นิทานชาวสวน ๓/๑๑ ก.พ.๕๖
ชุด ชีวิตระหว่างสงครามเอเซีย
๓.ภัยสงคราม
เมื่อ พ.ศ.๒๔๘๓ ผมยังอยู่ที่บ้านตรอกข้างโรงเรียนนายร้อยทหารบก ริมถนนราชดำเนินนอก ทางราชการเปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่จาก ๑ เมษายน เป็น ๑ มกราคม และเริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๔๘๔ เป็นต้นไป
พอมาถึงเดือน ธันวาคม ๒๔๘๓ สงครามอินโดจีนเพิ่งยุติใหม่ ๆ โดยเราแทบจะไม่รู้เรื่องเลย นอกจากเคยอาศัยนั่งรถสามล้อถีบ เข้าขบวนเรียกร้องดินแดนภาคบูรพา คืนจากฝรั่งเศส แล้วก็มีการเอาอาวุธยุทโธปกรณ์ ที่ยึดได้ จากข้าศึกในสงครามนั้น รวมทั้งธงไชยเฉลิมพลของกองพันทหารฝรั่งเศส มาตั้งอวดที่สนามหลวง เท่านั้น เมื่อเปลี่ยน วันขึ้นปีใหม่ เดือน มกราคม กุมภาพันธ์ มีนาคม ๒๔๘๓ ก็หายไปสามเดือน เพราะไปเป็น พ.ศ.๒๔๘๔ เสียแล้ว ผมจึงมีอายุครบ ๙ ขวบอยู่เพียง ๙ เดือนเท่านั้น ก็เป็น ๑๐ ขวบเลย แล้วจึงย้ายจากบ้านเก่ามาอยู่ที่สวนอ้อย และย้ายจากโรงเรียนดำเนินศึกษา มาเข้าโรงเรียนมัธยมวัดราชาธิวาส ในชั้นมัธยมปีที่ ๒ เปิดเรียนเมื่อเดือน พฤษภาคม ๒๔๘๔
เราเด็ก ๆ ชาวสวนอ้อยกำลังสนุกสนานกัยอยู่ดี ๆ อย่างที่เล่ามาแล้ว พอถึงวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๔๘๔ ญี่ปุ่นก็ยกกองทัพเข้าประเทศไทยมาขอเป็นมิตร ร่วมวงไพบูลย์ด้วย ประเทศไทยได้ต่อต้านไม่กี่ชั่วโมงก็ตกลงร่วมเป็นมิตกัน โดยยอมให้กองทัพญี่ปุ่นยาตราผ่านไทย ไปรบกับอังกฤษมรประเทศมาลายูทางตืจรดสิงคโปร์ และไปรบกับอังกฤษที่ประเทศพม่าทางตะวันตก โดยมีการโฆษณาว่า ได้ถล่มกองทัพอเมริกาที่อ่าวเพิลฮาร์เบอร์ วอดวายไปหมดสิ้นแล้ว ญี่ปุ่นจึงเป็นเจ้าของมหาสมุทร และท้องฟ้าอากาศ ในย่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้งหมด
เราเด็ก ๆ ก็ไม่รู้ว่าสงครามจริง ๆ เป็นอย่างไร เห็นแต่ทหารญี่ปุ่นเต็มกรุงเทพ และพอขึ้นชั้นเรียนใหม่ พฤษภาคม ๒๔๘๕ ก็ไม่มีการสอบ เลื่อนได้หมดทุกคน เรียกว่าโตโจสงเคราะห์ เพราะ โตโจ เป็นชื่อของนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เราก็เฮกันเท่านั้น
(ยังมีต่อครับ)
นิทานชาวสวน ๓/๑๑ ก.พ.๕๖
ชุด ชีวิตระหว่างสงครามเอเซีย
๓.ภัยสงคราม
เมื่อ พ.ศ.๒๔๘๓ ผมยังอยู่ที่บ้านตรอกข้างโรงเรียนนายร้อยทหารบก ริมถนนราชดำเนินนอก ทางราชการเปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่จาก ๑ เมษายน เป็น ๑ มกราคม และเริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๔๘๔ เป็นต้นไป
พอมาถึงเดือน ธันวาคม ๒๔๘๓ สงครามอินโดจีนเพิ่งยุติใหม่ ๆ โดยเราแทบจะไม่รู้เรื่องเลย นอกจากเคยอาศัยนั่งรถสามล้อถีบ เข้าขบวนเรียกร้องดินแดนภาคบูรพา คืนจากฝรั่งเศส แล้วก็มีการเอาอาวุธยุทโธปกรณ์ ที่ยึดได้ จากข้าศึกในสงครามนั้น รวมทั้งธงไชยเฉลิมพลของกองพันทหารฝรั่งเศส มาตั้งอวดที่สนามหลวง เท่านั้น เมื่อเปลี่ยน วันขึ้นปีใหม่ เดือน มกราคม กุมภาพันธ์ มีนาคม ๒๔๘๓ ก็หายไปสามเดือน เพราะไปเป็น พ.ศ.๒๔๘๔ เสียแล้ว ผมจึงมีอายุครบ ๙ ขวบอยู่เพียง ๙ เดือนเท่านั้น ก็เป็น ๑๐ ขวบเลย แล้วจึงย้ายจากบ้านเก่ามาอยู่ที่สวนอ้อย และย้ายจากโรงเรียนดำเนินศึกษา มาเข้าโรงเรียนมัธยมวัดราชาธิวาส ในชั้นมัธยมปีที่ ๒ เปิดเรียนเมื่อเดือน พฤษภาคม ๒๔๘๔
เราเด็ก ๆ ชาวสวนอ้อยกำลังสนุกสนานกัยอยู่ดี ๆ อย่างที่เล่ามาแล้ว พอถึงวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๔๘๔ ญี่ปุ่นก็ยกกองทัพเข้าประเทศไทยมาขอเป็นมิตร ร่วมวงไพบูลย์ด้วย ประเทศไทยได้ต่อต้านไม่กี่ชั่วโมงก็ตกลงร่วมเป็นมิตกัน โดยยอมให้กองทัพญี่ปุ่นยาตราผ่านไทย ไปรบกับอังกฤษมรประเทศมาลายูทางตืจรดสิงคโปร์ และไปรบกับอังกฤษที่ประเทศพม่าทางตะวันตก โดยมีการโฆษณาว่า ได้ถล่มกองทัพอเมริกาที่อ่าวเพิลฮาร์เบอร์ วอดวายไปหมดสิ้นแล้ว ญี่ปุ่นจึงเป็นเจ้าของมหาสมุทร และท้องฟ้าอากาศ ในย่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้งหมด
เราเด็ก ๆ ก็ไม่รู้ว่าสงครามจริง ๆ เป็นอย่างไร เห็นแต่ทหารญี่ปุ่นเต็มกรุงเทพ และพอขึ้นชั้นเรียนใหม่ พฤษภาคม ๒๔๘๕ ก็ไม่มีการสอบ เลื่อนได้หมดทุกคน เรียกว่าโตโจสงเคราะห์ เพราะ โตโจ เป็นชื่อของนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เราก็เฮกันเท่านั้น
(ยังมีต่อครับ)