ม่านบังใจ (ชื่อชั่วคราว) ตอนที่ ๕

กระทู้สนทนา
ตอนที่ ๑ http://pantip.com/topic/30434386
ตอนที่ ๒ http://pantip.com/topic/30438072
ตอนที่ ๓ http://pantip.com/topic/30442654
ตอนที่ ๔ http://pantip.com/topic/30445301
                    แสงแดดอ่อนๆ ส่องผ่านม่านที่ปิดไม่สนิททอดเงาบนใบหน้างามของคัทลียา หญิงสาวพลิกตัวหลบแดด สักพักก็ลืมตาตื่น หญิงสาวกระพริบตา เธอไม่ได้ตื่นขึ้นมาในอพาร์ทเมนท์หรูย่านดาวน์ทาวน์ในแมนฮัตตัน ที่นี่ห้องนอนของเธอที่บ้านในกรุงเทพฯ คัทลียาเอื้อมมือหยิบนาฬิกาตั้งโต๊ะเรือนทองขึ้นมาดู เที่ยงกว่าแล้ว หญิงสาวดีดตัวลุกขึ้นนั่ง บิดขี้เกียจ นี่เธอหลับไปกี่ชั่วโมงกันนะ คัทลียากำลังคิดว่าเธอจะใช้เวลาที่เหลือของวันทำอะไรดี เธอขาดการติดต่อกับเพื่อนในวัยเด็กไป และไม่คิดจะหาทางสานสัมพันธ์ต่อ

    “คชาไปไหน” คัทลียาถามเมื่อเห็นคะนึงนิจนั่งรับประทานอาหารกลางวันเพียงลำพัง

    “พี่คชาไปติวหนังสือที่บ้านเพื่อนค่ะ ส่วนน้านงค์ไปเยี่ยมเพื่อน” คะนึงนิจตอบ รินน้ำมะนาวใส่แก้วให้พี่สาว

    “ฉันถามถึงคชาคนเดียว คนอื่นที่ฉันไม่ได้ถามก็ไม่ต้องบอก” คัทลียาพูดเสียงเรียบ

    “ขอโทษค่ะ” คะนึงนิจตอบเสียงอ่อย “พี่แคลร์จะทานอะไรเป็นมื้อเช้าคะ”

    “เธอกินอะไรอยู่” คัทลียาชะโงกหน้าดูจานข้าวน้องสาว

    “ข้าวผัดน้ำพริกอ่องค่ะ แล้วก็แกงจืดฟักตุ๋นไก่มะนาวดอง พี่แคลร์จะรับด้วยไหมคะ”

    “อือ”

    คะนึงนิจกดกริ่งเรียกเด็กรับใช้

    “เตรียมอาหารให้คุณแคลร์ด้วย” คะนึงนิจสั่งพลางชี้อาหารในจานของตน

    “ค่ะ” เด็กรับใช้ตอบ แล้วรีบเดินกลับเข้าครัว

    “เดี๋ยว” คัทลียามองด้วยหางตา “เอากาแฟดำ ขนมปังปิ้งทาแยมสับปะรด แล้วก็ผลไม้เย็นๆ มาด้วย”

    “ค่ะ” เด็กรับใช้ตอบอย่างหวาดๆ

    คล้อยหลังเจ้านายทั้งสอง น้อยรีบเดินไปรายงานหัวหน้าแม่บ้าน

    “ป้า คุณแคลร์เธออยากได้...” พูดยังไม่ทันจบ เอี่ยมก็พูดแทรกว่า

    “เอ่อ ข้าได้ยินแล้ว”

    “อ้าว ป้าแอบดูอยู่เหรอ”

                     เอี่ยมไม่ตอบ แต่ลงมือทำอาหารให้คัทลียา ไม่ว่าใครอื่นจะพูดเรื่องไม่ดีของคัทลียาอย่างไร ในฐานะคนรับใช้เก่าแก่ นางย่อมรู้จักคุณหนูดีกว่าใคร

    “เสร็จแล้ว ถือระวังด้วยล่ะ”

    น้อยวางจานอาหารตรงหน้าคัทลียาด้วยอาการเกร็ง หากทำอะไรผิดแม้แต่นิดเดียวเธอคงตายแน่นอน

    คัทลียามองหน้าน้องสาวที่ทานข้าวอิ่มแล้ว คะนึงนิจยังนั่งอยู่ที่เดิม ละเลียดน้ำมะนาวทีละนิด

    “กินอิ่มแล้วก็ออกไปสิ” คัทลียาทาแยมลงบนขนมปังปิ้ง

    “นิจนั่งเป็นเพื่อนพี่แคลร์ค่ะ”

    “ไม่ต้อง” คัทลียาพูดเสียงดุ

    “ค่ะ” คะนึงนิจตอบเสียงอ่อย ค่อยๆ ลุกเดินออกไปเงียบๆ

    คัทลียานั่งทานอาหารไปได้ครึ่งจาน อศวรรฒ์ก็เข้ามาในห้องอาหาร ชายหนุ่มชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นคัทลียา

    “คุณอาร์มแวะเข้ามาทานกลางวันหรือคะ” น้อยถามเมื่อเห็นอศวรรฒ์ยืนอยู่หน้าประตูห้องอาหาร

    “ใช่”

    “รอสักครู่ค่ะ หนูจะไปเตรียมให้” น้อยกลับเข้าไปในครัว

                     ห้องอาหารของบ้านชิณเขตต์เป็นห้องกว้างติดกับครัวใน โต๊ะอาหารเป็นโต๊ะยาวยี่สิบสองที่นั่ง คัทลียานั่งรับประทานอาหารอยู่หัวโต๊ะ อศวรรฒ์เลือกนั่งที่ปลายโต๊ะอาหาร น้อยยกแก้วน้ำมาวางตรงหน้าอศวรรฒ์ ชายหนุ่มกล่าวคำขอบคุณ น้อยมองอศวรรฒ์สลับกับคัทลียา พอเห็นว่าบรรยากาศไม่ดีก็รีบออกจากห้อง

