆ ท่านนุ่งห่มจีวรสีเหลืองเจือแดงเข้ม พระท่านนี้คือหลวงพ่อเจ้าคุณเจ้าอาวาสวัด
“อนิจจํ ทุกฺขํ อนตฺตา” หลวงพ่อท่านมองร่างของแบงค์แล้วรำพัน ท่านเดินกลับมานั่งที่เก้าอี้ไม้สำหรับฝ่ายสงฆ์ข้างๆ ที่นั่งสวดพระอภิธรรมของพระภิกษุสามเณร
ผมเดินตามท่านไปติดๆ แล้วก้มลงกราบท่านแบบเบญจางคประดิษฐ์แทบเท้าของท่าน “นมัสการครับหลวงพ่อ” แบงค์เคยบอกว่าท่านไม่ชอบให้ใครเรียกท่านว่า ‘ท่านเจ้าคุณ’ ท่านชอบให้ทุกคนเรียกท่านว่า ‘หลวงพ่อ’ มากกว่า
“เสียใจด้วยนะ ชีวิตคนเราไม่มีอะไรแน่นอนเอาเสียเลย อายุยังหนุ่มยังแน่น น่าเสียดายๆ”หลวงพ่อท่านกล่าวแสดงความเสียใจต่อผม สำหรับชาววัดการเสียชีวิตของแบงค์ถือเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย
“ครับหลวงพ่อ” ผมพนมมือรับคำ ท่านเป็นเนื้อนาบุญโดยแท้ รัศมีแห่งความเมตตาแผ่ซ่านจนทำให้ผมรู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง “ พี่นุเรียกผมไปคุยรายละเอียดเกี่ยวกับการจัดการงานศพ ผมจึงขออนุญาตหลวงพ่ออกมาคุยธุระ เราตกลงกันว่าตั้งศพแบงค์เพื่อบำเพ็ญกุศลศพเป็นเวลาสามคืนตามที่เจ้าหน้าที่ทางภาควิชากายวิภาคศาสตร์อนุญาตให้เต็มที่ พิธีรดน้ำศพกำลังเริ่มขึ้น พ่อและแม่ของผมก็มาถึงแล้ว พี่น้ำนั่งอยู่ทางศีรษะของแบงค์คอยส่งขันน้ำอบใบเล็กให้เหล่าแขกเหรื่อที่เมารดน้ำศพ ส่วนตัวผมเองนั่งอยู่ปลายเท้าของเขาคอยนั่งรับเหล่าบรรดาพระสงฆ์รวมตัวกันเข้าแถวรดน้ำศพโดยเริ่มจากหลวงพ่อเจ้าคุณเป็นองค์ประธาน
“มรณํ อนตีโต เราไม่อาจล่วงพ้นความตายไปได้ ไม่ช้าหรือเร็วเราทั้งหลายที่อยู่ในที่แห่งนี้และที่อื่นๆ ก็มีความตายเป็นที่สุด” หลวงพ่อเจ้าคุณรดน้ำลงบนฝ่ามือของแบงค์แล้วเดินกลับไป
