“ทำไมฮุนเซนถึงกล้าเล่นแรงกับไทย แต่ไม่เคยเห็นดราม่าชายแดน–การเมืองกับ เวียดนาม ในระดับเดียวกันเลย?

ในสายตาคนไทย หลายคนอดสงสัยไม่ได้ว่า  “ทำไมฮุนเซนถึงกล้าเล่นแรงกับไทย แต่ไม่เคยเห็นดราม่าชายแดน–การเมืองกับเวียดนามในระดับเดียวกันเลย?”

https://www.facebook.com/share/p/1DePFwat7y/?mibextid=wwXIfr


คำตอบไม่ได้มีแค่ “กล้า–ไม่กล้า” แบบอารมณ์คน แต่คือโครงสร้างอำนาจ 40 ปีที่เวียดนามสร้าง–ประคอง–ผูกผลประโยชน์ร่วมกับระบอบฮุนเซน จนทั้งสองฝ่ายกลายเป็นหุ้นส่วนที่ไม่มีเหตุผลอะไรจะเปิดศึกกันเอง

บทความนี้ขอชวนมองแบบ “แกะระบบ” ว่า เวียดนามทำอะไรกับฮุนเซนไว้ตั้งแต่ต้น จนวันนี้กัมพูชากล้าใช้ไทยเป็นตัวละครในเกมชาตินิยม แต่ไม่เอาเวียดนามมาเล่น

1. จุดเริ่มต้น: ฮุนเซนคือผลผลิตของสงครามที่เวียดนามเป็นคนเปิดเกม

ธันวาคม 1978 เวียดนามบุกโค่นเขมรแดง เปิดทางให้ตั้งระบอบใหม่ชื่อ “สาธารณรัฐประชาชนกัมพูชา (PRK)” ใต้การอุปถัมภ์ของฮานอย  
ในรัฐบาลใหม่นั้น ฮุนเซนถูกดันขึ้นมาเป็น รมว.ต่างประเทศตั้งแต่อายุราว 26 ปี ก่อนจะขยับขึ้นเป็นนายกฯ ในเวลาต่อมา สื่อต่างประเทศและงานวิชาการจำนวนมากบันทึกตรงกันว่า เขาคือหนึ่งในแกนนำที่เวียดนาม “เลือกแล้วว่าคุยกันรู้เรื่อง”

พูดแบบภาษาตรง ๆ คือ ถ้าไม่มีเวียดนามบุกเขมรแดง – ก็ไม่มีฮุนเซนในแบบที่เรารู้จักทุกวันนี้

เส้นทางสู่การเป็น “ผู้นำเบอร์หนึ่งของกัมพูชา” ของฮุนเซน จึงไม่ใช่เส้นทางแบบผู้นำชาตินิยมที่ลุกขึ้นสู้เวียดนาม แต่ตรงกันข้ามคือ เกิด–โต–แข็ง บนการหนุนจากเวียดนาม

2. วาทกรรม “กตัญญูเวียดนาม”: ประกาศกลางโลกว่าไม่มีฮุนเซนถ้าไม่มีฮานอย

ตลอดหลายสิบปีของการครองอำนาจ ฮุนเซนไม่เคยซ่อนความผูกพันกับเวียดนามเลย ตรงกันข้าม เขาพูดในที่สาธารณะหลายครั้งว่า:
• ถ้าไม่มีเวียดนามเข้ามาโค่นเขมรแดง ก็ “ไม่มีฮุนเซน และไม่มีประเทศกัมพูชาในแบบวันนี้”
• ในพิธีรำลึกชัยชนะเหนือเขมรแดง เขาย้ำซ้ำ ๆ ถึง “เลือดเนื้อของทหารเวียดนาม” ที่สละชีวิตในกัมพูชา และกล่าวขอบคุณทั้งพรรค รัฐ และประชาชนเวียดนามอย่างเปิดเผย

ข้อความพวกนี้คือการ “ล็อกกรอบเรื่องเล่า” ว่าเวียดนามไม่ใช่ศัตรู แต่คือเพื่อนผู้ช่วยชีวิต และการโจมตีเวียดนามแรง ๆ ในเชิงชาตินิยม เท่ากับกระทืบประวัติศาสตร์ที่ตัวเองยืนอยู่

เพราะฉะนั้น ถามว่า “ทำไมไม่เห็นฮุนเซนปลุกม็อบด่าเวียดนามแบบที่ด่าไทย?” ก็เพราะถ้าทำแบบนั้น ตำนานตัวเองจะพังทั้งชุด

3. เวียดนามไม่เล่นศึกชายแดน แต่เล่น “สัญญาเขตแดน” ให้จบ แล้วล็อกเกมยาว

เรื่องชายแดนกัมพูชา–ไทย กับกัมพูชา–เวียดนามมีความต่างสำคัญ:
• ฝั่งเวียดนาม–กัมพูชา มีสนธิสัญญาเขตแดนปี 1985 มีสนธิสัญญาเพิ่มเติมปี 2005 และล่าสุดปี 2019 ทั้งสองประเทศลงนามสนธิสัญญาเสริม และแลกเปลี่ยนสัตยาบันว่าด้วยการปักปันเขตแดนบนบกเกือบทั้งหมดเสร็จสิ้นแล้ว

แม้จะมีฝ่ายต่อต้านในกัมพูชาด่าแรง ว่าข้อตกลงเหล่านี้อิงเอกสารยุคเวียดนามยึดครอง และอาจกระทบอธิปไตยกัมพูชา แต่รัฐบาลฮุนเซนก็เดินหน้ารับรองในสภาแบบรวดเดียวผ่าน