                     อศวรรฒ์ถอดเสื้อนอกวางพาดบนเก้าอี้ข้างตัว หยิบไอแพดมานั่งทำงานต่อ เขาเหลือบมองคัทลียา พอเห็นเธอนั่งทานข้าวราวกับว่าเขาไม่มีตัวตนก็รู้สึกอึดอัด    คัทลียาพยายามไม่สนใจว่ามีคนมานั่งร่วมโต๊ะอาหาร “อู้งานมากินข้าวที่บ้าน เนี่ยนะคนดีของพ่อ” หญิงสาวคิดในใจ    น้อยยกอาหารมาวางตรงหน้าอศวรรฒ์ ชายหนุ่มพูดเสียงเบากับน้อยว่า

    “ไปถามคุณแคลร์สิว่า ต้องการอะไรอีกไหม”

    “ค่ะ” น้อยรับคำ แล้วเดินอ้อมโต๊ะไปหาคัทลียา

    “คุณแคลร์จะรับอะไรเพิ่มไหมคะ”

    “ไม่”หญิงสาวเช็ดปากแล้ววางไว้บนโต๊ะ “อ้อ เวลาน้ำชา ยกของว่างขึ้นไปให้ฉันบนห้องด้วย” พูดจบเธอก็ลุกโดยไม่รอคำตอบ

    อศวรรฒ์มองร่างสูงโปร่งเดินตัวปลิวออกจากห้องอาหาร แล้วก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อ น้อยรีบเข้าไปถามเอี่ยม

    “ป้า คุณสองคนนี้เขาไม่ถูกกันหรือ”

    “เอ็งไม่ต้องสู่รู้” เอี่ยมเอ็ด “ถ้าไม่อยากโดนคุณแคลร์อารมณ์เสียใส่ก็อย่าเอ่ยชื่อคุณอาร์มกับคุณนงค์ค์ต่อหน้าเธอก็พอ”

    “จ้ะป้า” น้อยอยากรู้เรื่องมากกว่านี้ คงต้องถามคนใช้คนอื่น

                    พื้นที่ด้านหลังของบ้านชิณเขตต์เป็นคลองสายเล็ก กั้นด้วยรั้วลูกกรงแน่นหนา มีท่าน้ำเล็กๆ พร้อมศาลาริมน้ำซึ่งตอนนี้ถูกปิดตาย ด้านข้างสระว่ายน้ำคือเรือนกล้วยไม้ที่เครือฟ้า

    มารดาของคัทลียาเป็นเจ้าของ หลังจากเครือฟ้าเสียชีวิต อนงค์เป็นผู้ที่คอยดูแลกล้วยไม้หายากเหล่านั้น คัทลียาเลี่ยงที่จะไปใกล้เรือนกล้วยไม้

    หลังจากอนงค์ย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านได้ไม่นาน คัทลียาอาละวาดบ้านแตกเพราะเห็นอนงค์เข้าไปในเรือนกล้วยไม้

    “แย่งพ่อแคลร์ไปแล้ว ยังมาแย่งกล้วยไม้ของแม่แคลร์อีก”

                  นับแต่นั้นคัทลียาไม่เคยเหยียบย่างเข้าไปในเรือนกล้วยไม้อีก หญิงสาวนั่งลงที่ศาลาริมน้ำ ลมเย็นพัดผมเธอปลิวไสว ชีวิตหญิงสาวเรียกได้ว่าเกิดมาเพียบพร้อมทั้งรูปสมบัติและคุณสมบัติ แต่ชีวิตก็เหมือนเสียศูนย์เมื่อแม่เธอจากไปพร้อมกับผู้หญิงคนใหม่ของพ่อที่เข้ามาในบ้าน

                 คัทลียารู้ทั้งรู้ว่าอะไรเป็นอะไร หากแต่อคติบังตา หรืออันที่จริงต้องพูดว่าเธอใช้อคติเป็นเกราะป้องกัน     เสียงฝีเท้าดังกระทบพื้นไม้ คัทลียาหันไปมองที่มาของเสียง พอเห็นว่าเป็นใครหญิงสาวลุกจากเก้าอี้

    “ไม่ต้องลุกหนีหรอกครับ ผมแค่เป็นห่วงเลยมาดู เดี๋ยวก็จะไปแล้ว” อศวรรฒ์พูดเบาๆ

    “ฉันไม่ได้หนี นี่บ้านฉัน แค่ทนเห็นหน้าคนบางคนไม่ได้เท่านั้นเอง” คัทลียาพูดเสียงสั่นด้วยความโกรธ

                    ลมพัดแรงขึ้น ผมของคัทลียาปลิวปรกหน้าปรกตา หญิงสาวหรี่ตาเพราะลมพัดเข้าตาทำให้น้ำตาเอ่อดวงตาคู่สวย คัทลียากระพริบตา เธอรู้สึกว่ามีมือนุ่มๆ มาจับผมเธอให้อยู่ทรง อศวรรฒ์ใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาให้คัทลียาอย่างเบามือ พอลมสงบคัทลียาจ้องหน้าชายหนุ่มราวกับจะกินเลือกกินเนื้อ

    “ท่าน้ำลมแรงแบบนี้แหละครับ” อศวรรฒ์อธิบาย คัทลียาหยิบผ้าเช็ดหน้าในมือชายหนุ่มโยนลงบนพื้น เธอเหยียบผ้าเช็ดหน้าเดินหนีไป
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ม่านบังใจ โดย กัณฐมาศ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่