“ตเถว กตปุญฺญมฺปิ อสฺมา โลกา ปรํ คตํ ปุญฺญานิ ปฏิคณฺหนฺติ ปิยํ ญาตึว อาคตํ บุญที่ได้ทำไว้ในโลกนี้ ย่อมต้อนรับผู้ที่จากไป เหมือนญาติที่รักมาจากที่ไกล ฝูงชนย่อมเต็มใจต้อนรับ” ท่านพระครู พระกรรมวาจาจารย์ของแบงค์เข้ามารดน้ำศพบนฝ่ามือเขา ผมเห็นถึงความไม่แน่นอนในชะตากรรมของมนุษย์เอาเสียจริงๆ ท่านพระครูนั้น แม้ว่าท่านมีโรคภัยรุมเร้าเบียดเบียนมากมายแต่ท่านก็ใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาท มีชีวิตยืนยาวจนได้มารดน้ำศพลูกศิษย์อย่างแบงค์เอาเสียได้
โลงที่ไว้ใส่ศพ ไม่ได้ทำขึ้นมาไว้ใส่จำเพาะผู้ที่ล่วงเข้าวัยชราเท่านั้น พระสงฆ์รูปแล้วรูปเล่าเข้ามารดน้ำศพแบงค์ ครานี้ถึงเวลาของเหล่าฆราวาสทั้งหลายเข้ามารดน้ำศพ โดยเริ่มจากพ่อของผมเองซึ่งเป็นผู้ใหญ่ที่สุด
“อโหสิกรรมให้พ่อด้วยนะแบงค์ สิ่งที่ไม่ดีทั้งที่พ่อเคยทำต่อลูก พ่อขอให้ลูกอโหสิกรรมด้วยนะ” พ่อของผมรดน้ำอบลงบนฝ่ามือของแบงค์ พ่อมองผมก่อนที่จะเดินไปที่นั่ง
“แม่ขอให้ลูกแบงค์ไปสู่สุคติ ไม่ต้องห่วงเจฟ ถ้ารู้ว่าลูกจากไปแบบนี้ แม่คงจะทำดีต่อลูกมากกว่านี้” แม่ของผมพูดอำลาแบงค์และรดน้ำอบอย่างอาลัย
“แบงค์แกเป็นน้องที่ดี เป็นเพื่อนที่ดี ไม่น่าด่วนจากไปเลย หลับให้สบายนะเว้ย” พี่นพเพื่อนสนิทอีกคนของแบงค์เข้ารดน้ำศพเป็นรายต่อไป หลายๆ คนเข้ามารดน้ำศพแบงค์แล้วก็บ่นพึมพำๆ มีคนเคยกล่าวไว้การที่ต้องกล่าวคำสดุดีผู้นั้นเลวร้ายยิ่งกว่าการเป็นผู้ตายนอนรอให้ผู้อื่นกล่าวคำสดุดีเสียอีก
“ไปดีนะน้องพี่ หลับให้สบาย ลืมความทุกข์และความเจ็บปวดในชาตินี้ คงจะได้เจอพ่อกับแม่ที่อยู่บนสวรรค์แล้ว” พี่นุรดน้ำศพอำลาน้องชายคนเดียวของเขาแล้วนั่งอยู่ลำพังเงียบๆ
“ไม่ต้องเป็นห่วงน้องภูมินะ ลูกของพี่ พี่ก็ต้องดูแลได้” พี่น้ำพูดถึงน้องภูมิ ลูกชายของพี่น้ำที่เกิดขึ้นมาจากความไม่ตั้งใจกับเจ้านายของเธอ แบงค์รักและสงสารหลานชายคนนี้มากจึงรับเด็กน้อยเป็นบุตรบุญธรรม และแล้ว...