แปลว่าในเชิงโครงสร้าง ฮุนเซนเลือก “ปิดเกมชายแดนกับเวียดนามด้วยปากกา” ไม่ใช่ด้วยปืน

ผลลัพธ์คือ
• ชายแดนฝั่งเวียดนามค่อนข้างนิ่ง
• เวียดนามพอใจที่มีเพื่อนบ้านที่ “เคลียร์แผนที่กันแล้ว”
• ระบอบฮุนเซนได้ “การันตี” ว่าจะไม่มีเรื่องชายแดนฝั่งตะวันออกมาปั่นให้ระบอบตัวเองสั่นคลอนได้ง่าย ๆ

4. ผูกหุ่นทางเศรษฐกิจ: เวียดนาม = ตลาด–โรงงาน–หุ้นส่วนระยะยาว

นอกจากการเมืองและทหาร ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจก็ผูกกันแน่นขึ้นเรื่อย ๆ :
• การค้ากัมพูชา–เวียดนาม โตเกินหลายเท่าในรอบสิบปี จากหลักพันล้านดอลลาร์ ไปสู่ระดับกว่าสิบพันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี
• เป้าร่วมล่าสุดคือดันตัวเลขการค้าสองประเทศให้แตะ 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

ในทางปฏิบัติ เวียดนามไม่ใช่แค่ “เพื่อนการเมือง” แต่คือ
• ทางผ่านสินค้า–โลจิสติกส์ ไปออกทะเลและเชื่อมต่อเศรษฐกิจใหญ่
• แหล่งทุน–โครงการลงทุนของเอกชนเวียดนามในกัมพูชา
• และเป็น “ตัวอย่างประเทศ” ที่โตเร็ว ยืนบนฐานเศรษฐกิจแข็ง

ดังนั้น สำหรับผู้นำแบบฮุนเซน การชนกับเวียดนามไม่ใช่แค่เรื่องศักดิ์ศรี แต่มันคือการระเบิดเส้นเลือดใหญ่ทางเศรษฐกิจของตัวเอง

5. แล้วทำไมไทยถึงโดนเล่นเกมชาตินิยมบ่อยกว่าเวียดนาม?

ถ้าดูให้ครบทุกมิติ จะเห็น pattern ประมาณนี้:
ฝั่งเวียดนาม
• คือผู้โค่นเขมรแดงและปั้นรัฐบาลใหม่ให้ฮุนเซน
• มีสนธิสัญญาเขตแดนที่ฮุนเซนเองยอมรับและผลักดัน
• ผูกแน่นด้วยผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ–การเมือง

โจมตีเวียดนามแรง ๆ
• ขัดกับเรื่องเล่าที่ใช้สร้างความชอบธรรมของตัวเอง
• เสี่ยงกระทบเศรษฐกิจหนัก
• เปิดช่องให้ฝ่ายค้านย้อนว่า “แล้ว 40 ปีที่นายอยู่ภายใต้อิทธิพลเวียดนามล่ะ?”

ฝั่งไทย
• มีประวัติศาสตร์ขัดแย้งชายแดน–เขตแดน ที่หยิบมาเล่าใหม่ได้ตลอด
• กระแสชาตินิยมต่อต้านไทยในกัมพูชาถูกผลิตซ้ำเป็นระยะ เช่น ช่วงพิพาทปราสาทพระวิหาร
• การชี้นิ้วใส่ไทยในยามวิกฤต ช่วยสร้างภาพ “ศัตรูภายนอก” เบี่ยงความสนใจจากปัญหาเศรษฐกิจหรือการเมืองในประเทศ

พูดแบบไม่อ้อมค้อม: ไทยคือคู่ขัดแย้งที่ “เล่นการเมืองได้” ส่วนเวียดนามคือเสาหลักที่ “ห้ามแตะ”

6. เวียดนาม “ทำอะไร” กับฮุนเซนกันแน่?

สรุปในมุมวิเคราะห์เชิงโครงสร้าง เวียดนามทำ 4 อย่างนี้กับฮุนเซน (และระบอบเขา):
1. 1) ช่วยให้เกิดและอยู่รอด – บุกโค่นเขมรแดง และติดตั้งรัฐบาลใหม่ที่ฮุนเซนเป็นแกนนำตั้งแต่แรก
2. 2) ให้ความชอบธรรมทางประวัติศาสตร์ – สร้างเรื่องเล่าร่วมกันว่า “เวียดนามช่วยกัมพูชาพ้นฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” ซึ่งฮุนเซนพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนกลายเป็น narrative หลักของระบอบ
3. 3) ปิดเกมชายแดนด้วยสัญญา – ผลักสนธิสัญญา 1985 – 2005 – 2019 ให้ชายแดนส่วนใหญ่ “นิ่ง” แล้วลิงก์เสถียรภาพนั้นเข้ากับความชอบธรรมของรัฐบาลปัจจุบัน
4. 4) ผูกผลประโยชน์เศรษฐกิจ–การค้าในระดับโครงสร้าง – ทำให้การชนเวียดนาม = ทำลายอนาคตเศรษฐกิจของตัวเอง มากกว่าผลิตคะแนนนิยม

เมื่อเอาทั้งสี่ข้อนี้มารวมกัน จึงไม่แปลกที่เราจะเห็นภาพชัดเจนว่า ฮุนเซนจะกล้าเล่นแรงกับไทย แต่กับเวียดนาม เขาไม่ได้มองว่าเป็นคู่แข่งให้ “รุกราน” ตั้งแต่แรก — เพราะทั้งตัวเขาและระบอบที่เขาสร้างขึ้นมา ถูกผูกและปั้นขึ้นมาจากฝั่งฮานอยตั้งแต่วันเกิดใหม่ทางการเมืองแล้ว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่