(Y) น้ำค้างมองพระจันทร์ บทที่ 2.1 ชายผู้ตามพระจันทร์ เขียนโดย... กัลปังหา
ต่อจาก
(Y) น้ำค้างมองพระจันทร์ บทที่ 1.1 ตายแล้ว...ไปไหน? เขียนโดย... กัลปังหา
http://pantip.com/topic/30447400
และ
(Y) น้ำค้างมองพระจันทร์ บทที่ 1.2 ตายแล้ว... ไปไหน? เขียนโดย... กัลปังหา
http://pantip.com/topic/30448112
"เจฟ พรันผรือลูก เห็นเงียบไปตั้งนาน” เสียงของแม่ทำให้ผมตื่นห้วงความคิดในช่วงเวลาที่แบงค์จากไป สัมผัสอุ่นๆ จากร่างของแบงค์ยังคงรู้สึกได้
“ไม่มีไหรครับแม่” ผมพูดปด “งั้น! พอแค่นี้ก่อนครับ เดี๋ยวค่อยเจอกัน” ผมกดวางสายโทรศัพท์มานั่งคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าร่างของแบงค์ ชุดสูทสีดำขับใบหน้าแบงค์ให้ขาวซีดให้เด่นขึ้น และมีผ้าห่มแพรสีเหลืองห่มร่างของเขาไว้ถึงหน้าอก มือขวาของแบงค์ถูกจัดให้แบไว้เพื่อรับน้ำอบน้ำปรุง เขาดูเหมือนคนที่หลับไปมากกว่า ร่างของดูผอมกว่าเมื่อก่อนไปโข เขาเป็นคนร่างใหญ่แต่เมื่อป่วยก็ซูบผอมลงเพราะกินอะไรไม่ได้ถึงกินเข้าไปก็สำรอกอาเจียนออกมา มีพระสงฆ์ชรารูปหนึ่งเดินเข้ามาในศาลา ท่านนุ่งห่มสีแตกต่างจากพระรูปอื่นคือท่านนุ่งห่มสบงจีวรสีเหลืองหม่นๆ แบงค์เคยบอกว่าจีวรสีเช่นนี้มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่าสีพระราชนิยม หรือที่เรียกอย่างสามัญว่า สีราช พระรูปอื่นๆ ท่านนุ่งห่มจีวรสีเหลืองเจือแดงเข้ม พระท่านนี้คือหลวงพ่อเจ้าคุณเจ้าอาวาสวัด
“อนิจจํ ทุกฺขํ อนตฺตา” หลวงพ่อท่านมองร่างของแบงค์แล้วรำพัน ท่านเดินกลับมานั่งที่เก้าอี้ไม้สำหรับฝ่ายสงฆ์ข้างๆ ที่นั่งสวดพระอภิธรรมของพระภิกษุสามเณร
ผมเดินตามท่านไปติดๆ แล้วก้มลงกราบท่านแบบเบญจางคประดิษฐ์แทบเท้าของท่าน “นมัสการครับหลวงพ่อ” แบงค์เคยบอกว่าท่านไม่ชอบให้ใครเรียกท่านว่า ‘ท่านเจ้าคุณ’ ท่านชอบให้ทุกคนเรียกท่านว่า ‘หลวงพ่อ’ มากกว่า
“เสียใจด้วยนะ ชีวิตคนเราไม่มีอะไรแน่นอนเอาเสียเลย อายุยังหนุ่มยังแน่น น่าเสียดายๆ”หลวงพ่อท่านกล่าวแสดงความเสียใจต่อผม สำหรับชาววัดการเสียชีวิตของแบงค์ถือเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย
“ครับหลวงพ่อ” ผมพนมมือรับคำ ท่านเป็นเนื้อนาบุญโดยแท้ รัศมีแห่งความเมตตาแผ่ซ่านจนทำให้ผมรู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง “ พี่นุเรียกผมไปคุยรายละเอียดเกี่ยวกับการจัดการงานศพ ผมจึงขออนุญาตหลวงพ่ออกมาคุยธุระ เราตกลงกันว่าตั้งศพแบงค์เพื่อบำเพ็ญกุศลศพเป็นเวลาสามคืนตามที่เจ้าหน้าที่ทางภาควิชากายวิภาคศาสตร์อนุญาตให้เต็มที่ พิธีรดน้ำศพกำลังเริ่มขึ้น พ่อและแม่ของผมก็มาถึงแล้ว พี่น้ำนั่งอยู่ทางศีรษะของแบงค์คอยส่งขันน้ำอบใบเล็กให้เหล่าแขกเหรื่อที่เมารดน้ำศพ ส่วนตัวผมเองนั่งอยู่ปลายเท้าของเขาคอยนั่งรับเหล่าบรรดาพระสงฆ์รวมตัวกันเข้าแถวรดน้ำศพโดยเริ่มจากหลวงพ่อเจ้าคุณเป็นองค์ประธาน
“มรณํ อนตีโต เราไม่อาจล่วงพ้นความตายไปได้ ไม่ช้าหรือเร็วเราทั้งหลายที่อยู่ในที่แห่งนี้และที่อื่นๆ ก็มีความตายเป็นที่สุด” หลวงพ่อเจ้าคุณรดน้ำลงบนฝ่ามือของแบงค์แล้วเดินกลับไป
“ตเถว กตปุญฺญมฺปิ อสฺมา โลกา ปรํ คตํ ปุญฺญานิ ปฏิคณฺหนฺติ ปิยํ ญาตึว อาคตํ บุญที่ได้ทำไว้ในโลกนี้ ย่อมต้อนรับผู้ที่จากไป เหมือนญาติที่รักมาจากที่ไกล ฝูงชนย่อมเต็มใจต้อนรับ” ท่านพระครู พระกรรมวาจาจารย์ของแบงค์เข้ามารดน้ำศพบนฝ่ามือเขา ผมเห็นถึงความไม่แน่นอนในชะตากรรมของมนุษย์เอาเสียจริงๆ ท่านพระครูนั้น แม้ว่าท่านมีโรคภัยรุมเร้าเบียดเบียนมากมายแต่ท่านก็ใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาท มีชีวิตยืนยาวจนได้มารดน้ำศพลูกศิษย์อย่างแบงค์เอาเสียได้ โลงที่ไว้ใส่ศพ ไม่ได้ทำขึ้นมาไว้ใส่จำเพาะผู้ที่ล่วงเข้าวัยชราเท่านั้น พระสงฆ์รูปแล้วรูปเล่าเข้ามารดน้ำศพแบงค์ ครานี้ถึงเวลาของเหล่าฆราวาสทั้งหลายเข้ามารดน้ำศพ โดยเริ่มจากพ่อของผมเองซึ่งเป็นผู้ใหญ่ที่สุด
“อโหสิกรรมให้พ่อด้วยนะแบงค์ สิ่งที่ไม่ดีทั้งที่พ่อเคยทำต่อลูก พ่อขอให้ลูกอโหสิกรรมด้วยนะ” พ่อของผมรดน้ำอบลงบนฝ่ามือของแบงค์ พ่อมองผมก่อนที่จะเดินไปที่นั่ง
“แม่ขอให้ลูกแบงค์ไปสู่สุคติ ไม่ต้องห่วงเจฟ ถ้ารู้ว่าลูกจากไปแบบนี้ แม่คงจะทำดีต่อลูกมากกว่านี้” แม่ของผมพูดอำลาแบงค์และรดน้ำอบอย่างอาลัย
“แบงค์แกเป็นน้องที่ดี เป็นเพื่อนที่ดี ไม่น่าด่วนจากไปเลย หลับให้สบายนะเว้ย” พี่นพเพื่อนสนิทอีกคนของแบงค์เข้ารดน้ำศพเป็นรายต่อไป หลายๆ คนเข้ามารดน้ำศพแบงค์แล้วก็บ่นพึมพำๆ มีคนเคยกล่าวไว้การที่ต้องกล่าวคำสดุดีผู้นั้นเลวร้ายยิ่งกว่าการเป็นผู้ตายนอนรอให้ผู้อื่นกล่าวคำสดุดีเสียอีก
“ไปดีนะน้องพี่ หลับให้สบาย ลืมความทุกข์และความเจ็บปวดในชาตินี้ คงจะได้เจอพ่อกับแม่ที่อยู่บนสวรรค์แล้ว” พี่นุรดน้ำศพอำลาน้องชายคนเดียวของเขาแล้วนั่งอยู่ลำพังเงียบๆ
“ไม่ต้องเป็นห่วงน้องภูมินะ ลูกของพี่ พี่ก็ต้องดูแลได้” พี่น้ำพูดถึงน้องภูมิ ลูกชายของพี่น้ำที่เกิดขึ้นมาจากความไม่ตั้งใจกับเจ้านายของเธอ แบงค์รักและสงสารหลานชายคนนี้มากจึงรับเด็กน้อยเป็นบุตรบุญธรรม และแล้ว...